วันนี้ทางทวิตเตอร์ @SamsungExynos ได้มีการทวีตข้อความเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของมือถือ ซึ่งอาจจะเป็นการใบ้ว่า Samsung Galaxy Note 4 จะมีระบบสแกนม่านตา เป็นอุปกรณ์เด็ดชิ้นใหม่ติดมากับเครื่องด้วย ข้อความในทวีตนั้นกล่าวถึงระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีกว่าโดยอาศัยสิ่งที่เป็น “เอกลักษณ์” ของแต่ละบุคคล พร้อมทั้งภาพประกอบที่เป็นภาพโฟกัสดวงตาของคนใช้มือถือ ซึ่งมันน่าจะหมายถึงบางสิ่งบางอย่างที่ดีกว่าระบบสแกนลายนิ้วมือที่มีอยู่ใน Samsung Galaxy S5 และ iPhone 5S และนั่นน่าจะหมายถึง ระบบสแกนม่านตา ใน Samsung Galaxy Note 4 นั่นเอง
มีการคาดการณ์กันว่า Samsung จะเปิดตัว Galaxy Note 4 ในงาน IFA 2014 เดือนกันยายนนี้ โดนสเปกตามข่าวลือคือ หน้าจอคมชัดระดับ QHD ขนาด 5.7 นิ้ว, หน่วยประมวลผล Exynos 5433 octa-core พร้อม GPU Mali-T760, RAM 3GB, ความจุ 32GB, กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซลพร้อม OIS และ Android 4.4 KitKat นอกจากนั้น Galaxy Note 4 อาจจะมีรุ่นที่ใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon 805 และ GPU Adreno 420 อีกด้วย ว่าแต่มือถือในภาพขอบจอบางดีจังเลยนะ ^_^
ที่มา: @SamsungExynos ผ่าน SamMobile
จะเปิดตัวเมื่อไรน้อ…
แม่เจ้า
กำเงินรอ
อยากได้ขอบจอบางแบบในรูปต้องจัดเซตะ 5
ก็คงไม่ต่างอะไรกับ สแกนใบหน้า
ที่ Android เคยมี..เอามาใช้งานจริงไม่ได้
และก็เป็นฟังชั่นที่ถูกลืม ไปในที่สุด…
อ่าว เพื่อนผมใช้ ของ SONY XZ แสกนใบหน้า เพื่อล๊อกเครื่องตลอด มันก็ใช้ได้นิครับ
ทุกวันนี้ เครื่องมันหมดประกันแล้วมันก็ยังใช้อยู่นะ
แค่คิดง่ายๆนะครับ เวลานอนปิดไฟ อยากโทรหาเพื่อน ทำไงครับ
ต้องลุกขึ้นมาเปิดไฟ แล้ว แสกน หน้า หรือ ตา เหรอครับ
ผมว่า แค่นี้ก็จบ แล้วนะ ว่ามันไม่สะดวก
หรือแม้กระทั้งเวลาตอนปกติ ปลดล๊อก ต้องเอามาส่องหน้าก่อนแล้วให้มันปลดล๊อกนิ
ผมว่าก็ไม่เวิร์คแล้ว..ยังไม่รวมถึงเวลามันผิดผลาดปลดล๊อกไม่ผ่านอีกนะ
ใช่เลยครับ มืดๆนี่จบเห่เลย ใช้แบบลากๆดีกว่า
มืดๆ scan หน้าไม่ได้ เค้ากด passcode ได้ครับคุณ
แล้วในเวลาปกติ เวลาคุณจะปลดล็อคเพื่อทำอะไรซักอย่าง คุณไม่ต้องมองจอหรอครับ
ถ้ามันมืด แล้วจะแสกนหน้าทำไมล่ะ ก็ปลดล๊อคแบบลากเส้นเอาสิ ยากตรงไหน?
ตลกอ่ะ….นี่ไง เค้าบอกว่า มันมีจุดอ่อนที่ร้ายแรง….
