ในงาน CES 2024 Samsung ก็ได้ยกทัพนวัตกรรมล้ำ ๆ มาเปิดตัวที่งานแห่งนี้ โดยได้เปิดกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทจอภาพรุ่นใหม่ที่เตรียมพร้อมเข้าสู่ยุค AI ในปีนี้แล้ว ซึ่งก็มีทั้ง Neo QLED, MICRO LED, OLED ที่มีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ต่อการใช้งานในอนาคต ซึ่งจอแต่ละแบบที่เปิดตัวจะมีรายละเอียดอย่างไร เข้ามาดูกันในบทความนี้เลยค่ะ
Samsung Neo QLED TV 8K
มาที่จอรุ่นแรกอย่าง Neo QLED ซึ่งเป็น TV ที่มีความละเอียดทั้ง 4K และ 8K ให้คุณภาพของภาพที่เสมือนจริง อัดแน่นมาด้วยเทคโนโลยีเสียงระดับพรีเมียม แอปพลิเคชันต่างๆ และบริการที่มีให้เลือกใช้หลากหลาย

หัวใจหลักของรุ่นนี้คือใช้โปรเซสเซอร์ NQ8 AI Gen3 มีหน่วยประมวลผล Neural Processing Unit – NPU มีความเร็วกว่ารุ่นเดิม 2 เท่า มีจำนวนของโครงข่ายประสาทเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 8 เท่า จาก 64 เป็น 512 ทำให้สามารถแสดงผลบนหน้าจอได้ละเอียดมากขึ้น และได้มีการอัปเกรดฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้เก่งในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้
- 8K AI Upscaling Pro – คือการใช้ NQ8 AI Gen3 พัฒนาการขยายภาพผ่านจอ 8K อีกทั้งยังเพิ่มความชัดให้กับคอนเทนต์ที่มีความละเอียดต่ำได้ด้วย
- AI Motion Enhancer Pro – ช่วยแก้ปัญหาทั่วไปสำหรับการรับชมคอนเทนต์ประเภทกีฬาได้ โดยจะมีการตรวจจับและเรียนรู้เชิงลึกในประเภทของกีฬานั้นและคอยแก้ปัญหาอย่างพวกการบิดเบือนของลูกบอลได้
- Real Depth Enhancer Pro – จะใช้ AI มาเพิ่มรายละเอียดให้กับฉากที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว, ควบคุมหลอด LED ขนาดเล็ก, ตรวจจับส่วนของฉากที่ดวงตาของมนุษย์จะโฟกัสโดยธรรมชาติและนำมาไว้ข้างหน้าสุด ทำให้ได้ภาพที่สมจริงมากขึ้น
- Infinity Air Design – ซึ่งรุ่นนี้มาในดีไซน์ที่บางเฉียบเพียง 12.9 มม.เท่านั้น พร้อมดีไซน์เอฟเฟกต์กระจกเงาอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ตัวเครื่องดูเหมือนลอยตลอดเวลา
- 2024 Q-Symphony – สามารถเชื่อมต่อลำโพงไร้สายและซาวด์บาร์ หลายตัวเข้ากับทีวีหรือโปรเจคเตอร์พร้อมกันได้
- Active Voice Amplifier Pro – คือการใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกในการพัฒนาบทสนทนาและเสียงผ่านหน้าจอ ซึ่งฟีเจอร์นี้สามารถแยกเสียงต่าง ๆ ออกจากกันได้
- Tizen OS 2024 – มอบความบันเทิงและฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้ผู้ใช้งานปรับแต่งได้ตามใจชอบ ซึ่งก็จะมีทั้ง Samsung TV Plus ที่มาพร้อมกับการอัปเดต UI ใหม่ หน้าจอ Home Screen มาพร้อมหมวดหมู่ที่ทั้งดูภาพรวมและค้นหาคอนเทนต์ได้เร็วขึ้น
- Designed for Samsung Gaming Hub’ Controller – เอาใจสายเกม โดยทางแบรนด์ได้ร่วมมือกับ Performance Designed Products (PDP) ออกแบบและพัฒนาคอนโทรลเลอร์ไร้สายสำหรับคอเกมโดยเฉพาะ
- Mobile Smart Connect – สามารถเปลี่ยนมือถือให้เป็นรีโมทได้
- ฟีเจอร์คำบรรยายเสียง – ถือว่าเป็นฟีเจอร์แบบ on-device บนทีวีเครื่องแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยี AI และ เทคโนโลยี Optical Character Recognition (OCR) สร้างคำบรรยายที่ถูกฝังอยู่ในรูปแบบเสียงได้แบบเรียลไทม์
- Relumino Together Mode – ฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้นที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นสามารถเพลิดเพลินไปกับคอนเทนต์ได้ ซึ่งจะมี AI ช่วยปรับไดนามิกและปรับสมดุลสี ตลอดจนสามารถแสดงผลทั้งแบบบมาตรฐานและโหมด Relumino ไปพร้อมกันได้ ทำให้สามารถชมคอนเทนต์กับคนที่สายตาทั่วไปได้เลย

