Sony ประกาศเปิดตัว Xperia 1 III สมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์รุ่นใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการ ยังคงไว้ซึ่งจุดเด่นจอภาพ OLED ความละเอียด 4K หนึ่งเดียวในตลาด แต่ไปตีบวกอัตรารีเฟรชมาเป็น 120Hz ขับเคลื่อนด้วยชิป Snapdragon 888 สุดแรง กล้องหลังให้มา 3 ตัว ความละเอียด 12.2MP เท่ากันทั้งหมด เลนส์เทเลโฟโต้สลับระยะได้ระหว่าง 70 มม. และ 105 มม. งานนี้มี Xperia 5 III โผล่มาเซอร์ไพรส์ด้วย
Xperia 1 III มากับหน้าจอ OLED ขนาด 6.5 นิ้ว สัดส่วนยาวแบบเดียวกับโรงภาพยนตร์ ความลึก 10-bit แสดงผลได้ 1.07 พันล้านสี ครอบคลุมสเปกตรัม BT.2020 คมชัดทุกอนูระดับ 4K อีกทั้งยังรองรับการแสดงผล HDR การันตีความจัดจ้านและสวยงามของสีสัน อัตรารีเฟรชสูงปรี๊ด 120Hz ถ้ายังไม่สะใจสามารถเปิดโหมดโมชั่นเบลอ ใช้ซอฟต์แวร์จำลองเป็น 240Hz ได้อีกต่างหาก
ปุ่มชัตเตอร์ 2 จังหวะและเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือต่างก็ยังอยู่ที่บริเวณด้านขวาของตัวเครื่อง ซึ่งเป็นแหน่งที่คุ้นเคยกันดี กล้องหลังคราวนี้ให้มาด้วยกัน 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก กล้องอัลตร้าไวด์ และกล้องเทเลโฟโต้ ความละเอียด 12.2MP เท่ากันทั้งหมด เสริมด้วยเซนเซอร์ RGBC-IR สำหรับตรวจจับแสงสีเพื่อประมวลผลไวต์บาลานซ์ เซนเซอร์ 3D iTOF สำหรับประมวลผลแผนที่ความลึก และสุดท้าย เซนเซอรร์ IR สำหรับช่วยคำนวณหาระยะโฟกัส
จุดน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่า กล้องเทเลโฟโต้นั้นรองรับการซูมแบบออปติคัลที่ 70 และ 105 มม. สามารถเปลี่ยนระยะได้อย่างอิสระ ถือเป็นครั้งแรกที่ Sony ใส่เลนส์ซูมแบบปริทัศน์มาในสมาร์ทโฟนของตัวเอง นอกจากนี้ยังมีระบบโฟกัสติดตามวัตถุและติดตามดวงตาสุดโดดเด่น แถมยังคำนวณ AF / AE ได้แบบเรียลไทม์ขณะถ่ายภาพรัว ๆ แบบเบิสต์ช็อต มากถึง 20 เฟรมต่อวินาที ด้วยเซนเซอร์ประมวลผลภาพ BIONZ X ที่ใส่มาคราวนี้ยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการถ่ายในที่แสงน้อยให้ดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย โหดอย่างกับกล้องระดับโปรฯ เลยทีเดียว
แน่นอนว่า ชิปประมวลผลต้องเป็น Snapdragon 888 จาก Qualcomm ผสานการทำงานร่วมกับ RAM 12GB และ ROM 256GB ส่วนแบตเตอรี่นั้นมีความจุ 4500mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว
ระบบเสียงเป็นอีกจุดหนึ่งที่ Sony จัดเต็มเช่นกัน ยัดมาให้ทั้ง 360 Reality Audio ฟอร์แมตเสียงสามมิติสุดล้ำ (อุปกรณ์และไฟล์เพลงต้องสนับสนุนด้วย) ซึ่งตอนนี้สามารถเปิดใช้งานโดยตรงจากลำโพงตัวเครื่องได้แล้ว และ DSEE Ultimate ที่อาศัยปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพไฟล์เสียงทั่วไปให้เทียบเท่า Hi-Res เพิ่มอรรถรสในการฟังเพลงไปอีกระดับ
สเปค Sony Xperia 1 III
- จอภาพ : CinemaWide OLED ขนาด 6.5 นิ้ว, ความละเอียด 4K, อัตรารีเฟรช 120Hz, อัตราตอบสนองการสัมผัส 240Hz
- ชิป : Qualcomm Snapdragon 888
- หน่วยความจำ : RAM 12GB + 256GB, รองรับ microSD card สูงสุด 1TB
- กล้องหลัง :
– กล้องหลัก 12.2MP, เทียบเท่า 24 มม.
– กล้องอัลตร้าไวด์ 12.2MP, เทียบเท่า 16 มม.