แทนที่จะ…แสกนในที่มืดไม่ได้…ต้องยิ่งพัฒนาระบบให้สามารถแสกนในที่มืดได้ด้วยระบบ บลาๆ
โดนการตรวจจับรังสีอินฟาเรด อะไรก็ว่าไป
แต่นี่อะไร พอแสกนในที่มืดไม่ได้
คุณผุ้ใช้ก็เชิญ ลากเส้น เอาซิครับ..เอางี้เลยเหรอครับ
ผมได้บอกว่า มันห่วย มันยังไม่ถึงเวลา มันแค่…ของเล่น…มันเอามาใช้งานจริงไม่ได้…
ปล. ข่าวนี้เป็นข่าวลือ มานานแล้ว ว่าซัมซุงจะทำเห็นลือทุกรุ่น ไม่รู้ใครเป็นคนปล่อยข่าว
แต่เชื่อว่า ซัมซุง คงไม่ทำ ถ้าทำจริง เทคโนโลยีที่ซัมซุงมี คนได้แค่ถ่ายภาพดวงตา เอาอย่างเคย
เหมือนพวกฟังชั่นหลอกลวง ที่เลื่อนหน้าด้วยสายตา อะไรนั้นแหละ แต่ป่าวเลย ไม่ได้เลือนด้วยสายตานะ
แต่เลือน ทั้งหน้าครับ ต้องผงกหัวขืนลง….เอิ่มม….ตามนั้น
ก็คุณถามว่าถ้าปิดไฟทำไง ต้องเปิดไฟหรอ ใมันลำบากจัง บลาๆ
ผมว่ามันก็จุดอ่อนจริงๆ แต่ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น เพราะผมว่าคนทั่วไปคงใช้มือถือในที่มืดขนาดที่ว่าแสกนหน้าไม่ได้แค่ไม่ถึง 10% ในชีวิตประจำวัน และการกด passcode หรือลากเส้นก็ไม่ได้ยากอะไร
หรือถ้าจะบอกว่าการใส่ passcode หรือลากเส้นมันน่ารำคาญ ไม่สะดวก
… งั้นคนที่ใช้ทั้ง 2 ระบบปลดล็อคนี้คงมีชีวิตที่ลำบากมาก
ปล. ผมพูดถึง face unlock ของ android ยะ ไม่เกี่ยวกับ feature ของ ss
มันก็ตามนั้น มันเลย เป็นแค่ ของเล่นไงครับ
มันเลยเป็น ฟังชั่นที่ถูกลืม…
ใจคอ จะนอน และอยู่ในที่มืด ที่ไม่สามารถแสกนหน้าได้ ตลอดชีวิตเลยรึครับ
รู้ไหม ทำไมเข้ามีหลายๆอย่างให้เลือก
ก็เพื่อให้มันเข้ากับสถานการณ์ที่แตกต่างกันไปไง
คือถ้าชีวิตคุณอยู่แต่ในที่มืดไม่ออกมาเจอที่สว่าง คุณก็ไม่ต้องใช้ฟังชั่นนี้ไงยากหรอ? คือถ้าจะดันทุรังสแกนใบหน้าในที่มืดเค้าเรียก user error ไม่อ่านคำแนะนำแล้วดันทุรังใช้ในสถานที่ที่ไม่เหมาะแล้วก็มาด่าๆ ก็รู้กันอยู่แล้วนี่ว่าฟังชั่นนี้ต้องอยู่ในที่สว่าง คนที่ใช้ประจำก็มีอยู่นะเช่นผม
ในอนาคตอาจจะแสกนในที่มืดได้ก็รอหน่อย อย่าใจร้อน ซื้อของมาเราควรรู้ว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ ไม่ใช่ใช้ไม่เป็นด่าอย่างเดียว อย่าทำตัวเป็นUser Error
ไม่อยากจะคิดถึงตอนพัง แล้วต้องซ่อมเลย…
Note4 note4 note4 note4 note4 5555
เพราะผิดหวังจากรุ่นTopๆ แบรนด์อื่น รอคอยครับเผื่อจะโดนกว่านี้
นึกไว้แล้วก่อนเข้ามาดู จะต้องมี comment แบบมีมาทำไม เพราะอย่างนั้นอย่างนี้
ตอบสั้นๆ เมื่อมี จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ ไม่ใช้ก็ปิดซะ
