ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่เลยทีเดียวเมื่อมีผู้ใช้งานคนหนึ่งพบว่าเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ Galaxy S10 สามารถปลดล็อคหน้าจอได้แม้ว่าลายนิ้วมือนั้นจะไม่ได้ลงทะเบียนไว้ก็ตาม ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดจากการใช้ฟิล์มกันรอยไม่ได้มาตรฐานนั่นเอง (ตอนนี้อัพเดทแพทช์แก้ปัญหาไปเรียบร้อยแล้ว) ซึ่งล่าสุดดูเหมือนว่าในปีหน้า Samsung อาจไม่เลือกใช้บริการเซนเซอร์ Ultrasonic ของ Qualcomm ในสมาร์ทโฟนของตนเองอีกแล้ว
Samsung นับเป็นแบรนด์มือถือรายแรก ที่เลือกใช้เทคโนโลยีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแบบ 3D Ultrasonic ที่พัฒนาโดย Qualcomm ซึ่งข้อดีของมันก็คือ เซนเซอร์ดังกล่าวจะใช้คลื่นความถี่เสียงส่งจากตัวเซนเซอร์มากระทบกับนิ้วของเราเพื่อให้มันเด้งกลับไปที่ตัวเซนเซอร์อีกที แล้วจากนั้นมันถึงจะประมวลผลออกมาว่านิ้วนั้นมีลายนิ้วมือตรงกับเจ้าของรึเปล่า ทำให้มันสามารถปลดล็อคได้แม้บริเวณนั้นจะเปียกน้ำหมาดๆ หรือมีความชื้นอยู่
แต่หลังจากที่ผู้ใช้ Galaxy S10 ได้พบกับปัญหาเซนเซอร์เพี้ยนเมื่อใช้งานคู่กับฟิล์มกันรอยราคาถูกจนทำให้สามารถปลดล็อคเครื่องได้ด้วยนิ้วมือของคนที่ไม่ได้ลงทะเบียนเอาไว้ก็ตาม และเมื่อข่าวเริ่มกระพือออกไป ธนาคารในหลายๆ ประเทศ ก็เลยต้องถอดมือถือ Galaxy S10 และ Galaxy Note 10 ที่ใช้เทคโนโลยีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic ออกจากแอป eBanking ของตัวเอง เพื่อความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน จน Samsung ต้องออกอัพเดท software แบบเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
ตอนนี้ก็เลยมีข่าวลือออกมาว่า Samsung อาจเบนเข็มไปใช้เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแบบ Optical กับเหล่ามือถือรุ่นใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวในปี 2020 เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งจะว่าไปแล้วข่าวนี้ก็อาจจะส่งผลดีต่อประเทศเกาหลีใต้ในทางอ้อม เนื่องจากเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแบบ Optical นั้น สามารถผลิตได้เองภายในประเทศ ไม่ต้องเสียเวลาและเสียเงินสั่งจากสหรัฐอเมริกาเข้ามา
ตามรายงานยังได้บอกเอาไว้อีกว่า เทคโนโลยีเซนเซอร์ Ultrasonic ของ Qualcomm มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดบางอย่างอยู่ ซึ่งบริษัทที่ซื้อเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้กับผลิตภัณฑ์ของตัวเองจะต้องออกแบบซอฟท์แวร์อย่างระมัดระวังที่สุดเพื่อให้เซนเซอร์และอุปกรณ์สามารถใช้งานร่วมกันได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งคาดว่าทาง Samsung เองก็น่าจะทดสอบมาครบแล้วทั้งกับหน้าจอและฟิล์มของตัวเอง แต่อาจจะลืมไปว่ายังมีฟิล์มจากรายอื่นๆ ที่อาจผลิตไม่ได้คุณภาพและส่งผลต่อตัวเซนเซอร์ Ultrasonic ได้นั่นเอง
ที่มา: gizmochina
น่ากลัวโดนแฮก 🙂 🙂
กากนะบอกแล้ว ไม่สงสัยเลยทำไม iphone ถึงไม่ยอมเอามาใช้สักที เพราะมันยังไม่เวริค apple ถ้าเอามาทำแล้วมันต้อง work จิงๆถึงนำมาใช้ ชอบตรงนี้ ไม่เหมือนฝั่งด๋อย ชอบเอาเทคโนโลยไม่พร้อมมาให้ผุ้บริโภคเป็นหนุทดลอง
เห็นต่างหรืออวยคมฝั่งไหนก็เป็นสิทธิ์ของคุณนะ แต่ผมเห็นหลายเม้นต์ละ ความเห็นคุณมันออกไปทางเหยียดมากกว่านะ แถมเหมารวมอีกต่างหาก
คนกากๆ ความคิดกากๆ ก็ชอบเม้นแบบกากๆ เป็นเรื่องธรรมดา
เเสกนนิ้วเเบบ optical ก็ใช้งานได้ดีนะ ทำไม apple ไม่ใช้ล่ะ
เอามาเป็นหนูทดลอง ดีกว่าพัฒนาช้ากว่าชาวบ้านครับ
สังเกต มาหลายรอบ คงเป็นอดีต ดาวดัง ประจำเวปที สมัคร ไอดีใหม่ มาแน่ๆๆ 555+ สำเนียงกับกิริยามันบอก ต่อให้เปลี่ยน ไอดีมาก็เถอะ 55+
เอาจริง face id ออกมาใหม่ๆ มันก็ปัญหาก็มีไม่ใช้หรือ (เวปนี้ก็เจอปัญหา) หรือทำเป็นความจำสั้นลืมไปหว่า….
ตอบในฐานะคนใช้ S10
ระบบสแกนนิ้วกากจริง ที่คุยว่านิ้วเปียกน้ำบลาๆ คือราคาคุยทั้งสิ้น
นิ้วแห้งไปกดไม่ติด นิ้วเปียกไปกดไม่ติด ต้องแบบนิ้วมันพอดีๆถึงจะกดติด
ในตอนแรกที่บอกว่ามีความปลอดภัยสูงมาก เออ ยังพอทำใจ แต่ตอนนี้คือจบหมด
เอาเข้าจริงการเอาสแกนนิ้วไปไว้หลังเครื่องมันไม่ได้เลวร้ายเลย อย่าง Mate20 ปลดเร็วมาก แน่นอนมาก
ซัมซุงเป็นมือถือที่สเปคภาพรวมดีครบเครื่องไม่เป็นรองใครนะ ไม่ได้อคติมัน (ถ้าอคติคงไม่ใช้)
แต่หลังๆมา เน้นด้านดีไซน์มากเกินไป เน้นดีไซน์มากจนมองข้ามการใช้งานจริง
ทำไมไม่ใช้แสกนม่านตาแบบไอโฟน ผมว่าผมชอบนะไอเดียแอปเปิ้ลอันนี้ ไว สะดวก ปลอดภัย Mate20pro กะใช้
iPhone ใช้สแกนใบหน้า face ID ครับ ถ้าสแกนม่านตาคือ Samsung ใช้ แต่ยกเลิกไปแล้ว
สแกนม่านตา แม่นสุด ปลอดภัยสุด ควรจะใช้กับตัว top ต่อไป ไม่เข้าใจว่าทำไมถอยหลังกลับมา
พวกแบรนด์จีนอื่นๆ ที่ออกมาเยอะๆตอนนี้ ใช้ระบบออฟติคอลใช่ไหม
ใช้ครับ