หลังจากที่ Samsung ได้เปิดตัวชิปเซ็ตเรือธงตัวความหวังของพวกเขาอย่าง Exynos 2200 ไปเมื่อวาน ทางทีมงาน DroidSans ก็เลยถือโอกาสนำชิปเซ็ตตัวดังกล่าวมาท้าชนกับชิปเซ็ตจาก Qualcomm และ MediaTek อย่าง Snapdragon 8 Gen 1 และ Dimensity 9000 เอาให้เห็นชัด ๆ กันไปเลยว่าชิปเซ็ตทั้งสามรุ่น มีความเหมือนและต่างกันตรงไหน และรุ่นไหนแรงกว่ากัน มาหาคำตอบได้ในบทความนี้เลยครับ

เปรียบเทียบสเปคชิป Snapdragon 8 Gen 1 – Exynos 2200 – Dimensity 9000

Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1
Samsung Exynos 2200
Mediatek Dimensity 9000
CPU1x Cortex-X2 @ 3GHz
3x Cortex-A710 @ 2.5GHz
4x Cortex-A510 @ 1.8GHz
1x Cortex-X2
3x Cortex-A710
4x Cortex-A510
1x Cortex-X2 @ 3.05GHz
3x Cortex-A710 @ 2.85GHz
4x Cortex-A510 @ 1.8GHz
GPUAdrenoXclipse 920
AMD RDNA2 cores
Arm Mali-G710 MC10
หน้าจอแสดงผล144Hz at QHD+
60Hz at 4K
144Hz at QHD+
120Hz at 4K
144Hz at WQHD+

180Hz at FHD+

การเรียนรู้ของแมชชีนHexagonDual-core NPU + DSPAPU 5.0
six cores
โมเด็ม10Gbps download (mmWave)
Sub-6GHz3GPP Release 16 5G
7.35Gbps download
(mmWave)
5.1Gbps download
(sub-6GHz)3GPP Release 16 5G

7Gbps download (sub6GHz)

3GPP Release 16 5G

การถ่ายภาพ200MP single
64MP+36MP dual
36MP+36MP+36MP triple
8K/30fps HDR recording(รองรับเซ็นเซอร์กล้องสูงสุด 7 ตัว และถ่ายพร้อมกัน 4 ตัว)
200MP single
64MP+36MP dual
8K/30fps, 4K/120fps, 4K HDR recording
320MP single
32MP+32MP+32MP triple
8K/24fps recording
4K HDR Video
การเล่นวิดีโอ8K
H.264, H.265, VP9 decode
8K
AV1, H.264, H.265, VP9 decode
8K
AV1, H.264, H.265, VP9 decode
RAMLPDDR5LPDDR5LPDDR5X
การเชื่อมต่อBluetooth 5.2
Wi-Fi 6E
N/ABluetooth 5.3
Wi-Fi 6E
สถาปัตยกรรม4nm EUV (Samsung)4nm EUV (Samsung)4nm TSMC

 

ประสิทธิภาพ CPU และ GPU

ทั้งสามชิปเซ็ตไม่ว่าจะเป็น Snapdragon 8 Gen 1, Exynos 2200 และ Dimensity 9000 ต่างมาพร้อมกับสถาปัตยกรรม CPU เจเนเรชั่นใหม่อย่าง ARMv9 จาก ARM ด้วยกันทั้งสิ้น แถมโครงสร้าง CPU ยังเป็นแบบ 1+3+4 เหมือนกันทั้งหมด ได้แก่ Cortex-X2 จำนวน 1 แกน, Cortex-A710 จำนวน 3 แกน และ Cortex-A510 อีก 4 แกน ต่างกันเพียงแค่ค่าสัญญาณนาฬิกาเท่านั้นที่ดูเหมือนว่าชิปเซ็ตจากฝั่ง MediaTek จะอัดสเปคมาให้เยอะกว่าเพื่อน แต่น่าเสียดายที่ Samsung กลับไม่ได้ระบุถึงรายละเอียด Clock-Speed ของ Exynos 2200 ออกมาแต่อย่างใด

