หลังจากที่งาน Google I/O 2016 ได้จบลงไปไม่นานนี้ หลายๆ คนก็คงอยากจะรู้กันว่าในปีนี้ภายในงานมันจะเป็นยังไงบ้างนะ เพราะผู้ชมทางบ้านนั้นจะได้ดูแค่ Keynote และ Session ต่างๆที่อยู่ภายในงานเท่านั้น ดังนั้นกระผม @Akexorcist จึงขอทำหน้าที่พาผู้อ่านทุกๆ ท่านไปสัมผัสกับงานนี้ในแบบฉบับทัวร์ฟรีกันนะครับ (มีคอมเม้นท่านหนึ่งตั้งชื่อนี้ให้)

 

บทความทั้งหมดสำหรับงาน Google I/O 2016

      ทัวร์ฟรีกับ Droidsans : งาน Google I/O 2016 ตอนที่ 1 Keynote และสถานที่ภายในงาน

      ทัวร์ฟรีกับ Droidsans : งาน Google I/O 2016 ตอนที่ 2 เที่ยวชมสิ่งที่น่าสนใจในงาน      

      ทัวร์ฟรีกับ Droidsans : งาน Google I/O 2016 ตอนที่ 3 ปาร์ตี้ยามค่ำคืน

 

      เผื่อใครที่พลาดวันลงทะเบียนกับงานของ Intel ที่จัดในคืนก่อนวันงานสามารถตามไปดูย้อนหลังกันได้ที่

ภาพบรรยากาศจุดลงทะเบียนงาน Google I/O 2016 ก่อนเริ่มถ่ายทอดสดคืนนี้ (พร้อมลิงค์ถ่ายทอดสด) 

เรียกน้ำย่อยก่อนงาน Google I/O 2016 ด้วย Intel’s Google I/O Day Zero Party งานเทคโนโลยีเจ๋งๆจาก Intel

      ในงาน Google I/O 2016 (ต่อไปจะขอเรียกสั้นๆว่า I/O นะครับ) นอกจากจะต้องห้อยบัตรหรือที่เรียกกันว่า Badge แล้ว ยังต้องใส่สายรัดข้อมือไว้ตลอดทั้ง 3 วัน นั่นหมายความว่าถึงแม้ว่าเราจะออกจากงานกลับบ้านไปนอนก็ยังต้องใส่อยู่เพื่อมาเข้างานในวันถัดไป (ใส่อาบน้ำด้วยเช่นกัน)

     

 

      เนื่องจากปีนี้งานจัดขึ้นที่ Shoreline Amphitheatre ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับ Googleplex จึงทำให้หลายๆคนต้องเดินทางไกลพอสมควร เนื่องจากมันไม่ได้อยู่ในตัวเมือง San Francisco เหมือนปีก่อนๆ แต่จะอยู่ที่ Mountain View แทน ดังนั้นจึงมีบริการ Shutter Bus คอยรับส่งผู้เข้าร่วมงานตามสถานที่หลักๆอย่างสถานีรถไฟ Caltrain ที่ Mountain View หรือที่ Millbrae เพื่อไปส่งที่หน้าทางเข้างานเลย

      เนื่องจากเป็นงานวันแรกที่มี Keynote ก็เลยมากันเช้าไปหน่อย เช้าจนต่อแถวอยู่หัวแถวเลย แล้วยืนรอซักพักหนึ่งประตูก็จะเปิดให้ทยอยเข้ามาข้างในพื้นที่งานครับ

 

      แต่พื้นที่สำหรับ Keynote ก็ยังไม่เปิดให้เข้า ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำก็คือรอต่อไปอยู่ข้างใน แต่ก็มีของกินยามเช้าให้อยู่ อย่างพวกโดนัท ขนมปัง ผลไม้ และกาแฟ

 

      ใกล้ๆจุดแจกกาแฟก็จะมี Self-driving Car ตั้งโชว์อยู่คันนึงเพื่อให้ได้ถ่ายรูปกันเล่นๆ ระหว่างรอเข้า Keynote

 

      และซักพักใหญ่ๆถึงจะเริ่มต่อแถวเพื่อเข้า Keynote กัน ตรงนี้ใช้เวลายืนรอเป็นชั่วโมงกันเลยทีเดียว คือยืนคุยกัน กินน้ำ สลับไปเข้าห้องน้ำกันหลายรอบเลยก็ว่าได้

 

