นอกจาก Xperia Z5 ที่ทาง Sony Mobile เปิดตัวและเปิดให้จองเครื่องกันไปแล้ว ก็ยังมีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องเสียงของโซนี่ที่โชว์กันไปในงาน IFA 2015 ที่ผ่านมาและทางโซนี่ก็นำมาเปิดตัวในประเทศไทยแล้วในวันนี้ (5 ต.ค.) โดยผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวนั้นประกอบไปด้วยหูฟังซีรีส์ใหม่ในชื่อ h.ear, ลำโพงบลูทูธ, ชุดเครื่องเสียงสำหรับใช้งานที่บ้านขนาดกะทัดรัด, เครื่องเล่นเพลง Walkman รุ่นใหม่ และเครื่องเสียง Hi-res สำหรับรถยนต์เครื่องแรกของโลก เรามาดูกันครับว่าภายในงานนั้นทางโซนี่ได้พูดถึงเรื่องอะไรบ้างและเปิดตัวสินค้าอะไรบ้าง
ทางโซนี่ได้พูดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงตัวเองว่าครอบคลุมทุกประเภทสินค้าตั้งแต่หูฟังมีสาย ไร้สาย ไปยันเครื่องเล่นเพลงต่างๆ และกล่าวถึงสถิติยอดขายในประเทศไทยว่ามีการตอบรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Hi-Res เป็นอย่างดี โดยสินค้าในกลุ่ม Hi-Res มียอดขายในปี 2014 เพิ่มจากปี 2013 มากถึง 4 เท่าตัว
ทำให้โซนี่เล็งเห็นว่าไทยเป็นตลาดที่สำคัญตลาดหนึ่ง พร้อมทั้งได้พูดถึงแนวทางการทำตลาดของโซนี่ในตลาดเครื่องเสียงอีกด้วยว่าจะเพิ่มสินค้าระดับบนที่ออกแบบมาเพื่อ Audiophiles (ผู้หลงใหลในเสียงเพลง) และขยายตลาดระดับกลางที่เป็นสินค้าพรีเมียมให้ผู้ที่ฟังเพลงทั่วไปเข้าถึงมากยิ่งขึ้นครับ
กลุ่มหูฟัง
มาเริ่มกันด้วยกลุ่มของหูฟังกันก่อนดีกว่า เพราะเรื่องหูฟังนั้นดูจะเป็นเครื่องเสียงที่ใกล้ตัวคนเล่นมือถืออย่างเราๆ กันมากที่สุด ภายในงานวันนี้โซนี่ได้เปิดตัวหูฟังภายใต้ชื่อใหม่คือ “h.ear” (เฮียร์) ที่เป็นการเล่นคำของคำว่า “ear” กับ “hear” นั่นเอง โดยสินค้ากลุ่ม h.ear ที่โซนี่เปิดตัวนั้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม นั่นก็คือ h.ear on และ h.ear in
หลายคนน่าจะได้ยินชื่อ h.ear on กันไปพอสมควรแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่ไปจอง Xperia Z5 ในงาน Thailand Mobile Expo กันมา เพราะจะได้สิทธิ์แลกซื้อในราคาที่ถูกลงกว่าราคาเต็มนั่นเอง หูฟัง h.ear on นั้นเป็นหูฟัง Hi-res แบบครอบหู (Over-Ear Headphones) ใช้งานผ่านสายและแจ๊คขนาด 3.5 มิลลิเมตร พร้อมมีไมโครโฟนในสายด้วยทำให้ใช้งานกับโทรศัพท์มือถือได้อย่างสะดวก
