ในช่วง 2 – 3 ปีมานี้ จะเห็นว่ามือถือจากหลายๆ แบรนด์ โดยเฉพาะมือถือระดับเรือธง เริ่มตัดรูหูฟัง 3.5 มม. ทิ้งกันไปหมดแล้ว และบังคับให้มาใช้หูฟังแบบ USB-C หรือหูฟังไร้สายแทน (บางรุ่นก็ดีหน่อยที่ยังให้ตัวแปลงมาด้วย) จะเหลืออยู่แค่ไม่กี่แบรนด์เท่านั้นที่ยังคงมีให้ใช้อยู่ โดยหนึ่งในนั้นก็คือ Samsung นั่นเอง แต่ล่าสุดได้มีรายงานออกมาว่า Samsung เตรียมตัดรูหูฟัง 3.5 มม. ทิ้งตั้งแต่รุ่น Galaxy Note 10 เป็นต้นไป
ดูเหมือนว่าจะหมดยุคสำหรับรูหูฟัง 3.5 มม. ที่ใช้กับมือถือจริงๆ ซะแล้ว หลังจากที่แบรนด์มือถือเจ้าตลาดอย่าง Samsung ยังมีข่าวลือว่าตั้งแต่ Galaxy Note 10 เป็นต้นไป จะไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. ให้ใช้แล้ว หลังจากที่ Samsung ยืนหยัดไม่ตามกระแสใครด้วยการเปลี่ยนมาใช้หูฟังแบบ USB-C เหมือนแบรนด์อื่นๆ แต่เนื่องจากปัจจุบันตลาดหูฟังไร้สายกำลังเติบโตเป็นอย่างมาก โดยยอดขายรวมๆ ของหูฟังไร้สายจากทั่วโลกมีแนวโน้มว่าจะพุ่งขึ้นไปถึง 73.9 ล้านชิ้น ภายในปี 2019 และจะพุ่งขึ้นไปเกิน 100 ล้านชิ้น ภายในปี 2022 ถือเป็นจำนวนที่เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 42% ในช่วง 3 – 4 ปี
ข้อดีของการตัดรูหูฟัง 3.5 มม. ออกไปก็คือ ภายในตัวมือถือจะมีพื้นที่เพิ่มมากขึ้น พอให้ใส่แบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือเอาไว้ใส่อุปกรณ์ชิ้นอื่นๆ เพิ่มเติมได้ และแน่นอนว่า Samsung น่าจะใจดีพอที่จะแถมตัวแปลง USB-C > 3.5 มม. มาให้ในกล่องของมือถือรุ่นที่ถูกตัดรูหูฟังทิ้งด้วย
ถึงแม้ว่าเวลาของช่องหูฟัง 3.5 ใกล้จะหมดลงในทุกๆ ที แต่อย่างน้อยก็หวังว่า Samsung จะไม่ตัดช่องใส่ MicroSD Card ทิ้งไปเหมือนแบรนด์อื่นๆ ด้วยล่ะ เพราะตอนนี้มือถือเรือธงทั้งหลายก็เริ่มไม่รองรับ MicroSD Card กันแล้ว
ที่มา : GSMarena
ถ้าตัดเริ่มตัดกันแบบนี้ แล้วคนที่ ใช้เงื่อนไขว่า ตัดหูฟังออกไม่ซื้อ จะใช้โทรศัพท์ ยังไง หรือว่าเลิกใช้ไปเลย หรือย้อนยุคกลับไปใช้ เครื่อง เล่น mp3 ยุคก่อนๆ
ต้องถามคนที่บอกว่า "ไม่มีวิทยุ FM ไม่ซื้อ" ว่าตอนนี้เขาใช้รุ่นไหนอยู่ครับ และได้ซื้อรุ่นใหม่ๆ บ้างหรือเปล่า เพราะมันก็ตรรกะเดียวกัน
** มันก็ใช้ตรรกะเดียวกัน ** "มัน" ไม่ได้หมายถึงคนนะครับ
อย่างผมก็แสดงความไม่พอใจและประท้วงด้วยการจะไม่ซื้อแบรนด์นั้น หันไปสนับสนุนแบรนด์ที่ยังมีรูหูฟังอยู่ แต่ถ้าทุกเจ้าตัดทิ้งหมดผมก็จะไปใช้โทรจิตแทน *ไม่ใช่* เมื่อประท้วงไม่ได้ผลก็กลับมาเลือกเจ้าที่ถูกใจที่สุดที่เราไม่ได้ประท้วงด้วยเรื่องอื่นสิครับ คนไม่ใช่หุ่นยนต์ที่พอไม่ตรงหลักการแล้วหัวระเบิด