      สำหรับแถวที่ต่อกันเพื่อรอเข้า Keynote จะแยกกันตามที่ระบุไว้ใน Badge ตรงมุมขวาล่าง ซึ่งจะบอกว่าคุณจะได้นั่งบริเวณไหนของ Keynote ซึ่งมีทั้งตัวเลข 202 204 หรือ 101 สำหรับ Googler จะเป็น Lawn ส่วนของผมเป็น Reserved เนื่องจากมาในนามของ Google Developer Expert (GDE)

 

      เมื่อทยอยเดินเข้ามาข้างใน Keynote ก็แอบร้องอุทานนิดหน่อย เพราะพื้นที่มันใหญ่มาก สมกับที่เค้าว่าปีนี้คนมาเยอะกว่าปีก่อนๆ ซึ่งพื้นที่มีให้ไปจนถึงพื้นสนามหญ้าที่อยู่ด้านหลังกันเลยทีเดียว 

 

      แล้ว Reserved ได้นั่งตรงไหนล่ะ? ก็ไม่ถึงกับชิดขอบข้างหน้าเวทีหรอกนะ แต่ก็เรียกได้ว่าใกล้หน้าเวทีเลยล่ะ แถมอยู่บริเวณตรงกลางพอดี เรียกได้ว่าตำแหน่งดีเลยล่ะ 

 

      ก่อนที่ Keynote จะเริ่มถ่ายทอดสดบน YouTube จริงๆจะมีการแสดงตัวแอนดรอยด์จากทั่วโลกให้ดูบนหน้าจอด้วย ซึ่งเป็นตัวแอนดรอยด์ที่ทุกๆคนทั่วโลกสร้างกันใน Androidify สำหรับงานนี้นั่นเอง

 

      แล้วก็จะเป็น IOpaint กับ IOplanes ที่ให้ใครก็ได้เข้าไปในหน้าเว็ปแล้วเล่นในตอนนั้น ซึ่งจะแสดงผลให้เห็นบนหน้าจอใน Keynote นี้แบบ Realtime กันทันที (ส่วนคนในงานเล่นกันไม่ค่อยได้ครับ เพราะเนตค่อนข้างอืดเนื่องจากคนใช้เยอะ)

 

      จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่ Keynote ตามระเบียบการ ซึ่งขอข้ามช่วงนี้ไปเลยละกันเนอะ เพราะสามารถดูใน Live Streaming และที่นี่เราก็มีข่าวและบทความให้อ่านกันแล้วว่าใน Keynote มีอะไรบ้าง

[IO2016] เปิดตัว Google Home อุปกรณ์ที่จะทำให้คุณมี Jarvis ที่บ้านเป็นของตัวเอง

[IO2016] Google เชิญให้คุณไปตั้งชื่อขนมหวานให้ Android N ในกิจกรรม #NamedAndroidN

[IO16] Google เผยฟีเจอร์ใหม่ Android N จับประเด็น Performance, Security และ Productivity

[IO2016] Google เปิดตัวแอพแชท Allo และแอปวีดีโอคอล Duo

[IO2016] Android N จะรองรับฟีเจอร์ VR อย่างเต็มรูปแบบด้วยระบบ Daydream

สรุปรวมสิ่งที่น่าสนใจจากงาน Google I/O 2016

 

      ซึ่งในช่วงระหว่าง Keynote ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเจอปัญหาเนตเน่า เพราะทุกคนแย่งกันโพส แย่งกันทวีตกันแบบมหาศาล แต่เนตก็ค่อยเริ่มใช้ได้บ้างหลังจาก Keynote เริ่มไปพักหนึ่ง แต่สำหรับ Press ทางทีมงานเค้าจะมีสาย LAN สำหรับอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงให้ ซึ่งเห็นเค้าบอกว่าเนตแรงมากกกกกกก (อิจฉาชะมัด) แต่ก็นะ เพื่อให้ Press อัพเดทข่าวสารกันแบบ Realtime ได้

 

     หลังจากจบ Keynote ทุกคนก็ทยอยเดินออกมากันเรื่อยๆ พร้อมกับความเงิบเล็กน้อยที่ว่า

     งานปีนี้ไม่มีแจก Gadget!!!!

