Apple ได้ร่อนบัตรเชิญไปตามสื่อต่างๆ แล้ว ว่าจะเปิดตัว iPhone 11 ในวันที่ 10 กันยายน 2019 ณ Steve Jobs Theatre แคลิฟอร์เนีย โดยมีการยืนยันแล้วด้วยว่า iPhone 11 จะมีด้วยกัน 3 รุ่น คือ iPhone 11, 11 Pro และ 11 Pro Max ซึ่งล่าสุดก็ได้มีสเปคแบบเต็มๆ รวมถึงฟีเจอร์คร่าวๆ ของมือถือรุ่นดังกล่าวออกมาพอสมควร เราเลยจะรวบรวมมาให้ได้ทราบกัน (Updated : 7 กันยายน)

ใกล้วันเปิดตัวเข้ามาเรื่อยๆ แบบนี้ แน่นอนว่าจะต้องมีเหล่าข่าวหลุด ข่าวลือ ของมือถือแบรนด์ยอดนิยมรุ่นใหม่ซีรีส์ iPhone 11 ออกมาเยอะแยะมากมายไปหมด เราก็เลยขอรวบรวมข้อมูลทั้งหลายเหล่านั้นให้ได้ดูกันว่ามันจะมาพร้อมกับสเปค และฟีเจอร์ใหม่ๆ อะไรบ้าง

iPhone 11 จะมีทั้งหมด 3 รุ่น

คราวนี้มือถือซีรีส์ iPhone 11 จะมีด้วยกันถึง 3 รุ่น โดย iPhone 11 จะเป็นรุ่นเริ่มต้น ตามด้วย iPhone 11 Pro และตัวท็อป iPhone 11 Pro Max แต่ละรุ่นก็จะมีสเปคที่แตกต่างกันออกไปเล็กน้อย ซึ่งตามข้อมูลหลุดก่อนหน้านี้บอกว่าทั้ง 3 รุ่น จะใช้ชิปรุ่นใหม่ A13 เหมือนกัน แต่จะต่างกันที่ประเภทหน้าจอแบบ LCD และ OLED, ขนาดจอ,แบตเตอรี่, RAM, ความจุ, กล้องหลัง 2 ตัว และ 3 ตัว รวมถึงวัสดุประกอบตัวเครื่องก็จะต่างกันด้วย

ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอ

เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เราได้เห็นทั้งภาพหลุดและภาพเรนเดอร์ของ iPhone 11 กันมาแล้วว่ามันจะมีกล้องหลังที่วางอยู่บนแท่นสี่เหลี่ยมบริเวณริมซ้ายของตัวเครื่อง (และมีเสียงวิจารณ์ออกมาในทางลบซะเยอะ ว่ามันไม่สวยบ้าง พิลึกบ้าง ฯลฯ) ซึ่งล่าสุดก็ได้มีทั้งภาพของเคส และภาพอื่นๆ ออกมายืนยันว่ามันจะออกมาหน้าตาแบบนี้จริงๆ

ส่วนหน้าจอจะยังคงมี Notch สำหรับวางกล้องหน้า และเซ็นเซอร์ Face ID ที่คาดว่าจะมีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อประสิทธิภาพในการสแกนที่รวดเร็วและแม่นยำกว่าเดิม ทำให้ Notch ดังกล่าวอาจมีขนาดยาวกว่าเดิมด้วย

กล้องหลัง 3 ตัว

จากภาพหลุดของ iPhone 11 ที่หลุดออกมาตอนแรก จะเห็นว่ามันได้รับการอัพเกรดจากซีรีส์ iPhone XS ที่มีกล้องหลัง 2 ตัว กลายเป็น 3 ตัว ประกอบด้วยเซ็นเซอร์ความละเอียด 12MP เท่ากันหมด และหนึ่งในนั้นจะเป็นกล้องแบบ Wide Angle ด้วย

โดยรุ่นที่มีกล้องหลัง 3 ตัว จะเป็นรุ่น iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ส่วนรุ่นเริ่มต้นอย่าง iPhone 11 จะมีกล้องหลังแค่ 2 ตัว เท่านั้น

Lightning หรือ USB-C ?

ทำเอาผู้ใช้งาน iPhone หลายๆ คน อยู่ร่วมกับผู้ใช้งานมือถือ Android ยากเย็นมาหลายรุ่นแล้ว เนื่องจาก Apple ยังไม่ยอมเปลี่ยนพอร์ท Lightning มาใช้พอร์ท USB-C ที่กำลังจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่กับเค้าซักที ทำให้การชาร์จแบตเตอรี่ หรือการเสียบสายเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อโอนถ่ายข้อมูล ไม่สามารถใช้งานร่วมกับผู้ใช้อุปกรณ์อื่นๆ ได้ (โดยเฉพาะ Android) ทำให้เกิดปัญหาไม่มีสายชาร์จเวลาฉุกเฉินอยู่เรื่อยๆ (ประมาณว่าเพื่อนๆ หรือคนรอบข้างมีแต่สาย USB-C)

