ถ้าใครคิดว่ามือถือสุดล้ำอย่าง Samsung Galaxy Z Fold 3 ที่มากับหน้าจอพับครึ่ง กางออกมาแล้วมีขนาด 7.2 นิ้ว ยังไม่ใหญ่จุใจล่ะก็…ล่าสุด Samsung ได้ออกมาโชว์มือถือต้นแบบที่มากับเทคโนโลยีหน้าจอ OLED พับ 3 ส่วน มีชื่อเรียกว่า S Curve โดยเมื่อกางออกมาสุดแล้วจะมีขนาดใหญ่มหึมาถึง 17.3 นิ้ว กลายเป็นจอคอมพิวเตอร์กันไปเลยทีเดียว
ภายในงาน IMID 2021 (International Meeting on Information Display) ของประเทศเกาหลีใต้ จัดขึ้นเพื่อเป็นการโชว์เทคโนโลยีหน้าจอล้ำ ๆ จากหลาย ๆ บริษัทชั้นนำ และแน่นอนว่าบริษัทผู้นำด้านหน้าจออย่าง Samsung Display ก็ต้องมาปล่อยของในงานนี้ให้ได้ฮือฮากันด้วย
มือถือจอ S Curve พับ 3 ส่วน
หนึ่งในนั้นก็คือเทคโนโลยีหน้าจอ S Curve ที่เป็นหน้าจอประเภท OLED สามารถพับได้ 3 ส่วน โดยตอนพับให้หดลงมาเป็นมือถือปกติ หน้าจอจะเหลือขนาดอยู่ที่ 7.2 นิ้ว (แค่นี้ก็เรียกว่าใหญ่แล้วนะ…) แต่พอกางหน้าจอออกมาจนสุดแล้ว จะมีขนาดถึง 17.3 นิ้ว ใหญ่กว่าแท็บเล็ตทั่วไปในปัจจุบันซะอีก
และมันไม่ได้มีขนาดใหญ่เพื่อให้แสดงผลแอปใดแอปหนึ่งอย่างเต็มตาเท่านั้น แต่มันยังใช้งานแบบ Multitask เปิดแอปหลาย ๆ แอปบนหน้าจอเดียวได้ด้วย (Galaxy Z Fold 3 เปิดได้สูงสุด 3 แอป แต่รุ่นนี้น่าจะได้มากกว่านั้น)
แม้ว่าทาง Samsung จะวางโชว์มือถือจอพับขนาดยักษ์ตัวนี้เอาไว้เฉย ๆ ไม่ได้พับหรือกางให้ดูแบบเต็มที่ แต่ก็พอจะรู้ได้แหละ ว่าตอนพับเก็บแล้วมันจะต้องหนาเตอะเหมือนเอามือถือ 3 เครื่องมาวางซ้อนกัน แถมน้ำหนักก็น่าจะเฉียด ๆ 1 กิโลกรัมได้เลย เพราะแค่ Galxy Tab S7+ ที่มีหน้าจอ 12.4 นิ้ว ก็มีน้ำหนัก 575 กรัม เข้าไปแล้ว
ลำโพง AI พร้อมหน้าจอโค้ง 12.4 นิ้ว
นอกจาก Samsung Display จะโชว์ความล้ำของมือถือจอพับ 3 ส่วนแล้ว ยังมีลำโพงอัจฉริยะที่เหมือนกับออกมาจากหนัง Sci-Fi โดยลำโพงดังกล่าวมีลักษณะเป็นทรงกระบอกและมีหน้าจอ OLED พันอยู่รอบตัว ซึ่งสามารถแสดงผลต่าง ๆ ได้ตามปกติ แต่หากเราต้องการดูภาพให้มันเต็มตากว่านี้ ก็แค่หยิบมือถือออกมากดสั่งให้หน้าจอที่พันอยู่กางออกมาเป็นหน้าจอโค้งขนาด 12.4 นิ้วได้ทันที…ใครมีตั้งเอาไว้ในบ้านนี่เรียกว่าล้ำโคตร ๆ เหมือนอยู่ในโลกอนาคตกันเลย
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าทาง Samsung จะเริ่มพัฒนาและผลิตมือถือจอ S Curve จอพับ 3 ส่วน แบบเตรียมพร้อมจำหน่ายจริงเมื่อไหร่ แต่คาดว่าน่าจะต้องมีการปรับปรุงกันอีกซักพักในเรื่องของขนาด น้ำหนัก รวมถึง UI สำหรับการใช้งานบนหน้าจอใหญ่ ๆ แบบนี้ด้วยนั่นเองครับ
ที่มา : Samsung Display (YouTube), Gizchina