หูฟัง h.ear on ยังมาพร้อมกับดีไซน์สีสันสดใสประกอบได้ด้วยสี ทั้งหมด 5 สี คือ Lime Yellow, Viridian Blue, Charcoal Black, Bordeaux Pink และ Cinnabar Red อีกหนึ่งความสามารถของ h.ear on คือสามารถพับเก็บได้ทำให้มีขนาดกะทัดรัดขึ้นสะดวกสำหรับการพกพามากยิ่งขึ้นนั่นเอง
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ในกลุ่มหูฟังก็คือ h.ear in ที่เป็นหูฟัง Hi-res แบบสอดหู (In-Ear Headphones) โดย h.ear in นั้นแบ่งออกเป็น 2 แบบก็คือ h.ear in ที่รองรับระบบ Digital Noise Canceling หรือก็คือระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอกขณะที่เราใส่หูฟังอยู่นั่นเอง และอีกแบบหนึ่งก็จะเป็น h.ear in ที่หน้าตาและสเปคไม่ต่างกันเท่าไรเพียงแค่ตัดระบบตัดเสียงรบกวนออกไปนั่นเองครับ มีรายละเอียดดังนี้
คลิกดูภาพใหญ่ได้ครับ
- MDR-EX750AP นั้นจะเป็นรุ่นที่มีราคาถูกสุดในกลุ่ม h.ear in โดยจะมีลักษณะเหมือน smalltalk ทั่วๆ ไปนี่แหละครับ มีไมค์และปุ่มกดรับสาย/เล่น-หยุดเพลง/เปลี่ยนเพลง ได้ ที่ต่างคือโซนี่บอกว่าตัวนี้เป็นหูฟังที่อยู่ในกลุ่ม Hi-res ครับ คือถูกออกแบบมาเพื่อขับเสียงเพลงที่มีคุณภาพสูงนั่นเอง วางขายทั้งหมด 5 สี คือ Lime Yellow, Viridian Blue, Charcoal Black, Bordeaux Pink และ Cinnabar Red ซึ่งทั้ง 5 สีนี้จะเหมือนกันสีของ h.ear on เลยครับ ในส่วนของราคานั้นอยู่ที่ 2,990.- บาทครับ
- MDR-EX750NA รุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่รองรับการตัดเสียงรบกวนด้วยเทคโนโลยี Digital Noise Canceling โดยจะมีวงจรอยู่ในตัว (ส่วนหนึ่งของสาย) พร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน 16 ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่ผ่าน micro USB และสามารถชาร์จไปใช้ไปได้ครับ ตัวนี้มีราคาอยู่ที่ 4,990.- บาทครับ
- MDR-NW750N ตัวนี้เป็นอีกรุ่นที่รองรับ Digital Noise Canceling แต่ว่า เป็นรุ่นที่แถมมากับ Walkman รุ่น NW-A26HN ที่เปิดตัวร่วมกันภายในงานครับ โดยจะอาศัยตัวเครื่อง Walkman เองในการประมวลผลการตัดเสียงรบกวน ทำให้หูฟังมีหน้าที่แค่รับเสียงส่งให้ Walkman ครับ และไม่ต้องอาศัยแบตเตอรี่สำหรับตัวหูฟัง ตัวนี้ไม่วางจำหน่ายครับเพราะแถมกับเครื่อง Walkman NW-A26HN เท่านั้น
จริงๆ สำหรับหูฟังกลุ่ม h.ear in นั้นมีอีกรุ่นหนึ่งครับแต่ไม่ได้ถูกพูดถึงในงานวันนี้ นั่นก็คือรุ่น MDR-NC750 ที่เป็นหูฟัง Noise Canceling เช่นกัน โดยออกแบบมาสำหรับใช้งานกับมือถือ Xperia โดยเฉพาะ (ใช้งาน NC ได้เฉพาะ Xperia รุ่นที่รองรับ เช่น Z2, Z3, Z5) โดยจากที่ผมสอบถามกับทางโซนี่ได้ข้อมูลว่าสเปคนั้นจะคล้ายๆ กับ MDR-EX750NA ครับ และคาดว่าจะวางจำหน่ายในราคา 3,990.- บาทครับ (ยังไม่ยืนยัน) ทั้งหมดทุกรุ่นนี้จะวางจำหน่ายภายในเตือนตุลาคมนี้ครับ