ซึ่งตามข้อมูลล่าสุดก็บอกว่า iPhone 11 จะยังคงใช้พอร์ทแบบ Lightning อยู่เหมือนเดิม แต่ว่าสายที่แถมมาในกล่อง จะเป็นสายแบบข้างนึงเป็น Lightning อีกข้างนึงเป็น USB-C สำหรับเสียบกับหม้อแปลง

รองรับการใช้งาน Apple Pencil

หนึ่งในมือถือเรือธงที่ได้รับความนิยมในตลาดมากที่สุดรุ่นนึงก็ Galaxy Note ของแบรนด์ Samsung ซึ่งมีจุดเด่นสุดๆ แบบไม่มีใครเทียบได้ ก็คือปากกา S pen ที่ทำให้เราสามารถจด หรือขีดๆ เขียนๆ บนหน้าจอมือถือได้เลย ซึ่งทาง Apple คงอยากหาอะไรมาต่อกรกับมือถือซีรีส์ Galaxy Note ด้วย เราก็เลยได้เห็นภาพหลุดของเคส iPhone 11 ที่มีช่องสำหรับเก็บปากกา Apple Pencil โผล่ออกมา และช่องดังกล่าวยังมีความยาวไม่เกินตัวเครื่องอีกด้วย ก็คาดว่ามันน่าจะเป็น Apple Pencil รุ่นใหม่ที่มีขนาดเล็กลงเพื่อใช้งานกับ iPhone 11 โดยเฉพาะนั่นเอง (เฉพาะ iPhone 11 Pro และ 11 Pro Max เท่านั้น ที่จะรองรับการใช้งาน Apple Pencil ได้)

สเปค iPhone 11 ทั้ง 3 รุ่น

สำหรับสเปคของ iPhone 11 ทั้ง 3 รุ่นนี้ เป็นข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งข่าวในประเทศจีน ซึ่งยังไม่ได้มีการคอนเฟิร์มแต่อย่างใดว่าสเปคของ iPhone 11 ที่หลุดออกมาจะตรงกับของจริงที่เปิดตัวนะครับ แต่ดูๆ ไปแล้วมันก็มีความเป็นไปได้ถ้าเทียบกับเหล่าข่าวหลุดที่ออกมาก่อนหน้านี้.. ว่าแล้วก็มาดูกันเลยดีกว่า

สเปค iPhone 11

สเปค iPhone 11

  • หน้าจอ LCD ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 1792 x 828 (326ppi)
  • CPU : A13
  • RAM : 4GB
  • ความจุ : 64GB / 128GB / 256GB
  • กล้องหลัง : 12MP + 12MP
  • กล้องหน้า : 12MP
  • ระบบปลดล็อค Face ID
  • WiFi 6
  • ไม่รองรับ Apple Pencil
  • ฝาหลังกระจก
  • แบตเตอรี่ : 3110 mAh รองรับชาร์จไร้สายแบบ Bilateral

iPhone 11 จะเป็นรุ่นน้องเล็กสุดของซีรีส์ ด้วยหน้าจอแบบ LCD, มีกล้องหลัง 2 ตัว, RAM ให้มาน้อยที่สุด 4GB, มีตัวเลือกความจุเริ่มต้นที่ 64GB และไม่รองรับการใช้งาน Apple Pencil อีกด้วย ส่วนราคาตามข้อมูลจะเริ่มต้นที่ราวๆ 23,000  บาท

สเปค iPhone 11 Pro

สเปค iPhone 11 Pro

  • หน้าจอ OLED ขนาด 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2436 x 1125 (458ppi)
  • CPU : A13
  • RAM : 6GB
  • ความจุ : 128GB / 256GB / 512GB
  • กล้องหลัง : 12MP + 12MP + 12MP
  • กล้องหน้า : 12MP
  • ระบบปลดล็อค Face ID
  • WiFi 6
  • รองรับ Apple Pencil
  • ฝาหลังใช้วัสดุ Frost Glass
  • แบตเตอรี่ : 3190 mAh รองรับชาร์จไร้สายแบบ Bilateral

iPhone 11 Pro จะขยับสเปคขึ้นมาด้วยจอแบบ OLED, RAM มากขึ้นเป็น 6GB, ความจุมีให้เลือกตั้งแต่ 128GB – 512GB, กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 12MP และรองรับการใช้งาน Apple Pencil ตามข่าวลือก่อนหน้านี้ด้วย โดยราคาก็จะแพงกว่ารุ่นปกติขึ้นมาอีกนิดหน่อย เริ่มต้นที่ราวๆ 30,600 บาท

สเปค iPhone 11 Pro Max

สเปค iPhone 11 Pro Max

  • หน้าจอ OLED ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2688 x 1242 (458ppi)
  • CPU : A13
  • RAM : 6GB
  • ความจุ : 128GB / 256GB / 512GB
  • กล้องหลัง : 12MP + 12MP + 12MP
  • กล้องหน้า : 12MP
  • ระบบปลดล็อค Face ID
  • WiFi 6
  • รองรับ Apple Pencil
  • ฝาหลังใช้วัสดุ Frost Glass
  • แบตเตอรี่ : 3500 mAh รองรับชาร์จไร้สายแบบ Bilateral

