ผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้ข้อมูลจาก Attingo ในออสเตรเลีย ระบุว่า พบต้นตอของปัญหา SanDisk Portable SSD ข้อมูลหายแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่เริ่มมีรายงานตั้งแต่ช่วยกลางปีแล้ว โดยสาเหตุเกิดจากการออกแบบภายในที่ไม่เหมาะสม และกระบวนการบัดกรีที่ไม่ได้มาตรฐานของโรงงานผลิต ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบที่ SanDisk พยายามทำ

SanDisk Portable SSD ข้อมูลหาย เกิดจากอะไร

Attingo ให้ข้อมูลว่า SanDisk Portable SSD มีองค์ประกอบภายในที่ใหญ่เกินไป ไม่สัมพันธ์กับขนาดของบอร์ด ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ ชิปต่าง ๆ ไม่สัมผัสกับบอร์ดแบบแนบสนิท และไม่สามารถยึดติดได้อย่างมั่นคงในระยะยาว

นอกจากนี้ บริเวณจุดบัดกรียังมีฟองอากาศ ทำให้ไม่ทนทานอย่างที่ควรจะเป็น เป็นที่มาของอาการติด ๆ ดับ ๆ ขณะเชื่อมต่อกับพีซีตามที่ผู้ใช้งานหลายคนเจอ และเมื่อจุดบัดกรีเริ่มหลุดจากกันอย่างสมบูรณ์ ข้อมูลก็จะหายและเชื่อมต่อไม่ได้อีก ซึ่ง Attingo ตั้งข้อสังเกตว่า อาจเกิดจากโลหะที่นำมาใช้เป็นของไม่มีคุณภาพ หรือเกิดจากปัจจัยแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่นอุณหภูมิและความชื้นระหว่างกระบวนการผลิต

Attingo ยังบอกอีกว่า ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มีลูกค้าส่ง SanDisk Portable SSD มาให้กู้ข้อมูลอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เริ่มเป็นข่าว อย่างน้อยที่สุดต้องมีสัปดาห์ละ 1 คน ซึ่งถือเป็นจำนวนที่ผิดปกติอย่างชัดเจน

SanDisk แก้ปัญหาหรือยัง SanDisk Portable SSD ยังน่าซื้ออยู่ไหม

อย่างไรก็ตาม Attingo พบว่า SanDisk Portable SSD ล็อตใหม่ ๆ เริ่มมีการยิงกาวอีพ็อกซีเรซินเสริมความทนทานเข้าไปตรงจุดบัดกรีต่าง ๆ อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า SanDisk เองก็รู้สาเหตุแล้วเช่นกัน แต่ขนาดของชิปยังไม่สัมพันธ์กับบอร์ดเหมือนเดิม

ก่อนหน้านี้ SanDisk ตอบสนองต่อปัญหาดังกล่าว โดยการออกอัปเดตเฟิร์มแวร์ให้ SanDisk Portable SSD หลายรุ่นที่เข้าข่าย โดยระบุในรายละเอียดว่าเป็นการอัปเดตเพื่อแก้ไขปัญหา ‘ตัดการเชื่อมต่อจากพีซีโดยไม่คาดคิด’ ทว่า มีรายงานจากผู้ใช้งานว่าอัปเดตไปก็ไม่ช่วยอะไร ข้อมูลยังหายเหมือนเดิม สอดคล้องกับที่ Attingo บอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับด้านซอฟต์แวร์เลยแม้แต่น้อย

เว็บไซต์ PetaPixel เป็นเว็บไซต์แรก ๆ ที่นำเสนอประเด็นนี้ และพยายามติดต่อทาง Western Digital เพื่อขอคำชี้แจงและแนวทางแก้ไขปัญหามาตลอดหลายเดือน แต่ไม่มีความคืบหน้า โดย PetaPixel ได้นำว่าให้หลีกเลี่ยง SanDisk Portable SSD แล้วไปซื้อยี่ห้ออื่นมาใช้งานแทนจะดีกว่า

ที่มา : Futurezone