ซื้อรุ่นที่มีรูหูฟังครับ มือถิอจีนเดียวนี้สเปคต่อราคาคุ้มมาก ไม่ต้องง้อเมกา เกาหลีก็ได้ครับ
ถ้าตัดหูฟังออกแล้วไม่ค่อยกระทบกับผู้ใช้งานผมก็โอเคนะ แต่ช่วงแรกๆมันกระทบอย่างแรงเลย จากใจเลยตอนที่ซื้อip7มาใหม่ๆนะ
– สายต่อโคตรบอบบางมาก ปกติผมใช้หูฟังประมาณ1ปีสายหูฟังจะเริ่มหัก สายเปื่อย ในแต่สำหรับสายต่อเส้นแรกยังไม่ถึง2เดือนเลยไปซะแล้ว
– หนีไปซื้อหูฟังBT ก็เจอปัญหาเสียงดีเลย์ เสียงเพลงดรอปจากแบบต่อสายมาก เพราะยังใช้ codec AACอยู่ คือไม่ต้องเอาขนาดaptX HDหรือLL หรอก ขอแค่aptXธรรมดาๆก็พอแล้ว
แต่ถ้าเป็นตอนนี้ผมว่าหลายๆอย่างมันน่าจะโอเคแล้วสำหรับการตัดช่อง3.5ออก
– สายต่อที่โคตรทน(เสียบฟังตอนวิ่งเกือบทุกวัน ผ่านมาครึ่งปียังอยู่ดีมีสุข) แถมชาร์จไปฟังไปพร้อมกันได้เลย (ตอนนี้ใช้สายของsony ทน ถูก แถมมีdacข้างในอีก)
– มือถือรองรับ codec aptX HD/LL,LDAC มากขึ้น ทำให้เรื่องเสียงดีเลย์น้อยมากจนแทบไม่รู้สึก เสียงก็ดีขึ้นเยอะถึงจะไม่เท่าแบบสายแต่ก็โอเค พอรับได้อยู่
ผมว่าเงื่อนไขที่จำเป็นต้องใช้ช่อง3.5มันน้อยลงไปเยอะเมื่อเทียบกับช่วงแรกๆ ดังนั้นการที่คนเริ่มไม่สนใจช่อง3.5ก็น่าจะเยอะขึ้นแหละครับ
โชคดีว่าหูฟังกับมือถือ ผมใช้มันฟังเพลงเป็นหลัก เลยหนีไปใช้เครื่องเล่นแทนครับ ซึ่งยุคนี้เขาไม่เรียกกันว่าเครื่องเล่น mp3 แล้ว (เพราะมันเล่น lossless) แต่เรียกว่า dap (digital audio player) แทนครับ ซึ่งผมเป็น audiophile อยู่แล้ว เพื่อคุณภาพเสียง เลยไม่รู้สึกลำบากอะไร
แต่สำหรับคนที่ใช้หูฟังดูหนัง/เล่นเกม.. ก็คงลำบากพอตัว
มันก็ต้องมี integrated dac ในตัวหูฟังไร้สายอยู่แล้วสิ ไม่งั้นมันจะเอาเสียงออกมายังไง แต่เทรนด์นี้นี่ไม่น่าไปตามๆกันเล้ย ข้อเสียมันอาจจะดูไม่เยอะถ้าตัดออก แต่ข้อเสียข้อเดียวสองข้อนั้นนี่แบบโคตรใหญ่เลย
ถ้ารวยตรูจะทำ มือถือ ใส่ sd มีรูหูฟัง เปลี่ยนแบตได้ แต่เป็นตัว top มาขาย 55
แม้ว่าจะตัดทิ้งจริง แต่เชื่อได้เลยว่าแถมหัวแปลงมาแน่นอน ไม่เหมือนบางยี่ห้อที่แยกขายตลอดได้ทุกช่องทาง
สักพักเครื่องเล่นต่างๆก็จะทยอยตัดไปเหมือนกันครับ
พ้ฒนาบูลทูธฟังเพลงได้นาน 10ชม. ราคาไม่แรงมาก แล้วค่อยตัด 3.5 ทิ้ง ..ทุกวันนี้ใช้ฟังแค่เพลง 4ชม ไม่พอเลย… เล่นยิมเสร็จแบตก็หมด
ที่ไม่ชอบหูฟัง Bluetooth เพราะขี้เกียจชาร์ตแบต ทุกวันนี้อะไร ๆ ก็ต้องชาร์ตแบต มือถือ นาฬิกา Powerbank หูฟัง ลำโพง เยอะแยะไปหมด
ที่รำคาญคือ จะต่อหูฟังก็ต้องมาต่อตัวแปลง
จะใช้หูฟัง type c ไปเลยก็ใช้กับ notebook ไม่ได้อีก
อีกหน่อยก็คงจอแหว่ง
Don't freak out yet man.