กลุ่ม Walkman
ถัดจากหูฟังก็จะเป็นในกลุ่มของเครื่องเล่นเพลง Walkman รุ่นใหม่กันบ้าง โดยภายในงานโซนี่ได้เปิดตัวออกมาทั้งหมด 3 รุ่นครับคือ
- NW-ZX100 เป็นรุ่นทอปของปีนี้ออกแบบมาสำหรับกลุ่มคนที่หลงใหลในดนตรีและมีหูเทพประทาน โดยมาพร้อมหน่วยความจำขนาด 128GB และรองรับ microSD รองรับการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธและรองรับเทคโนโลยี LDAC ที่ทำให้คงคุณภาพของเสียงเพลงไว้ได้ดี รองรับไฟล์เสียงความละเอียดสูงจำนวนมากไม่ว่าจะเป็น FLAC, DSD, ALAC ฯลฯ สำหรับตัวนี้จะไม่รองรับคลื่น FM นะครับ สามารถเล่นเพลง MP3 ได้ 70 ชั่วโมง และเพลงความละเอียดสูง (FLAC 192kHz/24bit) ได้ 45 ชั่วโมง วางจำหน่ายสีเดียวคือสีเงิน ราคาอยู่ที่ 21,990.- บาท
- NW-A25HN ตัวนี้จะเป็นรุ่นที่เรียกว่าอยู่ในกลุ่มกลางๆ ของ Walkman ครับ โดยมีหน่วยความจำมาให้ 16GB รองรับ microSD รองรับไฟล์เพลงความละเอียดสูงได้จำนวนมาก ต่างกับรุ่นทอป NW-ZX100 เพียงแค่ไม่รองรับไฟล์ DSD ครับ รุ่นนี้เล่นเพลง MP3 ได้ยาว 50 ชั่วโมงและเล่นเพลงความละเอียดสูง (FLAC 192kHz/24bit) ได้ 30 ชั่วโมงครับ วางจำหน่ายทั้งหมด 5 สี คือ Lime Yellow, Viridian Blue, Charcoal Black, Bordeaux Pink และ Cinnabar Red โดยโซนี่จงใจให้มีสีสันเข้ากันกับหูฟัง h.ear on และ h.ear in และเปิดราคามาที่ 6,990.- บาทครับ
- NW-A26HN รุ่นนี้จะเป็นรุ่นอัพเกรดจาก NW-A25HN ขึ้นมาเล็กน้อย โดยจะมาพร้อมหน่วยความจำ 32GB รองรับ microSD เช่นกันและแถมหูฟัง h.ear in รุ่น MDR-NW750N มาให้นั่นเองครับ มีด้วยกัน 2 สีคือ สีดำ และ สีเงิน วางจำหน่ายที่ราคา 9,990.- บาทครับ
นอกจาก Walkman แล้วโซนี่ก็ยังเปิดตัวเครื่องเสียงอื่นอีก แต่ก่อนที่ผมจะกล่าวถึงในส่วนนั้นจะขอพูดถึงเทคโนโลยีด้านเสียงเพลงตัวหนึ่งของโซนี่ที่ถูกพูดถึงบ่อยมาในปีนี้นั่นก็คือเทคโนโลยี LDAC