ทุกวั้นนี้ ฟังก์ชั่นในสมาร์ทโฟนผมก็ปิดหลายตัว จะใช้ก็เปิดมันขึ้นมาก็แค่นั้น
คุณอาจจะไม่ใช้ แต่คนอื่นเค้าใช้ จะใช้ดีไม่ดีก็ต้องดูกันไป
นี่ขนาดยังไม่ได้ขายเลยนะเนี่ย
นี่คือจุดอ่อน ของ ซัมซุง และมีแต่คนคิดแบบนี้ถึงมีอะไรเยอะเยอะรกเครื่องไปหมด
แต่ไม่ดีสักอย่าง…เห็นคู่แข่งมีออะไรก็ใส่มางั้นๆ
อย่าง แสกนม่านตา ผมอยากรู้จริงๆ ว่าตอนมืด หรือ ดับไฟ อยู่ มันต้องปลดล๊อกยังไง
นี่ไงคือจุดอ่อน คือทำไม่ได้
ผมว่าให้ซัมซุงเอาเวลาไปคิด สแกนลายนิ้วมือ สุ้ iphone ให้ได้ดีกว่าครับ มีประโยชน์และใช้ได้จริง
กว่าเยอะ อย่าง ของ iphone แสกนได้ 360 องศาเลย ไม่ต้องรูดขึ้นลงอย่างเดียว…เหมือนของซัมซุง
อันนี้สิ ผมว่าน่าจะพัฒนากว่า ไม่ใช่ทำอีกอย่างแล้วทิ้งอีกอย่าง ไม่ยอมพัฒนาให้มันดี
อย่าง S-voice ก็เหมือนกัน ตอนนั้น Siri เปิดตัวใหม่ ซัมซุงก็เอาเลยกลัวน้อยน่า S-voice มาเลยครับ
แต่เป็นไง หยุดพัฒนาไปแล้ว Chat' On ก็เหมือนกัน…แค่ทำมาเพราะว่าคุ่แข็งมีแล้วใส่สั่วๆ มาก็ใช่เรื่องนะ
ปิดไฟมืดไม่เห็นม่านตาเขาก็ต้องมี unlock สำรองเอาไว้ให้อยู่แล้วเหมือนตอนแสกนใบหน้า ไม่ยากๆ เรื่องแค่นี้ ถ้ามัวแต่คิดอย่างคุณนวัตกรรมก็ไม่ต้องเกิดกันล่ะครับ อยากตอนนั้น Moto Atrix ทำแสกนนิ้วมือมา Apple ก็ไปลอกเอามาต่อยอดอีก
ถ้าคุณเคยใช้แสกนใบหน้าคุณจะรู้ว่าถ้ามันสแกนไม่ติดไม่ว่าสาเหตุใดๆมันก็มี unlock สำรองข้างๆไว้ให้
นวัตกรรมเกี่ยวกับด้านความปลอดภัยต่างๆที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อให้ลูกค้ากลุ่มที่ต้องการด้านความปลอดภัยได้ใช้ ส่วนลูกค้าธรรมดาก็มีติดเครื่องไว้ไม่เสียหาย หรือถ้าไม่อยากใช้ก็ไม่ต้องซื้อก็แค่นั้น
ไอ้คำถามของคุณ "ผมมอยากรู้จริงๆ ว่าตอนมืด หรือ ดับไฟ อยู่ มันต้องปลดล๊อกยังไง นี่ไงคือจุดอ่อน คือทำไม่ได้"
ผมว่ามันไม่ค่อย makesense เท่าไรครับ คุณคิดว่าผู้สร้างนวัตกรรมเขาจะไม่รู้เรื่องนี้เชียวหรือ??
เอ่อ….. แสกนม่านตาในที่มืดไม่ได้…แล้วต้องเปลี่ยนมาใช้ รหัสปลดล๊อกแทน
อันนี้คือสอบตกมาก…ไม่ Make sense สุดๆ
เข้าไม่เรียกว่านวัตกรรม แต่เรียกว่าถอยหลังลงคลอง
เราไม่เห็นข้อดีของ การแสกนม่านตาเลยสักนิด สู้ แสกนลายนิ้มือไม่ได้ในทุกๆ ด้านๆ
แล้ว…เรื่องแสกนลายนิ้วมือนี่ จาก Moto Atrix ที่ต้องรูดขึ้นรูดลง Apple เอามาพัฒนาจนเกิดนวัตกรรม
ที่สามารถสแกนนิ้วได้ในทุกๆ ด้าน 360 องศา เพียงแค่แตะนิ้ว ผมว่าเจ๋ง และใช่ได้จริง….