– กล้องเทเลโฟโต้ 12.2MP, เทียบเท่า 70 / 105 มม.
– RGBC-IR, 3D iToF, IR - กล้องหน้า : 8MP
- เสียง : ลำโพงสเตอรีโอ
- เครือข่าย : GSM / HSPA / LTE / 5G
- การเชื่อมต่อ :
– Wi-Fi 802.11 b/g/n/ac/ax
– Bluetooth 5.2
– GPS
– USB Type-C 3.1 - เซนเซอร์ : Fingerprint
- แบตเตอรี่ : 4500mAh
- ความทนทาน :
– กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass Victus
– มาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP65/68 - ระบบปฏิบัติการ : Android 11
- ขนาด : 165 × 71 × 8.2 มม.
- น้ำหนัก : 188 กรัม
- สี : ◉ ดำ, ◉ ม่วง ◉ เทา
สำหรับ Xperia 5 III นั้นหลัก ๆ แล้วแทบไม่มีอะไรต่างจาก Xperia 1 III เลย ยกเว้นในเรื่องของขนาดที่จิ๋วกว่า หน้าจอ 6.1 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ และมีการปรับดีไซน์บริเวณเฟรมเครื่องให้มีลักษณะโค้งมนแบบเดียวกับ Xperia 5 II รุ่นก่อนหน้า ส่วนฟีเจอร์ส่วนอื่น ๆ ที่เหลือ เรียกได้ว่า ยกมาแบบครบชุด ไม่มีตกหล่น
สเปค Sony Xperia 5 III
- จอภาพ : CinemaWide OLED ขนาด 6.1 นิ้ว, ความละเอียด Full HD+, อัตรารีเฟรช 120Hz, อัตราตอบสนองการสัมผัส 240Hz
- ชิป : Qualcomm Snapdragon 888
- หน่วยความจำ : RAM 8GB + 128GB, รองรับ microSD card สูงสุด 1TB
- กล้องหลัง :
– กล้องหลัก 12.2MP, เทียบเท่า 24 มม.
– กล้องอัลตร้าไวด์ 12.2MP, เทียบเท่า 16 มม.
– กล้องเทเลโฟโต้ 12.2MP, เทียบเท่า 70 / 105 มม.
– RGBC-IR, IR - กล้องหน้า : 8MP
- เสียง : ลำโพงสเตอรีโอ
- เครือข่าย : GSM / HSPA / LTE / 5G
- การเชื่อมต่อ :
– Wi-Fi 802.11 b/g/n/ac/ax
– Bluetooth 5.2
– GPS
– USB Type-C 3.1 - เซนเซอร์ : Fingerprint
- แบตเตอรี่ : 4500mAh
- ความทนทาน :
– กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 6
– มาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP65/68 - ระบบปฏิบัติการ : Android 11
- ขนาด : –
- น้ำหนัก : –
- สี : ◉ เขียว, ◉ บรอนซ์, ◉ ดำ
ราคาและการวางจำหน่าย
น่าเสียดายที่ Sony ยังไม่ประกาศราคาของทั้ง Xperia 1 III และ Xperia 5 III ออกมาแต่อย่างใด ตอนนี้เปิดเผยเพียงแค่จะเริ่มวางจำหน่ายภายในช่วงซัมเมอร์นี้เฉพาะบางประเทศ ซึ่งบริษัทฯ ไม่ได้อธิบายถึงเหตุผลเอาไว้ แต่อาจเป็นไปได้ว่า มาจากปัญหาชิปขาดตลอดอย่างที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่น ๆ กำลังประสบอยู่เช่นกันก็เป็นได้
เท่ากับมีเลนส์ 4 ระยะเลย
น่าสนใจว่าทำไมค่ายอื่นไม่เอาเลนส์เทเลย์แบบนี้มาใช้บ้าง
สมัยก่อนคอมแพคแบน ๆ ก็ซูมกันได้เหมือนกัน เทคโนโลยีไม่น่าจะยากเกินทำได้
แล้วถ้าใช้เซนเซอร์ดี ๆ หน่อยได้ภาพเทเลดี ๆ ถ่ายรูปสนุกเลย
มันไม่น่าคุ้มในการทำครับ ของ SONY ทางยาวโฟกัสมันห่างกันแค่ 35mm เองครับ ซึ่งก็คือจาก 3x ไป 4.4x
ไม่รู้หลักการทำงานว่ามันทำงานยังไง ถ้าให้เดาน่าจะมีการขยับชิ้นเลนส์ภายในโมดูล(S20 Ultra ชุดเลนส์ขยับเข้าออกได้ในโมดูล) ก็ต้องมาดูคุณภาพว่า 3x กับ 4.4x จะดีแค่ไหน
ทำไม Sony ทำให้จอไม่เจาะไม่ต้องเว้าแหว่งได้ เก่งกว่าทุกยี่ห้อเลยนะนี่
แต่ก็แลกมากลับขอบบนหน้า กล้องหน้าเล็ก
รอบนี้เลือกระยะเลนส์ได้ practical มากขึ้น แถมเลือกใช้ 12MP ทุกตัวอีกต่างหาก ซึ่งดีแล้วล่ะเพราะจัดการง่ายกว่าเยอะ ดีกว่าพวก 100MP อะไรพวกนั้นซึ่งสุดท้ายแล้วคุณภาพ pixel ก็ต่ำกว่าอยู่ดี รอบนี้คงแก้เรื่อง HDR ได้อยู่หมัดแล้วละนะ
.
