ปีที่แล้ว Sony ฉีกธรรมเนียมเดิม ๆ โดยการเผยโฉม Xperia 5 III ในเดือนเมษายน ซึ่งถือว่าเร็วกว่าปกติมาก แต่ปีนี้ Xperia 5 IV กลับมาเปิดตัวในเดือนกันยายนอย่างที่ควรจะเป็นอีกครั้ง ดีไซน์ภายนอกไม่ได้ปรับเปลี่ยนมากนัก ยกเว้นในส่วนของเฟรมเครื่องที่ปรับมาใช้แบบขอบเหลี่ยมตามสมัยนิยม แต่ภายในมีการอัปเกรดที่น่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะการเพิ่มแบตเตอรี่จาก 4500 เป็น 5000mAh และชิป Snapdragon 8 Gen 1 สุดแรง

ในขณะที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ต่างยอมแพ้ในตลาดมือถือจอเล็กกันไปแล้ว แต่ Sony ยังคงยึดมั่นกับแนวทางนี้อย่างแน่วแน่ รอบนี้ Xperia 5 IV ก็ยังมาในคอนเซปต์เรือธงในร่างคอมแพ็กเหมือนเดิม

ดูหนังเพลิน ด้วยหน้าจอ OLED แบบ 21:9 พร้อมลำโพงสเตอรีโอ

Xperia 5 IV มากับหน้าจอ OLED ขนาด 6.1 นิ้ว บนสัดส่วน 21:9 แบบเดียวกับโรงภาพยนตร์ พร้อมอัตรารีเฟรช 120Hz ตัวหน้าจอมีการปรับเทียบสีมาเป็นพิเศษเพื่อให้มีความเที่ยงตรงมากที่สุด ทั้งยังรองรับการแสดงผลในช่วงสี DCI-P3 และ BT.2020 รวมถึง HDR สิ่งสำคัญคือการปรับปรุงให้มีความสว่างมากกว่ารุ่นก่อนหน้ามากถึง 50%

ลำโพงสเตอรีโอทั้งสองตัวเป็นอีกส่วนที่ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน จากการออกแบบโครงสร้างลำโพงใหม่ทำให้สามารถขับเสียงได้สมดุลทั้งซ้ายขวา มีมิติสมจริงกว่าเดิม และรองฟีเจอร์ 360 Reality Audio สามารถเปิดใช้งานได้จากลำโพงโดยตรงแล้ว ไม่ถูกจำกัดเฉพาะการฟังผ่านหูฟังอีกต่อไป ส่วน DESEE Ultimate กับ Dolby Atmos แน่นอนว่ายังรองรับเหมือนเดิม

กล้องหลังเลนส์ครบช่วง กล้องหน้าอัปเกรดเซนเซอร์ใหม่

ในแง่กล้องและการถ่ายภาพ เริ่มจากฝั่งฮาร์ดแวร์ Xperia 5 IV มีกล้องหลังสามตัว พร้อมเคลือบโคตติง ZEISS T* ลดการเกิดแฟลร์และแสงสะท้อนหน้าเลนส์ และเซนเซอร์ RGBC-IR สำหรับวัดอุณหภูมิแสง เลนส์แต่ละตัวมีระยะ 16, 24 และ 60 มม.ตามลำดับ ให้สลับใช้งานได้ทุกช่วงระยะ ครอบคลุมอัลตราไวด์ ไวด์ และเทเลโฟโต โดยจะรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 120 เฟรมต่อวินาทีได้จากทุกเลนส์

กล้องหน้ามีการเปลี่ยนเซนเซอร์ใหม่ในรอบหลายปี จากที่ใช้ 8MP มานาน ตอนนี้ขยับมา 12MP แล้ว โดยเป็นการเพิ่มขึ้นทั้งความละเอียดและขนาดเซนเซอร์โดยรวม และฟีเจอร์ใหม่คือ ถ่ายวิดีโอได้ที่ 4K ในโหมด HDR

ฟีเจอร์การถ่ายภาพยัดมาแน่นเอี้ยด

ฝั่งฟังก์ชันการใช้งาน Xperia 5 IV มีโหมดโฟกัส Continuous AF โฟกัสติดตามวัตถุและ Eye AF โฟกัสติดตามดวงตา ทั้งสองอย่างนี้สามารถใช้งานร่วมกันได้เพื่อเพิ่มความแม่นยำให้สูงกว่าปกติ และรองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ทุกตัวเช่นกัน