ส่วนซัมซุงทำอะไรมาครับ สแกนลายนิ้วมือซัมซุงเป็นไง ต่างจาก Moto Atrix ตรงไหนบ้าง ระยะเวลา
หลายปีผ่านไป ก็ยังรูดขึ้น รูดลงเหมือนเดิม…..แทนที่จะพัฒนาไปกลับย้ำอยู่กับที่
ปล. ถ้าจากข่าวลือนี้เปลี่ยนเป็น ซัมซุง กำลังพัฒนา
แสกนลายนิ้วมือแบบใหม่ ที่สามารถแสกนได้ทั้งจอภาพ ผมจะว้าวววววว…..มาก นี่ซิคือการพัฒนาเหอะๆ
ปล.2 ต่อให้ซัมซุงออก แสกนม่านตามาจริง มันก็เป็นแค่ การเอากล้องหน้าแล้วถ่ายรูปดวงตาเอาแนวนั้น
แน่ๆ กล้าพนัน ตามสไตล์ ซัมซุง แล้วโฆษณาใหญ่โต ราวกับสายลับ คอยดูได้เลยครับ
แล้วพอใช้จริง ก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิด แล้วต้องมาปิดเอา.. ก็เข้าอีลอบเดิม…
เทคโนโลยีที่สามารถแสกนม่านตาเข้าไปสู่ดวงตาชั้นใน แนวในหนังสายลับยังทำไม่ได้เร็วนี้ๆแน่ๆ
และถึงทำได้จริง ก็ไม่ได้ปลอดภัยจากดวงตาที่เป็นสิ่งบอบบางเลยสักนิด
ถ้ามันมีระบบ scan ม่านตาจริงผมนี่แหละจะใช้ เพราะผมคิดว่า security ของระบบ scan ม่านตาน่าจะดีกว่าการลาก pattern บนหน้าจอมาก และผมไม่ต้องคอยมาเช็ดหน้าจอเพื่อลบรอยนิ้วมือบนเครื่องบ่อยๆอีกด้วย
ส่วนประเด็น scan ไม่ได้ตอนมืดไม่ใช่ปัญหาสำหรับผม เพราะปกติผมไม่ได้ปิดไฟเล่นมือถือ หรือถ้านานๆครั้งมีความจำเป็นต้องใช้ในที่มืดจริง ผมก็ยอมรับปัญหาเล็กน้อยนี่ได้
คุณเองก็เลิกทำตัวเป็นศูนย์กลางของจักรวาลมาตัดสินแทนคนอื่นว่าฟังก์ชั่นไหนดีไม่ดีได้แล้ว เพราะแต่ละคนมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน คุณไม่ชอบหรือไม่ได้ใช้งานไม่ได้หมายความว่าคนอื่นทุกคนจะต้องคิดเหมือนคุณ
ถูกต้องครับตามนั้น เพราะอย่างที่ผมบอก
"นวัตกรรมเกี่ยวกับด้านความปลอดภัยต่างๆที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อให้ลูกค้ากลุ่มที่ต้องการด้านความปลอดภัยได้ใช้ ส่วนลูกค้าธรรมดาก็มีติดเครื่องไว้ไม่เสียหาย หรือถ้าไม่อยากใช้ก็ไม่ต้องซื้อก็แค่นั้น"
ทำไมไม่มองเรื่อง security
ทำตัวเป็นศูนย์กลางจักรวาลซะจริงๆ
ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่า เอามาต่อยอด=นวัตกรรม
คำว่านวัตกรรมคือ การทำสิ่งที่ไม่มี ให้มันเกิดขึ้นจริงไม่ใช่หรอส่วนที่บอกว่ามีอยู่แล้วเอามาต่อยอดเขาเรียกrenovated ต่างหาก
ซึ่งสาวกชอบพูดกันว่า Apple เจ้าแห่งนวัตกรรม ผมยอมรับว่าเป็นจริงส่วนหนึ่งเท่านั้น เช่น iPhone/iPad สั่งการด้วยเสียง แต่พอสิ้นสุดยุคJobs ก็แทบไม่มีเลย คือคุณจะบอกว่า Notification Widget แอปเปิลทำมาก่อนแค่ไม่ได้ใส่ลงไปงั้นหรอ หรือว่า flat Design แอปเปิลเริ่มก่อน จริงหรอ?