ดีครับ ทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มต้นและพัฒนา เหมือน Galaxy Z Fold 1 คนด่าเยอะว่าขายไม่ได้ ห่วย จนตอนนี้มารุ่น 3 ถือว่าพัฒนาขึ้นมาก
S Curve ยังไม่เท่าไหร่
แต่ลำโพง AI นี่ดิ เท่ห์สุด วางไว้ในห้องนั่งเล่นอย่างเท่ห์เลย 🤩
เทคโนโลยีหลายอย่างในอดีตที่เคยพยายามดันกัน สุดท้ายก็แพ้ภัยตัวเองมีมามากมายเช่น
ทีวีสามมิติ เครื่องเล่นเกม VR แว่นอัจฉริยะ
จอพับสามท่อน คงเป็นแค่การโชว์เทคโนโลยีเฉยๆ ถ้าผลิตออกมาก็คงเป็นของเล่นเฉพาะกลุ่ม
สุดท้ายมือถือบาร์ไทป์กับแทบเล็ตมันก็ยังเป็นเครื่องมือทำกินตามเดิม
เค้าเป็นผู้ผลิตยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลกครับ เดี๋ยวพอเค้าทำออกมาขาย ก็จะทำตามๆ กันออกมานั่นแหละ
แล้วพวกที่ทำตามๆ กัน ก็จะสั่งชิ้นส่วนจากซัมซุงมาทำ ตลาดมันก็ขยายเอง
ยิ่งเป็นพวกเทคโนโลยีหน้าจอซัมซุงเป็นคนกำหนดเทรนด์มาตลอด
ทีวีสามมิติ, เครื่องเล่นเกม VR, แว่นอัจฉริยะ << สามอย่างนี้มันแพ้ภัยตัวเองยังไงครับ ถ้าผมมีเงินผมยังอยากได้เลย
เรื่องจอพับ 3 ท่อน ถ้าผลิตออกมา จริงอยู่ว่าช่วงแรกๆ มันเป็นของเล่นเฉพาะกลุ่มแน่ล่ะ เพราะมันแพงไง ต้องกลุ่มคนมีเงินแล้วอยากได้อะไรล้ำๆ ถึงซื้อ คนทั่วไปไม่มีใครไหวหรอกครับ แต่ถ้ามันพัฒนาต่อเรื่อยๆ แล้วเวิร์ค วันนึงของแบบนี้ราคามันอาจลงจนจับต้องได้ก็ได้ อย่าง Flip 3 นี่ราคาเบากว่า S21 Ultra อีกนะ เพียงแต่ไม่ถูกจริตการใช้งานผมเลยไม่สนใจเท่านั้นเอง วันนึงเจ้า Fold ก็จะถูกลงจนใกล้ๆ กับรุ่นท๊อป แล้วลูกค้าบางส่วนก็อาจเลื่อนไปเอา Fold แทนก็เป็นได้
นี่ยังไม่นับว่าถ้าค่ายอื่นอยากลงมาเล่นบ้าง แล้วออกรุ่นสามพับออกมาแข่งกัน คงสนุกไม่น้อย เหมือนสมัยแท็บเล็ตออกใหม่ๆ ไง ตอนนี้มีกันให้พรึ่บ
ทีวีสามมิติ เคยถูกสร้างกระแสว่าจะเป็นมาตรฐานทีวีเมื่อราว 6-7 ปีก่อน แต่ผลสุดท้ายต้องใส่แว่นดู
ดูแรกๆก็สนุกตื่นตา แต่พอไปๆสุดท้ายความสนุกมันก็กลับไปอยู่ที่คอนเทนต์เอง
ทุกวันนี้ก็ลองมองดูเอาเอง ทีวีรุ่นใหม่ยังชูเรื่อง 3D ไหม โรงหนังที่มี 3D มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นยังงัย
เกม VR ก็เหมือนกัน ดูเอาเองว่าเครื่องเกม VR ทุกวันนี้ยอดขายเป็นงัย เกม AAA ชูเรื่อง VR กี่เกม
เว่นตาอัจฉริยะ ก็ไปดูโปรเจค Google Glass อะนะ ตอนนี้เป็นงัยบ้าง
อุปกรณ์มือถือแทบเล็ต ที่เป็นเครื่องมือทำงาน คนเขาแบ่งกลุ่มการใช้ชัดเจนอยู่แล้ว
ต้องพกสะดวก ต้องเบา ล้วงหยิบขึ้นมาต้องใช้ง่ายได้อย่างรวดเร็ว
ผมจึงมองว่ามือถือจอพับมันเป็นการสร้างกระแสชั่วครู่ชั่วยาม แน่นอนว่ามันแสดงถึงศักยภาพเทคโนโลยีของแบรนด์
รวมถึงเป็นเครื่องเสริมภาพลักษณ์ผู้ใช้ แต่ในระยะยาวไม่น่าจะยืนระยะตัวมันเองได้แบบเทคโนโลยีสามตัวข้างต้นที่ยกมา