สุดท้ายกับรุ่นท็อปที่ตามข้อมูลแล้วเหมือนจะได้แค่อัพเกรดขนาดหน้าจอขึ้นมาเป็น 6.5 นิ้ว และแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้นเป็น 3500 mAh เท่านั้น แต่สเปคอื่นๆ ก็จะเหมือนกับ iPhone 11 Pro ทุกอย่าง ส่วนราคาก็จะแพงขึ้นมาอีก เริ่มต้นที่ราวๆ 33,700 บาท

วันเปิดตัวและช่องทางการรับชม

งานเปิดตัว iPhone XI หรือ iPhone 11 นี้จะเริ่มขึ้นในเวลา 10.00 น. ของวันที่ 10 กันยายน ตามเวลาที่แคลิฟอเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งตรงกับ เที่ยงคืนของ คืนวันอังคารที่ 10 เข้าพุธที่ 11 หรือ เวลา 00.00 น. ของวันที่ 11 กันยายน ตามเวลาบ้านเรา ครั้งนี้ Apple สร้างความประหลาดใจแก่คนทั่วไปด้วยการเปิดให้รับชมได้ทาง YouTube ด้วย หลังจากที่เผยแพร่ทาง apple.com เพียงเท่านั้นมาโดยตลอด

Apple จะถ่ายทอดงานเปิดตัว iPhone 11 ผ่าน YouTube เป็นครั้งแรก เปิดให้ใครๆก็สามารถดูได้

ราคาและวันวางจำหน่าย iPhone 11

มีข้อมูลออกมาจากแหล่งข่าวหลุดเพิ่มเติมอีก ว่า Apple จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 20 กันยายน 2019 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวมาจากการคาดการณ์ที่ Apple มักจะเปิดให้สั่งจอง iPhone รุ่นใหม่ได้ในวันศุกร์ถัดจากงานเปิดตัว ซึ่งในปีนี้ก็คือวันที่ 13 กันยายน และจะเริ่มวางขายจริงอีก 1 อาทิตย์ถัดไป ซึ่งก็คือวันที่ 20 กันยายน นั่นเอง

มีการคาดหวังกันว่าประเทศไทยจะอยู่ในกลุ่มประเทศแรก (Tier 1) ที่ได้วางจำหน่าย iPhone 11 หรือวันที่ 20 กันยายนด้วยเลย เนื่องด้วยเรามี Apple Store เปิดขึ้นแล้ว 1 แห่งใน icon siam และที่กำลังจะเปิดที่ใหม่อีกแห่ง คือ Central World เร็วๆนี้นั่นเอง อย่างไรก็ดีการมี Apple Store นี้ ไม่ได้การันตีว่าประเทศนั้นๆจะมี iPhone ขายเป็นกลุ่มประเทศแรก เนื่องจากบางประเทศที่มี Apple Store แล้วก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศแรกก็มีเช่นกัน

สำหรับราคาที่คาดการณ์กันสำหรับ iPhone ทั้ง 3 รุ่นก็มี ดังนี้

iPhone 11

ราคาอเมริการาคาไต้หวันราคาไทย (คาดการณ์)
iPhone 11 (64GB)$749NT$ 26,90025,900 บาท
iPhone 11 (128GB)$799NT$ 28,90027,900 บาท
iPhone 11 (256GB)$899NT$ 32,50029,900 บาท

iPhone 11 Pro

ราคาอเมริการาคาไต้หวันราคาไทย (คาดการณ์)
iPhone 11 Pro (128GB)$999NT$ 35,90033,900 บาท
iPhone 11 Pro (256GB)$1,149NT$ 41,50038,900 บาท
iPhone 11 Pro (512GB)$1,349NT$ 45,50044,900 บาท

iPhone 11 Pro Max

ราคาอเมริการาคาไต้หวันราคาไทย (คาดการณ์)
iPhone 11 Pro Max(128GB)$1,099NT$ 41,50036,900 บาท
iPhone 11 Pro Max (256GB)$1,249NT$ 45,50041,900 บาท
iPhone 11 Pro Max (512GB)$1,449NT$ 52,90048,900 บาท

หลุดราคา iPhone 11 เฉียด 30,000 เหมือนเดิม แพงสุดเกินครึ่งแสน เริ่มขาย iPhone 11 Pro, 11 Pro Max ก่อน

เหลือเวลาอีกแค่ราวๆ อาทิตย์เดียวเท่านั้น เราก็จะได้เห็นกันแล้วว่ามือถือซีรีส์ iPhone 11 จะออกมาตรงกับข่าวหลุดทั้งหลายรึเปล่า รวมถึงจะมีนวัตกรรมอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ มาให้เหล่าสาวก iPhone ได้ว้าวกันอีกบ้าง.. วันที่ 10 กันยายนนี้ ได้รู้กันครับ

 

ที่มา : GSMarena, Trustedreviews