Sony ออกไลน์สินค้าใหม่ในชื่อ INZONE ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์สายเกมมิ่งที่เน้นเจาะกลุ่มนักเล่นเกมชาวพีซีเป็นหลัก สินค้าชุดแรกที่เปิดตัวมีทั้งหมด 5 ชิ้น แบ่งเป็นมอนิเตอร์ 2 รุ่น และหูฟังเฮดเซต 3 รุ่น ทางคาซูโอะ คิอิ ประธานผลิตภัณฑ์ความบันเทิงภายในบ้านของบริษัทยอมรับว่า Sony เข้าสู่ตลาดนี้ช้ากว่าคู่แข่งมาก แต่ในขณะเดียวกันก็มั่นใจว่าจะสามารถตามทันได้ ด้วยเทคโนโลยีด้านภาพและเสียงที่ Sony สั่งสมมานาน

จุดเริ่มต้นของแบรนด์ INZONE มาจากการที่ Sony เล็งเห็นว่า ตลาดเกมฝั่งพีซีมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะวงการอีสปอร์ตในช่วง 3 ปีหลัง จากเดิมที่เป็นแค่วัฒนธรรมเฉพาะคนกลุ่มเล็ก ๆ แต่ตอนนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ครั้นจะให้มองจากวงนอกเฉย ๆ ต่อไปก็ดูจะยังไงอยู่ ไหน ๆ ก็มีเทคโนโลยีในมือที่เกี่ยวข้องในมืออยู่แล้ว เข้ามาแจมด้วยเลยแล้วกัน

Sony INZONE M3 | M9

มอนิเตอร์ทั้ง 2 รุ่นคือ INZONE M3 และ INZONE M9 ทั้งคู่มีหน้าตาเหมือนกัน เป็นมอนิเตอร์พาเนลขนาด 27 นิ้วเท่ากัน เวลาตอบสนองก็อยู่ที่ 1 มิลลิวินาทีเท่ากันอีก ส่วนที่ไม่เหมือนกันคือ คุณสมบัติด้านการแสดงผล ความละเอียด และอัตรารีเฟรช

INZONE M3

  • ความละเอียด Full HD
  • อัตรารีเฟรช 24 – 240Hz
  • ความสว่างสูงสุด 400 cd/m2
  • ความลึกสี 10-bit
  • ขอบเขตสี 99% ของ sRGB
  • คอนทราสต์ 1000:1
  • รองรับ HDR10, HLG, DisplayHDR 400
  • รองรับ Adaptive-Sync, NVIDIA G-SYNC
  • ลำโพง 2 วัตต์ (x2)
  • พอร์ต
    – DP 1.4 (x1)
    – HDMI 2.1 (x2)
    – USB-C (x1)
    – USB-B (x1)
    – USB-A (x3)
    – Headphone Output (x1)

INZONE M9

  • ความละเอียด 4K
  • อัตรารีเฟรช 24 – 144Hz
  • ความสว่างสูงสุด 600 cd/m2
  • ความลึกสี 10-bit
  • ขอบเขตสี >95% ของ DCI-P3
  • คอนทราสต์ 1000:1
  • รองรับ HDR10, HLG, DisplayHDR 600
  • รองรับ NVIDIA G-SYNC
  • ลำโพง 2 วัตต์ (x2)
  • พอร์ต
    – DP 1.4 (x1)
    – HDMI 2.1 (x2)
    – USB-C (x1)
    – USB-B (x1)
    – USB-A (x3)
    – Headphone Output (x1)

สรุปง่าย ๆ คือ INZONE M9 เป็นรุ่นสูงกว่า หน้าจอสว่างกว่า แสดงผล HDR ดีกว่า ความละเอียดเยอะกว่า และที่เด็ดที่สุดคือ แบ็กไลต์ของรุ่นนี้เป็น Direct Lit LED ทำให้มันรองรับฟังก์ชัน Full Array Local Dimming หรือการหรี่แสงเฉพาะจุดในส่วนมืดของฉากขณะแสดงผล ช่วยให้ภาพมีคอนทราสต์และดูมีมิติมากขึ้น