.
ชอบไลน์อัพที่เข้าใจง่ายแบบนี้มากๆ 1 คือท็อป 5 คือท็อปมินิ และ 10 ก็ midrange ไปเลย คนซื้อไม่สับสน คนทำ software ไม่ปวดหัว อย่าให้ปลายปีเปิดตัวอะไรอีกเลย ปีละครั้งก็พอแต่ขอจัดเต็ม เอาเวลาไปแก้บั๊กดีกว่า ก็เป็นกำลังใจให้จ้า สวยนะ อยากได้ ชอบโซนี่มาตลอด แต่เบื่อแอนดรอยด์แล้วจริงๆ
ดู Netflix 4k ได้ไหมครับ
ไม่ได้นะครับ เพราะแอป Netflix ในมือถือมันยังไม่ซัพพอร์ต 4K อะ 😫
ถ้าเข้าไทยแล้วราคาไม่แรงมาก อาจจะได้เวลากลับมาหา sony
มีนถึงเวลากลับบ้านเราแล้ว555555
ส่วนตัว รู้สึกว่า มือถือ มันเริ่มจะหมดยุคสเปคแล้ว ผมเชื่อว่าคนสนใจเรื่องราคากับการใช้งานเป็นสำคัญ ตลาดบนน่าจะเริ่มอิ่มตัว ภาพลักษณ์ น่าจะเป็นจุดขายสำคัญ เพราะส่วนตัวใช้งานแค่ note 10 ก็รู้สึกว่า มันเพียงพอสำหรับการใช้งานแล้ว ไม่ว่าจะงานเอกสาร งานออนไลน์ ส่วนกล้องจะชัดแค่ไหน ก็เท่านั้น เพราะเก็บไว้สำหรับงานและส่วนตัวไม่ได้ต้องการอะไรที่เลอเลิศเพราะถ่ายสำหรับความทรงจำ พื้ันที่เก็บต่างหาก ที่สำคัญ โดยเฉพาะ cloud ที่จะใช้เก็บ ส่วน 5g กับ 4g ตอนนี้ยังไม่เห็นสาระสำคัญในเรื่องงานที่ทำอยู่ เพราะหลักๆ ใช้งานเอกสารกับตอบโต้เมลเป็นหลัก ส่วนบันเทิง ก็ netflix กับ youtube สองเจ้านี้ระยะยาวน่าจะได้เงินไปบาน
แต่เรารู้สึกเสียใจมาก ที่ลองมาใช้ โน๊ต 10 โดนส่วนตัว คิดมาตลอด ไม่น่าลองกลับมาเล่นซัมซุงเลย คิดว่าราคานี้อะไรๆของซัมซุงน่าจะดีขึ้น พอใช้แล้ว อืมมม ก็ไม่ต่างกับรุ่นอื่นไรมากมายแค่มีปากกา โซนี่ไวกว่าเยอะ ตอนนี้จะกลับมาใช้โซนี่เหมือนเดิมล่ะ ว่าด้วยเรื่องกล้องก็ขึ้นอยู่กับคนใช้งานเนอะ ชอบถ่ายรูป ฟังเพลงใช้ไร ก็เล่นโซนี่ค่ะ ถ้าคนไม่ค่อยชอบถ่ายรูปก็คงคิดว่าไม่จำเป็น คือใช้โทรศัพท์รุ่นอะไรก็ได้งี้ ส่วน 5G ไม่คาดหวัง เพราะระบบสัญญานในไทยก็ยังไม่อัพเกรดอยู่ดี
กล้องหน้า?????
มีอะไรพัฒนาไหม ทุกอย่างลงตัวหมดแต่ถ้ากล้องหน้าเหมือนเดิมก็คงไม่มอง
8 ล้านตัวเดิมเลยครับ
ม่ายมีเลยครับ ~ ตัวเดิมเป๊ะ ลากใช้มายาว ๆ เลย 555 โดนบ่นยับ ๆ
รอบนี้ ถือว่าทำการบ้านมาดีสำหรับ sony เลย
เหลือติเเค่กล้องหน้าที่เมื่อไหร่พี่จะอัพเกรดซักที
ส่วนราคา กับของเเถม รอลุ้นในไทย