มาหาว่าsamsung ของผมมีจุดอ่อนเรื่องการทำเยอะไปแบบนี้ผมไม่เถียง เพราะsamsung เท่านั้นที่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ สิ่งที่คุณคิดว่าทำตามหลักการมันจะดี มันอาจเกิดได้จริงกับหลายบริ๋ัษัท แต่ถ้าจะผิดหลักการไปบ้างมั่วบ้างหรือทำถูกหลักการบ้าง อย่างsamsung. ผลที่ออกมามันก็น่าพอใจอยู่นะ ใครจะมารับผิดชอบถ้าsamsung ตกอันดับถ้าวันหนึ่งsamsung ทำปีละรุ่น และปรับแต่งมือถืออะไรไม่ได้เลย หลายฟังชั่นsamsung ทำได้กว่าไอโฟนมากมาก และหล่ยฟังชั่นsamsung ทำได้เหมือนไอโฟนได้ถ้าจะทำแต่เขาติดลิขสิท
คุณรู้ได้ไงว่าsamsung แสกนนิ้ว360องศาแบบไอโฟนไม่ได้ถ้าจะทำ. เขาอาจติดลิขสิทก็ได้มีอีกหลายหลายฟังชั่นที่หลายบริษัททำได้ดีเท่ามือถือในดวงใจคุณแค่ติดลิขสิท จำเป็นต้องลีกเลี่ยงหรือหาอันอื่นมาแทน แค่ก็ไม่วายจะโดนฟ้อง
ผมมีส่วนเห็นด้วยกับคุณนะบางอย่างแต่การวิจารของคุณมันสุดโต่งไปโดยไม่เคยจะเผื่ออะไรเลย บางทีดูโง่มาก บางทีดูฉลาดแต่ไม่สุด ผมเองไม่ใช่คนเก่งเรื่องนี้ ไม่ได้ใช้ความรู้อะไรเลย ผมยังจะวิจารเรื่องพวกนี้ได้น่าฟังและถูกต้องได้มากกว่าคุณอีก โดยอาศัยหบักการง่ายง่ายของการเปิดใจและเปิดตาให้กว้าง คิดเผื่อไว้บ้างอย่าปักใจเชื่อในความคิดตัวเอง เพียงเพราะอ่านมา เห็นมา จับมา เล่นมาฟังมา. คิดสิคิดมันมีอะไรมากกว่านั่น ถึงวันนี้คุณจะพูดถูก วันหน้าเรื่องถูกก็ผิดได้เรื่องผิดก็ถูกได้หรืออาจถูกทั้งสอง
บางบริษัท เขามีการตลาดและการดำเนินธุรกิจที่ซับซ้อนกว่าที่คุณคิดไว้อีก ปัจจัยมันหลายอย่าง ไม่ใช่ปัจจัยมีแค่ตัวคุณอย่าวเดียว บาวทีเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมกับสีผิวภาษาอีก เขาอาจคิดมาดีสำหรับคนอื่นแต่ไม่ใข่คุณก็ได้นะ ในบางฟังชั่น
ส่วนอะไรที่samsung ทำแล้วไม่ประสบผลสำเร็จผมว่าแนวทางนี้ก็ไม่ได้แย่อะไรอาจเป็นข้อดีเสียอีก
Samsung google ล้วนใช้วิธีนี้ในการขึ้นเป็นอันดับต้นต้นของโลก
เราชอบนะการลองหลายอย่างแบบนี้ เพื่อจุดประกายและทำให้ดีต่อไปในวันหน้า ส่วนแนวทางapple แต่แนวทางนี้อ่จใช้กับยี่ห้ออื่นได้ยากนะ
"นี่คือจุดอ่อน ของ ซัมซุง และมีแต่คนคิดแบบนี้ถึงมีอะไรเยอะเยอะรกเครื่องไปหมด
แต่ไม่ดีสักอย่าง"
ถ้าไม่ดีสักอย่าง ไม่น่าจะเรียกว่าสมาร์ทโฟน คงขายไม่ได้แม้แต่เครื่องเดียว – -"
แล้วที่ว่ารกน่ะ อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง คนอื่นเค้าชอบก็มี
+1 ครับผมเห็นด้วย อย่าง s planner เนียผมว่าสะดวกนะเพราะอยากรู้เพื่อนเราเกิดวันไหนก็แค่
ซิงค์แอพกับเฟสบุ็คแปบเดียวก็มาให้เห็นทุกคนละครับ แล้วก็อยากฝากถึงระบบสแกนใบหน้าหรือม้านตา
ถ้าไม่มีระบบอื่นมาเสริมเขาก็ไม่ทำกันหรอก อย่างสแกนใบหน้าผมลองใช้ก็เจ๋งดีนะ
ถ้าอยู่ในที่มืดก็แค่ใช่แบบแลกหรือแบบ pin ก็จบล่ะ ผมว่าพวกที่บอกว่ามันไร้ประโยชน์เนีย
"คุณคิดได้เหมือนผู้พัฒนาไหมครับ?"