ในการส่งเพลงเพื่อให้ไปเล่นบนอุปกรณ์บลูทูธที่เป็นตัวรับสัญญาณนั้นโดยปกติแล้วจะมีอัตราการส่งข้อมูลอยู่ที่ 328 kbps เรียกกระบวนการนี้ว่า Subband Coding ซึ่งอัตราการส่งปริมาณาข้อมูลนี้ไม่สามารถส่งข้อมูลเพลงที่ความละเอียดสูงเพื่อนำไปเล่นได้ทันทำให้การเล่นเพลงเกิดอาการกระตุก ติดขัด หรืออาจจะเล่นไม่ได้ ทางโซนี่จึงได้พัฒนาเทคโนโลยี LDAC ขึ้นมาเพื่อให้สามารถส่งข้อมูลได้ปริมาณมากขึ้นในเวลาเท่าเดิมโดยใช้การเข้ารหัสที่ทางโซนี่เป็นผู้พัฒนาเอง การทำงานอาศัยทั้งอุปกรณ์ที่ส่งและอุปกรณ์ที่รับที่รองรับเทคโนโลยีนี้ (มีความต้องการทางฮาร์ดแวร์ นั่นก็คือต้องใช้ผลิตภัณฑ์ของโซนี่)
ด้วย LDAC นั้นจะทำให้ปริมาณข้อมูลส่งได้มากถึง 990 kbps เลยทีเดียว ทำให้สามารถส่งข้อมูลเพลงความละเอียดสูงไปยังเครื่องเล่นได้โดยแทบไม่สูญเสียคุณภาพเสียงเลย เทคโนโลยี LDAC รองรับการส่งข้อมูลเพลงได้ความละเอียดสูงสุดที่ 96kHz/24bit ครับ และสินค้าที่ผมจะพูดถึงต่อไปนี้ล้วนเป็นเครื่องเสียงที่โซนี่ได้พัฒนาขึ้นมาให้รองรับ LDAC เพื่อให้สามารถเล่นเพลงได้อย่างเต็มคุณภาพนั่นเอง
เครื่องเสียงอื่นๆ
ต่อจากผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องเสียงพกพาได้ โซนี่ก็เปิดตัวเครื่องเสียงสำหรับใช้งานภายในบ้าน-อาคารอีกด้วยคือ CAS-1 (Compact Audio System) ประกอบไปด้วยเครื่องเล่นและลำโพง 2 ตัว สามารถใช้งานได้หลากหลายทั้งเปิดฟังผ่าน USB Drive, เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์, หรือจะเป็นการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธจาก โทรศัพท์มือถือ (ภายในงานทดสอบกับ Xperia Z5 ที่รองรับ LDAC) หรือ Walkman ก็ได้เช่นกันครับ
สามารถเล่นเพลงความละเอียดสูงผ่านบลูทูธก็ได้เช่นกันเพราะ CAS-1 นั้นรองรับ LDAC สำหรับรุ่นนี้ไม่มีช่อง CD กับ FM Radio ครับ โดย CAS-1 นั้นมีราคาอยู่ที่ 35,990.- บาทและพร้อมวางจำหน่ายพฤศจิกายนนี้ครับ
นอกจาก CAS-1 แล้วก็มีเครื่องเสียงอีกรุ่นหนึ่งคือ CMT-SX7 ที่เป็นเครื่องระดับค่อนลงมาจาก CAS-1 ครับ รองรับช่อง CD, FM Radio รองรับ LDAC ครับ ราคาอยู่ที่ 17,990.- บาท และยังมีลำโพงบลูทูธอีกมากมายหลายขนาดเช่น SRS-X99, SRS-X88, SRS-X77, SRS-X55 (ไม่ Hi-res) และ SRS-X33 (ไม่ Hi-res) ครับโดยลำโพงเหล่านี้วางจำหน่ายมาแล้วสักพัก สามารถหาข้อมูลเพิ่มกันได้ที่ทางโซนี่ครับ
ปิดท้ายด้วยเครื่องเสียงรถยนต์ที่โซนี่บอกว่าเป็นเครื่องเสียง Hi-res สำหรับรถยนต์เครื่องแรกของโลกแถมยังประกอบเข้ากับรถไปประกวดเครื่องเสียงได้รางวัลมาด้วยครับนั่นก็คือ RSX-GX9 ที่โซนี่เรียกว่า In-Car Hi-Res Audio รองรับเทคโนโลยี DSD Native Playback มาพร้อมกับชุดลำโพงของโซนี่เองครับ โดยจะเริ่มวางขายในเดือนธันวาคมนี้ สำหรับผู้สนใจที่เล่นเครื่องเสียงรถยนต์สามารถรอไปลองชมได้ที่โซนี่สโตร์ครับ