It's just a rumor. It's not official announcement from samsung.
ตกลงโลกเปลี่ยนไปแล้วสินะ
แต่ก่อนหุฟังแพง สารพัดทฤษฎี ต่อสู้ระหว่าางสายกับ bt
apple มันเปลี่ยนโลกจริงๆ
รู้ว่า ผบภ ต้องการอะไร ก่อนที่ ผบภ จะรู้ตัวเองว่าต้องการ
เฮ้ออออออ
ทุกวันนี้ ฟังfm ผ่านเนท bw กะขาดๆ หายๆ
ขอบคุณapple
rip
ผมเป็นคนนึงที่เคยชอบโทรศัพท์ที่มีรู 3.5 และตำหนิมือถือที่ตัดช่องนี้ทิ้ง แต่พอมาลองใช้หูฟังบลูทูธ
ก็รู้สึกว่าชีวิตมันสะดวกขึ้นกว่ากันไปอีกระดับ จะทำงานยกของนู่นนี่ จะเล่นกีฬา มันสบายกว่ากันเยอะ
แถมไปๆมาๆรู้สึกว่า หูฟังบลูทูธมันทนกว่าหูฟังมีสายที่มักจะมีปัญหาสายขาดในตรงขั้วต่อ หูฟังมีสายมักพังในไม่ถึงปี
แต่หูฟังบลูทูธใช้ได้เกินปีสบายๆ ใช้จนหาย-จนแบตเสื่อม
ส่วนเรื่องการฟัง FM มันก็คงเป็นยุครอยต่อ ที่มีคนชอบและไม่ชอบ แต่สุดท้ายยุคสมัยมันก็ต้องเปลี่ยน
แม้แต่คนทำธุรกิจด้านรายการวิทยุยังยอมรับว่าการมาของ internet of things กระทบการ
ทำรายการวิทยุ(และรายการทีวี)อย่างมาก การมาถึงของยุค 4G ไม่ติด FUP ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องดาต้าแบบ
เมื่อสองสามปีก่อน
ส่วนพวก Audiophile เขาก็มีอุปกรณ์อะไรของเขาต่างหากในแบบนิชมาร์เก็ต ที่มือถือคงไม่ได้มีบทบาทอะไรมากนัก
แต่ก่อนการมาของจอทัชกรีน ผมก็ต่อต้านเพราะการใช้ทัชกรีนทำให้ผมพิมพ์ได้ช้าลง เพราะโทรศัพท์ปุ่มกดมีฟังก์ชั่น T9 ทำให้เดาคำศัพท์ได้ แต่พอเริ่มเป็นทัชกรีนเยอะขึ้น ก็ต้องหันมาใช้ทัชกรีนและปรับตัวมาใช้ แป้นกดแบบswype ซึ่งพิมพ์ได้เร็วเหมือนกัน
สำหรับคนบินบ่อย อย่างผมคงไม่ซื้อ จนกว่า ซัมซุงจะไปคุยกับ สถาบันการบินพลเรือนให้ใช้หูฟัง BT บนเครื่องระหว่างบินได้
ไม่เห็นใจคนบินบ่อยเลย