ใช่ครับ มีเยอะดีกว่าไม่มีเลย เครื่องที่มันลื่นๆเร็วๆมันแลกมากับการทำอะไรบางอย่างไม่ได้ บางคนเค้าอยากได้ครบเครื่องมากกว่าความเร็วความลื่นหัวแตกอย่างเดียวน่ะครับ
ตอนนี้ผมนอกใจ Samsung มาใช้ Sony (เหมือนก่อนนอกใจ Sony ไปหา Samsung) พบว่า Sony ลื่นดีมากไม่มีหน่วงเลย แต่ความสามารถหลายอย่างที่ Samsung ทำได้ Z2 มันทำไม่ได้เลย หรือทำได้ก็ต้องไปโหลดแอพเสียตัง ก็ต้องปรับตัวกันไป ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำไปหยิบ Note 1 ตัวเก่าทำแทน ไว้ Note 4 ออกค่อยจัดมาแทน
ผมนึกแล้วเชียว ว่ามันจะต้องได้กินมาม่า กะจะเข้ามาต้มน้ำร้อนรอไว้แล้วเชียวตั้งแต่เมื่อคืนละ
….แต่ถ้ากลับกันลองเป็น htc หรือ sony ทำนี่สิ จะต้องมีการสรรเสริญเยินยอกันแน่ๆ…เชื่อผมมะ อิอิ
นักวิชาการณ์เยอะจริง!!! ยังไม่ทันมีขายเลย บางรายติซะแล้ว
รออยู่ รีบมา ขอให้เปคเทพสมคำล่ำลือ ซื้อแน่ๆ
ไม่ได้อยากจะขัดใครนะ อันนี้แค่เสนอมุมมองให้ลองคิดดู
สำหลับบางคนที่มีคำถามว่า เพื่อ ???
ลองเปิดใจให้กว้าง แล้วรับอะไรใหม่ ๆ ดูบ้างครับ อย่าตีกรอบความคิดของตัวเอง
รอเห็นของจริงก่อนค่อยสรุปดีกว่าครับ ว่ามันใช้งานได้จริงสมราคาคุยไหม
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ทำไมส้วมถึงดีกว่าผ้าอ้อม
เวลานอนปิดไฟ หรือบางคนอาจจะนอนเปิดไฟ แล้วถ้าอยากเข้าห้องน้ำ ทำไง ?
ก็ต้องลุกขึ้นมาเปิดไฟห้องน้ำ แล้วเข้าห้องน้ำ ไม่สะดวกเลย
หรือตอนปกติ อยู่บนรถที่ติดไม่ขยับนี่…ใครเคยเจอคงเข้าใจ
ต้องอั้นกันยาวเลย
สู้ผ้าอ้อมก็ไม่ได้ (เด็กเล็กๆ..นี่สบายสุดๆ) ปลดปล่อยได้เลย
แต่เราก็เลือกที่จะทิ้งความสะดวกเพื่อแลกกับความสะอาด
ระบบนี่ก็เหมือนกัน ..หลาย ๆ คนยอมลำบากขึ้นอีกนิด เพื่อแลกกับความปลอดภัยที่มากขึ้น
อาจจะยกตัวอย่างแปลกไปหน่อย แต่เดิมทีหลาย ๆ คนน่าจะเคยใช้ผ้าอ้อมก่อนห้องน้ำนะ
+1 ยกตัวอย่างได้แนวดีครับ
+100
ขอเสริมนิดนึงครับ จากรูปที่ @SamsungExynos ทวีตนั้นยังไม่ชัดเจนว่า การสแกนม่านตาจะถูกนำไปใช้ในการปลดล็อคเครื่องหรือเปล่านะครับ แต่น่าจะเอาไปใช้ในส่วนการทำธุรกรรมออนไลน์ผ่านมือถือแน่นอน เพราะทางด้านขวาของรูปจะเป็นรายการบิลต่างๆที่ต้องจ่ายเงินครับ เช่น ค่ามือถือ ค่าไฟ ค่าซื้อของใน supermarket