ภายในงาน Galaxy UNPACKED เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจาก Samsung จะนำเอาสมาร์ทโฟนจอพับ Z Fold 3 และ Flip 3 มาให้เราได้ยลโฉมแล้ว พวกเขายังนำ Galaxy Watch 4 และ Watch 4 Classic มาเปิดตัวอีกด้วย ในราคาเริ่มต้นไม่แพง เพียงแค่ 7,990 บาทเท่านั้น ว่าแต่สมาร์ทวอทช์ซีรีส์นี้จะมีฟีเจอร์หรือจุดเด่นอะไรมากน้อยแค่ไหน มาหาคำตอบได้ในบทความนี้เลยครับ
ระบบปฏิบัติการ Wear OS ครั้งแรกของ Samsung
Galaxy Watch 4 Series ทั้งสองรุ่น ได้เปลี่ยนวิกจาก Tizen OS มาเป็น Wear OS 3 ของ Google ที่ครอบทับด้วย One UI Watch (อารมณ์คล้าย One UI บนพื้นฐาน Android) ซึ่งหน้าตา UI ของ One UI Watch จะสอดคล้องกับ One UI บนสมาร์ทโฟน Galaxy ของ Samsung ไม่ใช่ต่างคนต่างดีไซน์เหมือนสมัยก่อน
โดยใน Wear OS 3 ครั้งนี้ Samsung ได้ไปจับมือร่วมพัฒนากับ Google ด้วย ซึ่งในส่วนนี้ Google เคลมเอาไว้ว่า สมาร์ทวอทช์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Wear OS 3 จะเปิดแอปเร็วขึ้นกว่าเดิม 30% การทำงาน UI จะมีความลื่นไหลกว่าเดิม และเหมือนว่า Samsung จะเข้ามาช่วยปรับแต่งให้การจัดการพลังงานดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย หลังเรื่องนี้ถือเป็นจุดอ่อนของ Wear OS มาโดยตลอด ต่างจาก Tizen ที่เด่นมาก ๆ เรื่องประหยัดพลังงาน
ด้วยความที่ Galaxy Watch 4 Series ได้เปลี่ยนมาใช้ Wear OS ของ Google ทำให้ผู้สวมใส่สามารถเข้าถึงแอปต่าง ๆ ได้มากกว่าเดิม อาทิ Adidas Running, Nike Run Club, Google Maps, Google Play ฯลฯ เยอะกว่าสมัยยังใช้ Tizen OS มาก ๆ
ชิปเซ็ตสถาปัตยกรรม 5 นาโนเมตร ตัวแรกของวงการนาฬิกาอัจฉริยะ
ในด้านชิปเซ็ตประมวลผล Galaxy Watch 4 Series มาเท่มาก ๆ ในครั้งนี้ เพราะขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Exynos W920 ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรมขนาด 5 นาโนเมตร นับเป็นชิปขนาดจิ๋ว 5nm ตัวแรกของวงการอุปกรณ์สวมใส่เลยก็ว่าได้ ซึ่ง Samsung เคลมว่าจะมีประสิทธิภาพ CPU และ GPU แรงกว่าเดิม 20% และ 10 เท่า เมื่อเทียบกับชิปเซ็ตของบริษัทฯ รุ่นก่อน
ด้วยความที่ Exynos W920 นั้นอัปเกรดมาใช้สถาปัตยกรรมการผลิต 5 นาโนเมตรของ Samsung ทำให้นอกจากประสิทธิภาพจะแรงขึ้นกว่าเดิมแล้ว การจัดการพลังงานของ Galaxy Watch 4 Series ก็น่าจะดีขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว เมื่อเอาไปวัดกับ Galaxy Watch รุ่นเก่า ๆ หรือสมาร์ทวอทช์รุ่นอื่น ๆ ในตลาด ณ ปัจจุบัน
วัดคุณภาพการหลับนอน เตือนภัยก่อนเกิดอาการร้าย