     ใช่ครับ ไม่เหมือนกับปีก่อนๆที่จะแจก Gadget ให้ติดมือกลับบ้านกัน ปีนี้มีแต่ความว่างเปล่า (ฮือ) ถึงแม้บางคนจะแอบหวังว่าจะมีอีเมล์ส่งมาบอกว่าให้รับของพรุ่งนี้ก็ตาม (แบบปีที่แล้ว) แต่ก็ไม่มีวี่แววอะไร…

 

      หลังจากจบ Keynote ทุกคนก็เริ่มหิวพร้อมๆกับทยอยเดินเข้าไปในพื้นที่งาน I/O กัน แอบตำหนิเรื่องการแจกจ่ายอาหารนิดหน่อยเพราะว่าด้วยจำนวนคนที่เยอะมากและมีการกระจายจุดแจกอาหารเป็นจุดๆจึงทำให้ไม่เพียงพอต่อความต้องการซักเท่าไรนัก เลยต้องเดินไปอีกหน่อยเพื่อไปยังจุดรับอาหารที่อยู่ไกลกว่าจุดอื่นๆ

 

       ข้อดีอย่างหนึ่งของการจัดงานบนพื้นที่เปิดโล่งแบบนี้คือสามารถนั่งตามสนามหญ้าได้เลย บ้างก็นอนเล่นกันเลย แต่โชคร้ายหน่อยตรงที่วันแรกของงาน I/O นั้นเป็นวันที่ร้อนที่สุดของที่นี่ครับ แต่ไอ้ที่ว่าร้อนเนี่ย ถ้ายืนในที่ร่มก็หนาวอยู่ดีน่ะแหละ เพราะที่นี่ลมเย็นมาก แต่แดดมันแรงเท่านั้นเอง

 

      เอาล่ะ หลังจากอิ่มท้องและทำใจเรื่องไม่ได้ Gadget ใหม่ๆได้แล้ว ก็เริ่มออกเดินทางเยี่ยมชมภายในงานกันเถอะ

      เนื่องจากปีนี้พื้นที่จัดงานค่อนข้างกว้างเหลือเกิน ดังนั้นตอนเดินงานในวันแรกๆก็ต้องพึ่งแอพ Google I/O กันหน่อย เพราะในแอพมีแผนที่ช่วยให้ดูได้ง่ายขึ้นว่าโซนไหนอยู่ตรงไหน 

      ในปีนี้จะมีห้อง Session ทั้งหมด 10 ห้องด้วยกัน โดยใช้ชื่อห้องตามกลุ่มดาว เช่น Ursa Major, Virgo หรือ Cassiopea เป็นต้น ซึ่ง Session แต่ละห้องก็จะแตกตามกันออกไปในแต่ละเวลาและแต่ละวัน ดังนั้นแอพ Google I/O ค่อนข้างสำคัญมากเวลาเดินในงานนี้ เพราะสามารถกำหนดได้ว่าเราอยากจะเข้า Session ไหน แล้วพอใกล้ถึงเวลาแล้วก็จะแจ้งเตือนให้ทราบ 

Play video

      สำหรับ Session ในปีนี้ถือว่าดีตรงที่ทุกๆ Session มีการ Live Streaming ขึ้น YouTube ครับ และสามารถดูย้อนหลังได้ ไม่เหมือนปีที่แล้วมีบาง Session ที่มี Live Streaming ให้ก็จริง แต่ไม่สามารถดูย้อนหลังได้ซะงั้น

      แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งในงานนี้ คือการรอเข้าห้อง Session ครับ เพราะต้องยืนต่อแถวรอกลางแจ้ง หรือก็คือยืนตากแดดน่ะแหละ ก็เลยเป็นที่มาว่าทำไมต้องทาครีมกันแดดด้วย แล้วด้วยจำนวนคนที่เยอะมาก ก็เลยทำให้บาง Session คนเยอะมาก มากจนต้องต่อแถวยาวมากกกก และเมื่อ Session เริ่มแล้วก็จะเข้าห้องทีหลังไม่ได้นะ หรือก็คือไปนั่งดู Live Streaming เอานั่นเอง 

 

      นอกจากห้อง Session ทั้ง 10 ห้องแล้ว ก็จะเป็นโซนต่างๆที่แสดงเทคโนโลยีของทาง Google บ้างก็จัดเป็นซุ้ม บ้างก็เอาคอนเทนเนอร์มาใช้

 

      ส่วนในแต่ละโซนมีอะไรบ้างและมีอะไรภายในงานน่าสนใจบ้าง ก็รออ่านตอนถัดไปกันนะครับ เพราะผมจะขอแบ่งออกเป็นหลายๆบทความเพื่อที่จะได้ไม่ให้มันเยอะและยาวเกินไป (รวมไปถึงโหลดภาพเปลืองเกินไปด้วย) ซึ่งบอกเลยว่าถึงแม้จะไม่ได้ Gadget ติดมือกลับมาก็จริง แต่ในงานก็มีอะไรน่าสนใจหลายๆอย่างที่อยากจะเก็บมาเล่าสู่กันฟังครับ