Sony ยังได้ออกแบบอัลกอริทึมการทำงานของเซนเซอร์กล้องให้มีอัตราการส่งข้อมูลที่รวดเร็วประกอบกับหน่วยประมวลผลที่ทรงพลัง นำไปสู่การคำนวน AF และ AE ได้มากถึง 60 ครั้งต่อวินาทีให้โหมดปกติ และ 20 ครั้งต่อวินาทีขณะอยู่ในโหมด HDR

ไมโครโฟนคุณภาพสูง และแอปอัดเสียงเฉพาะทาง ถูกใจคนทำเพลง

สิ่งที่ดูแปลกใหม่สำหรับ Xperia 5 IV คือ คุณสมบัติด้านการบันทึกเสียงที่ Sony ไม่เคยโปรโมตมาในรุ่นก่อน ๆ โดยรอบนี้มีการใส่ไมโครโฟนคุณภาพสูงมาให้ รวมถึงไปดึงทีม Sony Music มาช่วยพัฒนาแอปใหม่ที่ชื่อว่า Music Pro ซึ่งออกแบบมาสำหรับคนทำเพลงโดยเฉพาะ ทำได้ทั้งบันทึกเสียงและตัดต่อเสียงได้ทันทีจากในมือถือ มีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนและเสียงสะท้อนในตัว

ฟีเจอร์ใหม่ เอาใจเกมเมอร์

Game Enhancer สามารถเล่นเกมพร้อมสตรีมขึ้น YouTube ได้โดยตรงโดยไม่ตรงลงแอปเสริม พร้อมฟีเจอร์ใหม่บางส่วน อย่างแรกคือ L-y Raiser สำหรับปรับการแสดงผลค่าแกมมาขณะเล่นเกม ช่วยให้มองเห็นศัตรูได้ชัดแม้อยู่ในฉากมืด ถัดมาคือ ตัวเลือกการปรับอีควอไลเซอร์เสียงเพื่อเน้นเสียงในบางย่านให้เด่นชัด และสุดท้ายคือ ปุ่ม R.T. Record ที่เมื่อกดไปแล้วจะเป็นการบันทึกวิดีโอย้อนหลัง 30 วินาที เป็นฟีเจอร์แบบเดียวกับที่มีอยู่ใน PS4 และ PS5 ณ ปัจจุบัน

สเปค Xperia 5 IV

  • จอภาพ : OLED ขนาด 6.1 นิ้ว
    – ความละเอียด FHD+
    – สัดส่วน 21:9
    – อัตรารีเฟรช 120Hz
    – ขอบเขตสี 100% ของ DCI-P3
    – รองรับ HDR
  • ชิป : Snapdragon 8 Gen 1
  • หน่วยความจำ : RAM 8GB
  • สตอเรจ : UFS 128GB, รองรับ microSD card สูงสุด 1TB
  • กล้องหลัง :
    – กล้องหลัก 12MP, ระยะเลนส์ 24 มม.
    – กล้องอัลตราไวด์ 12MP, ระยะเลนส์ 16 มม.
    – กล้องเทเลโฟโต 12MP, ระยะเลนส์ 60 มม.
    – โคตติง ZEISS T*
  • กล้องหน้า : 12MP
  • ลำโพง : สเตอรีโอ
    – รองรับ 360 Reality Audio
    – รองรับ DSEE Ultimate
    – รองรับ Dolby Atmos
  • เครือข่าย : 5G
  • การเชื่อมต่อ :
    – Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/ax
    – Bluetooth 5.2
    – NFC
  • เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือ
  • แบตเตอรี่ : 5000mAh
  • ความทนทาน : ทนน้ำและฝุ่น IP65 / IP68
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 12

ราคาและการวางจำหน่าย

Sony ประกาศราคา Xperia 5 IV ออกมาที่ 1,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 36,600 บาท ไม่รวมภาษี ตัวเครื่องมีสามสี ได้แก่ สีดำ สีเขียว และสีเงิน กำหนดการพรีออร์เดอร์ยังไม่ประกาศ