ด้าน INZONE M3 แม้ความละเอียดจะลดหลั่นลงมาจาก 4K เหลือ Full HD แต่ก็ยังมีหมัดเด็ดอยู่ตรงที่อัตรารีเฟรชสูงสุด 240Hz ส่วนพวกพอร์ตเชื่อมต่อกับฟีเจอร์อะไรต่าง ๆ หลัก แล้วจะให้มาเท่ากัน

แม้ Sony จะเอ่ยปากว่า “เน้นไปที่เกมเมอร์สายพีซี” แต่ก็ไม่ได้ทิ้ง PS5 ที่เป็นลูกในไส้หรือปล่อยปละละเลยแต่อย่างใด ดูได้จากดีไซน์ของมอนิเตอร์ (รวมทั้งหูฟัง) ที่ใช้คู่สีและภาษาการออกแบบเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันสำหรับปรับโหมดภาพ ปรับการแสดงผล HDR และการรองรับคุณสมบัติ VRR ปรับอัตรารีเฟรชแบบผันแปรติดมาให้ด้วย คือจะเอาไปใช้งานกับพีซีก็ได้ หรือจะใช้งานกับ PS5 ก็ไม่ติดขัด

โดย INZONE M3 มีราคา 529 เหรียญ (ประมาณ 18,499 บาท) ในขณะที่  INZONE มีราคา 899 เหรียญ (ประมาณ 31,499 บาท) เริ่มวางจำหน่ายในเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไปในบางประเทศ

Sony INZONE H3 | H7 | H9

หูฟัง INZONE H3, INZONE H7 และ INZONE H9 ถูกออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ โดย Sony เคลมว่า มีแรงกดจากด้านข้างต่ำ และเลือกใช้วัสดุที่สวมใส่สบาย (แต่ไม่ลดทอนคุณภาพเสียง) เพื่อให้สวมใส่เล่นเกมได้นานโดยไม่ล้า ไม่ปวดหู ทั้ง 3 รุ่นรองรับฟีเจอร์ 360 Spatial Sound ระบบจำลองเสียงรอบทิศทางตามแหล่งกำเนิดเสียง

INZONE H3 ที่เป็นรุ่นเริ่มต้น เป็นหูฟังแบบมีสาย ในขณะที่ INZONE H7 กับ INZONE H9 จะอัปเกรดขึ้นมาเป็นหูฟังแบบไร้สาย เชื่อมต่อผ่านอะแดปเตอร์ด้วยคลื่น 2.4GHz ก็ได้ หรือจะเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ก็ได้เช่นกัน แบตอยู่ได้นานสุด 40 ชั่วโมง และ 32 ชั่วโมง ตามลำดับ ทั้งคู่มีฟีเจอร์ชาร์จไว เสียบชาร์จ 10 นาที ใช้งานต่อได้ 1 ชั่วโมง

สาเหตุที่ INZONE H9 แบตอึดน้อยกว่า INZONE H7 เป็นเพราะ มันมีระบบตัดเสียงรบกวน Noise Cancelling เพิ่มเข้ามา ใช้เทคโนโลยี Dual Noise Sensor Technology ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่อยู่ในหูฟังซีรีส์ X1000 ของ Sony

ฝั่งมอนิเตอร์ยังต้องลุ้น ว่าจะเข้ามาขายในประเทศไทยหรือไม่ แต่ฝั่งหูฟัง มาแน่นอน มีราคาดังนี้

  • INZONE H3 – ราคา 3,990 บาท
  • INZONE H7 – ราคา 7,990 บาท
  • INZONE H9 – ราคา 9,990 บาท

 

ที่มา : Sony

Play video