จอ Micro LED
Samsung ได้เผยนวัตกรรมใหม่ที่เรียกว่าจอโปร่งใส คือจะมีความเหมือนกระจกใส (ประมาณแบบที่เคยเห็นในหนัง Sci-fi) ซึ่งจะมาพร้อมกับชิป MICRO LED ชิปที่มีขนาดเล็กจิ๋วมาก ๆ ที่ผ่านกระบวนการผลิตสุดแม่นยำ ทำให้ลดรอยต่อและลดการหักเหของแสงได้ และจะฝังอยู่ที่กระจกหน้าจอโดยตรงเลย ทำให้ลดการสูญเสียความสว่างตามที่เคยเจอในจอภาพแบบเดิม อีกทั้งยังมีการออกแบบโมดูลาร์ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกรูปร่าง ขนาด หรืออัตราส่วนหน้าจอให้พอดีกับพื้นที่ต่าง ๆ ได้ด้วย
จอ OLED TV
OLED TV 2024 สำหรับจอนี้จะเป็นการต่อยอดมาจากรุ่นที่ผ่านมาด้วย S95D ที่เสนอแคนวาสขนาด 77 นิ้ว ใหญ่สะใจพร้อมมอบความละเอียดและอัตราเฟรมเรทที่สูง โดยรุ่นนี้จะมีความสว่างกว่าเดิม 20% การแสดงผลเฉดสีดำที่ชัดกว่าเดิมผ่านการใช้ AI และนอกจากนี้ยังได้เปิดตัว S90D และ S85D ในขนาดต่าง ๆ ตั้งแต่ 42 – 83 นิ้วด้วย
OLED TV 2024 จะใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่าง OLED Glare Free ซึ่งจะคงความถูกต้องของสีและช่วยลดการสะท้อนในขณะที่ภาพยังชัดอยู่ในตอนที่ดูทีวีช่วงกลางวัน อีกทั้งยังเคลือบผิวหน้าจอด้วยชั้นเคลือบชนิดพิเศษที่ทั้งแข็งแรงและช่วยลดการสะท้อนแสงไปในตัว
โดยทีวี S95D จะโชว์ความสามารถทั้งการแสดงผลสีขาวที่สมบูรณ์แบบ การแสดงผลสีดำที่ลึกขึ้นตลอดจนการแสดงผลสีต่าง ๆ ที่แม่นยำ ซึ่งนับว่าเป็น OLED TV ที่สว่างที่สุดที่เคยมีมาของแบรนด์เลย อีกทั้งยังมาพร้อมรีเฟรชเรทที่ลื่นปรี้ด 144Hz ด้วย

นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ใหม่ เป็นจอภาพภายใต้แนวคิด “Screens Everywhere, Screens for All” ที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคลด้วย โดยมี ดังนี้
- The Frame – TV ที่อยู่ในกลุ่มไลฟ์สไตล์ที่ขายดีที่สุดของแบรนด์ โดย The Frame 2024 จะเพิ่มความสามารถให้จอปรับแต่งรีเฟรชเรทได้หลากหลาย และจะช่วยลดค่าไฟได้สูงสุด 10% อีกด้วย
- The Premiere 8K Projector – โปรเจคเจคเตอร์ตัวแรกของโลกที่เชื่อมต่อแบบไร้สาย คือไม่ต้องเสียบสายอะไรให้ดูเกะกะเลย อัดแน่นด้วยฟีเจอร์มากมาย จะใช้งานเป็นเครื่องเสียงเฉย ๆ ก็ได้ เพราะว่าสามารถใช้งาน เสียงได้แม้หน้าจอจะปิดอยู่ (Picture-off) ได้, การเล่นเกมบนคลาวด์แล้วเปิดเสียงแบบ Always-on พร้อมไมโครโฟนระยะไกล (Far-field) ตลอดจนใช้เทคโนโลยี “Sound-on-Screen” ที่มามอบสุดยอดประสบการณ์เสียงแก่ผู้ชม
- The Freestyle รุ่นที่ 2 – โปรเจคเตอร์แบบพกพาที่มี Smart Edge Blending รองรับการฉายภาพจาก The Free Style 2 เครื่องที่ผสานรวมกันเพื่อให้ได้หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมากถึง 160 นิ้ว
และนี่ก็คือไลน์อัปผลิตภัณฑ์ทีวีของทาง Samsung ในปี 2024 ที่ทางแบรนด์ได้จัดหนักจัดเต็มในด้านของฟีเจอร์ AI เพื่อตอบรับกับยุคใหม่ที่ใกล้เข้ามาถึงเร็ว ๆ นี้ ซึ่งก็ได้ยกทัพนวัตกรรมใหม่ตลอดจนสินค้าพวกซาวด์บาร์มาโชว์ในงาน CES 2024 ที่จัดขึ้นที่ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยค่ะ
Comment