Samsung ใส่ฟีเจอร์วัดคุณภาพการหลับนอนแบบ Advanced มาให้บน Galaxy Watch 4 Series ให้ทำงานดีขึ้นและชาญฉลาดกว่าเดิม รอบนี้สามารถตรวจจับได้ว่าผู้สวมใส่กรนคิดเป็นกี่เปอร์เซนต์ของเวลานอนทั้งหมด รวมไปถึงอาการหยุดหายใจระหว่างนอน หรือ Sleep Apnea ซึ่งถือเป็นภัยร้ายเงียบของมนุษย์ ณ ตอนนี้เลยก็ว่าได้ ฟีเจอร์นี้จะแจ้งเตือนให้ผู้สวมใส่ได้ทราบถึงอันตราย เพื่อที่จะได้พบแพทย์ทันเวลาก่อนจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
โดยผู้สวมใส่สามารถเช็ค Sleep Quality ผ่านแอป Samsung Health ได้เหมือนเดิม ดูได้ว่าคืนที่ผ่านมา มี Deep Sleep หรือ Light Sleep เท่าไหร่ คะแนนการหลับนอนทางแอปตัดเกรดให้เท่าไหร่
เซ็นเซอร์สายสุขภาพเพียบ
นอกจากนี้ Galaxy Watch 4 Series ยังมีเซ็นเซอร์อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นวัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง หรือวัดค่าออกซิเจนในเลือด (SpO2) แต่ที่เป็นไฮไลท์ของสมาร์ทวอทช์ซีรีส์นี้ก็คือ เซ็นเซอร์ BioActive ที่ฝังเอาไว้กับปุ่มควบคุมด้านข้างทั้งสองปุ่มของตัวเรือนนั่นเอง โดยผู้สวมใส่สามารถใช้งานง่าย ๆ เพียงแค่เอานิ้วสองนิ้วไปแตะเพียง 15 วินาที จากนั้นระบบจะบอกว่าเรามีมวลร่างกาย กล้ามเนื้อ ไขมัน ฯลฯ เท่าไหร่
รวมถึงในรอบนี้ Galaxy Watch 4 Series ได้มากับความสามารถในการใช้วัดความดันโลหิตได้อีกด้วย ไม่ต้องไปคลีนิคหรือโรงพยาบาล
มาตรฐานกันน้ำ IP68 และ 5ATM
Galaxy Watch 4 Series ผ่านมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นแบบ IP68 ใส่ออกกำลังกายหนัก ๆ ว่ายน้ำ หรือตากฝนได้แบบสบาย ๆ ไม่ต้องกังวลว่าน้ำจะเล็ดรอดเข้าไป แถมยังมีมาตรฐานกันน้ำสากลแบบ 5ATM อีกด้วย ใส่ดำน้ำจืดได้ลึกสูงสุด 50 เมตร แต่…ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่แนะนำให้ใส่ลงเล่นน้ำทะเลนะครับ เนื่องจากมาตรฐานกันน้ำทั้งสอง ไม่ได้มีผลทดสอบในการใช้งานในน้ำเค็ม
ราคาของ Galaxy Watch 4 Series
- Galaxy Watch 4
- หน้าปัด 40 มม. (BT) สีดำและพิงก์โกลด์ ราคา 7,990 บาท
- หน้าปัด 44 มม.
- (BT) สีดำและเขียว ราคา 8,990 บาท
- (LTE) สีดำและเขียว ราคา 10,900 บาท
- Galaxy Watch 4 Classic
- หน้าปัด 46 มม.
- (BT) สีดำและสีเงิน ราคา 11,900 บาท
- (LTE) สีดำ ราคา 13,900 บาท
- หน้าปัด 46 มม.
ข้อมูลเรื่อง exynos ผิด ตัวนี้ประสิทธภาพ gpu ดีขึ้น 10 เท่านะ ไม่มช่ 10%
แอบไปเช็คต้นทางมาอีกรอบ จริงด้วยครับ ตอนนี้แก้ไขแล้ว ขอบคุณมาก ๆ ที่ท้วงเข้ามานะครับผม
ไม่ได้อยากให้มันลื่นขึ้น แค่อยากให้แบตมันอึดขึ้นแบบพวก
Huawei Xiaomi อย่างน้อยอยู่ครบอาทิตย์ก็ยังดี ไม่ใช่ 2 วันชาร์ตที
มันก็ต้องขึ้นอยู่กับฟังก์ชัน ฟีเจอร์ต่างๆ ที่เค้าให้มามันเยอะแค่ไหนด้วยครับ
เพราะว่ายิ่งมีระบบเซนเซอร์ตรวจหลายอย่างทำงานตลอดเวลามันก็กินแบต
ไหนจะเรื่องระบบการแจ้งเตือนด้วยครับ บางยี่ห้อนี่แจ้งเตือนบ้างไม่แจ้งเตือนบ้าง มาๆ หายๆ