อ้างอิง: LDAC
"เครื่องเสียง Hi-res สำหรับรถยนต์เครื่องแรกของโลก" มันจะว้าวแค่ไหนรอชมรีวิวกันต่อไป
เปิดพวกนี้แล้ว เซอร์วิสหลังการขายดีๆก็คงตามมา ^_^
HR-Vin
Hi-res ในรถยนต์ มีคนทำแล้วนะครับ ลองค้นชื่อร้าน Hidef Audio ดูครับ
ทาง Sony คงหมายถึงแบบขาย Commercial ที่ติดตั้งได้เลยไม่ต้องดัดแปลงอะไรนะครับ
เร้าใจมากๆครับ
ชอบมากเลย LDAC นี่สุดยอดอ่ะ สร้างสรรค์ดี
อยากให้ Sony เอา AVR มาขายไทยบ้าง
MDR-NW750N แกะจากกล่องแล้วขายเลยคิดว่าจะขายได้ซักเท่าไหร่ครับ
ราคาแพงเอาเรื่องเหมือนกันครับ แต่ผมว่านักเล่นหลายคนเห็นราคานี้อาจจะมองไปที่พวก hifiman , Fiio , Astell&Kern ก็เป็นได้ครับ ยกเว้นสาวกอารธรรมโซนี่ตัวจริง
เคยเล่นเครื่องเสียงมาบ้าง เข้าใจคำว่าหูทองครับ
ขออธิบายก็คือ คนที่ชอบฟังเพลงมีสามกลุ่มหลักๆคือ
1.พวก มิวสิคเลิฟเวอร์ พวกนี้ชอบฟังเพลงเอาแค่ความไพเราะของดนตรีพอ
จะเสียงดีไม่ดีช่างมัน ฉันชอบที่ตัวดนตรี ตัวเพลง พอ
2.พวกชอบฟังเอามัน คัลเลอร์เยอะๆ จะชอบเสียงที่เบสลึกๆหนักๆ เสียงแหลม
กรีดกราย เสียงต้องดังๆ ก็เป็นพวกที่ลงทุนขึ้นมาอีกหน่อย
3.คือกลุ่มหูทอง ฟังเพื่อจับผิดระบบ ระบบเสียงต้องให้เสียงที่สมจริง ละเอียดละออ
ฟังเพลงแบบแฟลต เบสไม่ต้องหนัก แหลมไม่ต้องกรีด แต่เสียงต้องสมจริงที่สุด
ระบบเสียงของประเภทที่ 3 คือระบบที่แพงที่สุด ทำได้ยากที่สุด เมื่อฟังเพลง
สิ่งที่ต้องการคือเสียงที่เสมือนศิลปินที่ฟังนั้นมาแสดงสดๆตรงหน้า ความรู้สึกว่า
ฟังเสียงผ่านจากลำโพงหายไป หรือที่เรียกว่าลำโพงล่องหน(ไม่รู้ว่าลำโพงอยู่ตรงไหน)
ระบบเสียงแสดงมิติตำแหน่งของเครื่องดนตรีชิ้นต่างๆว่าแต่ละชิ้นวางตรงไหน
นักร้องร้องตรงไหน นักร้องตัวสูงแค่ไหน มือกลองตีกลองตรงไหนของเวที
จนมีการบัญญัติศํพท์ต่างๆมาเพื่ออธิบายเช่น ฟรอนท์เสตจ ซาวน์เสตจ ไดนามิคเฮดโทน ฯลฯ
ผลิตภัณฑ์ต่างๆของโซนี่ เริ่มทะยอยถูกแบรนด์เกาหลีและจีนตีกินไปเรื่อยๆ
จนไม่สามารถแข่งขันในตลาดแมสได้ ผมว่ามันก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกแล้ว
ที่โซนี่ขยับตัวเองไปเล่นตลาดบน หรือนิชมาร์เก็ต โดยการขายสินค้าระดับพรีเมียมราคาสูงๆแทน
แต่ตลาดนี้ก็ไม่ได้เล่นง่ายซะทีเดียว เพราะการเจาะตลาดกลุ่ม geek ผู้บริโภคกลุ่มนี้เกือบทั้งหมด
เป็นผู้มีความรู้แบบเจาะลึก และไม่ได้หลอกขายแบรนด์ได้ง่ายๆ
ถ้าสินค้าไม่ได้เจ๋งสุดๆ คุ้มค่าสมราคาจริงๆ คนกลุ่มนี้ก็ไม่ซื้ออยู่ดีครับ