ส่วน GPU ทางฝั่ง Dimensity 9000 นั้น มาพร้อมกับ Mali-G710 MC10 จาก ARM ที่ MediaTek เคลมว่า มันแรงกว่า GPU ที่อยู่บน Snapdragon 888 อยู่ประมาณ 35% ในขณะที่ GPU ของ Snapdragon 8 Gen 1 ให้มาเป็น Adreno รุ่นใหม่ล่าสุด (แต่ไม่ได้บอกตัวเลขว่าเป็นรุ่นอะไร) ที่ทาง Qualcomm ก็ออกมาบอกว่าแรงกว่าเดิม (เมื่อเทียบกับ Snapdragon 888) อยู่ 30% ทำให้ประสิทธิภาพ GPU ของชิปเซ็ตทั้งสองน่าจะไม่ต่างอะไรกันมากเท่าไหร่ และหากอ้างอิงจากคำอ้างของ MediaTek เผลอ ๆ ชิป Dimensity 9000 ของพวกเขา มีความแรง GPU แรงกว่า Snapdragon 8 Gen 1 ด้วย

ในขณะที่ Exynos 2200 อัด GPU Xclipse 920 ที่สถาปัตยกรรมเหมือนกับ AMD RNDA2 บน PlayStation 5 และ Xbox Series รองรับ Ray-Tracing เหมือนกับ Dimensity 9000 แต่ของ MediaTek เป็นซอฟต์แวร์ ส่วน Samsung เป็นฮาร์ดแวร์ ทำให้ Exynos 2200 นั้นในทางทฤษฎีแล้ว น่าจะมีความแรงและความสามารถที่เหนือกว่าฝั่ง Dimensity 9000 อยู่พอสมควร

อย่างไรก็ดี น่าเสียดายที่ Samsung ไม่ได้ออกมาให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวเลขของ GPU Xclipse 920 แต่อย่างใด แต่หากอ้างอิงจากข่าวลือที่ผ่านมา ก็คาดว่า GPU ดังกล่าวจะมีค่าสัญญาณนาฬิกาอยู่ที่ 1.29GHz (จากตอนแรก 1.9GHz แต่ทางบริษัทฯ ไม่สามารถจัดการเรื่องความร้อนได้เลยลดลงมาเหลือแค่ 1.29GHz) และหากข่าวลือที่ว่า Xclipse 920 ทำผลคะแนน Benchmark ได้แย่กว่า Adreno และ Mali จริง ๆ ตรงนี้ก็น่าเป็นห่วงมาก ๆ สำหรับ GPU ตัวใหม่นี้จาก Exynos 2200

การถ่ายภาพและวิดีโอ

แน่นอนว่าในเรื่องของการถ่ายภาพ ชิปเซ็ตทั้งสามรุ่นก็มาพร้อมกับสเปคในระดับเรือธงเหมือนกันทั้งสิ้น โดย Snapdragon 8 Gen 1 และ Exynos 2200 นั้นรองรับการถ่ายภาพที่ความละเอียดสูงสุด 200MP แต่ MediaTek นั้นมาเหนือกว่า ใส่ความสามารถให้ Dimensity 9000 สูงสุดถึง 320MP เลยทีเดียว

ชิปเซ็ตทั้งสามรุ่นสามารถบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 8K แต่จะมีเพียง Snapdragon 8 Gen 1 เจ้าเดียวเท่านั้นที่รองรับการถ่ายแบบ HDR และการถ่ายภาพต่อเนื่องหรือ Burst Shot ทั้งหมด 240 ภาพ

ประสิทธิภาพการประมวลผล AI

ขณะที่ประสิทธิภาพ AI ทั้งสามชิปเซ็ตก็มาพร้อมกับสเปคระดับไฮเอนด์เช่นเดียวกัน เริ่มจาก Qualcomm ที่เคลมว่า Hexagon DSP ใน Snapdragon 8 Gen 1 นั้นเร็วแรงกว่า Tensor ของ Google ที่ขึ้นชื่อเลื่องลือในด้านประมวลผล AI อยู่สองเท่า ในส่วน Samsung แรงกว่าเดิมเมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อนของตัวเองอยู่สองเท่า แต่ที่เหนือความคาดหมายสุด ๆ ก็คือ Dimensity 9000 ที่ประสิทธิภาพ AI นั้นแรงกว่าเดิมเมื่อเทียบกับ Dimensity 1200 อยู่สี่เท่าตัว แถมยังจัดการพลังงานดีขึ้นกว่าเดิมอีกสี่เท่าด้วย อย่างไรก็ดี ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลออกมาเปิดเผยว่าทั้งสามชิปเซ็ตนั้นหากเอามาแข่งกันชิปเซ็ตไหนจะมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่ากัน ตรงนี้ก็ต้องรอติดตามข้อมูลอัปเดตกันต่อไป

ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ถูกมองข้ามบ่อยมาก ๆ ก็คือเรื่องความปลอดภัย โดย Snapdragon 8 Gen 1 นั้นมาพร้อมกับ Trust Management Engine ตัวใหม่ที่รองรับการใช้งานควบคู่ไปกับ Android Ready SE ในขณะเดียวกัน Exynos 200 ก็ใส่ Secure Element มาให้ ที่สามารถยืนยัน Root of Trust และข้อมูลที่เก็บอยู่ในโดเมนที่ปลอดภัยได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องฟีเจอร์ความปลอดภัย ดูเหมือนว่า MediaTek จะไม่ได้ออกมาให้รายละเอียดแต่อย่างใดว่า Dimensity 9000 นั้นใส่อะไรมาให้หรือเปล่า

การเชื่อมต่อ

เหมือนเดิมในแง่ของการเชื่อมต่อ โดยเฉพาะ 5G ทั้ง Snapdragon 8 Gen 1, Exynos 2200 และ Dimensity 9000 ต่างมากับสเปคที่จัดหนักจัดเต็มด้วยกันทั้งสามชิปเซ็ต โดยในส่วนนี้ Qualcomm เหนือสุด สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 10Gbps ในขณะที่ Samsung และ MediaTek สามารถฮิตท็อปสปีดได้สูงสุด 7.35Gpbs และ 7Gpbs ตามลำดับ แต่ข้อสังเกตก็คือ Dimensity 9000 จาก MediaTek นั้น เป็นหนึ่งเดียวในสามรุ่นนี้ที่ไม่รองรับการเชื่อมต่อแบบ mmWave

และเป็นเหมือนเดิมอีกแล้วที่ Samsung ไม่ได้ออกมาระบุรายละเอียดเกี่ยวกับสเปค WiFi และ Bluetooth ของ Exynos 2200 แต่คาดการณ์กันว่าน่าจะอย่างน้อย ๆ รองรับ WiFi 6 และ Bluetooth 5.2 ขณะที่ในส่วนของ Snapdragon 8 Gen 1 และ Dimensity 9000 ต่างมาพร้อมกับสเปคสุดไฮเอนด์รองรับ WiFi 6E และ Bluetooth 5.3 แล้ว

สรุปแล้วชิปเซ็ตรุ่นไหนดีกว่ากัน?

รอบนี้ถือว่า Dimensity 9000 นั้นมีพัฒนาการที่ก้าวกระโดดมาก ๆ จากเป็นหางแถวเป็นรอง Snapdragon และ Exynos มาโดยตลอด แต่รอบนี้ดูจากสเปคกระดาษแล้ว มีบางจุดบางมุมที่ MediaTek อัดสเปคมาให้เหนือกว่า Qualcomm และ Samsung ซะอีก ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีข่าวออกมารายงานอีกว่า Dimensity 9000 มีราคาที่ถูกกว่า Snapdragon 8 Gen 1 (และคาดว่า Exynos 2200 ด้วย) อยู่พอสมควร ทำให้มือถือที่จะได้ชิปเซ็ตนี้ไปอาจจะสามารถขึ้นแท่นเป็นมือถือนักฆ่าเรือธงเหมือนสมัย OnePlus รุ่งเรืองก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างไร สเปคก็ไม่สามารถบ่งบอกทุกอย่างได้ ยังไงก็ต้องรอดูการใช้งานจริงต่อไปว่าสรุปจะทำผลงานได้ดีเหมือนสเปคกระดาษหรือเปล่า

 

SOURCE :