น่าจะเป็นข่าวดีของหลายๆ คนที่มักจะขี้หลงขี้ลืม ชอบวางกุญแจรถยนต์ทิ้งไว้ที่ไหนบ้างก็ไม่รู้ เพราะตอนนี้ค่ายรถยนต์ชื่อดังได้ร่วมกับค่ายมือถือเพื่อร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยี Digital Key ใช้มือถือแทนกุญแจ ที่จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในการล็อครถ และสตาร์ทรถในอนาคต
Car Connectivity Consortium (CCC) ผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาระบบ MirrorLink สำหรับเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับเครื่องเสียงรถยนต์ ออกมาเผยข้อมูลถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาระบบ Digital Key ร่วมกับบริษัทมือถือผู้ผลิตชิประดับยักษ์ใหญ่ของโลก ทั้ง Samsung, LG, Apple, Qualcomm, NXP และค่ายรถอย่าง Audi, Volkswagen, BMW, GM, Hyundai, Toyota, Honda, Benz ฯลฯ
Digital Key สามารถล็อครถ ปลดล็อครถ และสตาร์ทรถได้ด้วยการใช้ระบบ NFC ร่วมกับแอปในมือถือ หรือ Smart Watch ซึ่ง CCC รับประกันว่าระบบดังกล่าวมีความปลอดภัยสูงมาก ซึ่งคนที่ไม่ใช่เจ้าของรถไม่มีทางปลดล็อคได้แน่นอน
นอกจากนี้ Digital Key ยังเพิ่มความสะดวกสบายด้วยการส่งกุญแจให้กับผู้อื่นได้แบบออนไลน์อีกด้วย สมมุติว่าพ่อที่เป็นเจ้าของรถไม่อยู่บ้าน แต่ลูกจะยืมรถไปใช้ พ่อก็สามารถกดส่งกุญแจเข้ามือถือของลูกได้เลย ซึ่งในอนาคตอาจจะมีบริการเช่ารถที่ไม่จำเป็นต้องเข้าไปเอากุญแจจากร้าน แค่จ่ายเงินค่าเช่า, ดาวน์โหลด Digital Key แล้วก็เอารถไปใช้ได้เลย
คาดว่าระบบ Digital Key จะเริ่มมีให้ใช้ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ผลิตในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 นี้แหละ ใครที่กำลังคิดอยากจะเปลี่ยนรถก็ลองรอดูไปก่อนนะ ไม่แน่ว่าปีหน้าในบ้านเราอาจจะได้เห็นรถที่ใช้ระบบนี้เข้ามาบ้างแล้วก็ได้
ที่มา : GSMarena, Phonearena
มือถือหายก็เข้ารถไม่ได้
มือถือถูกขโมย รถจะโดนเอาไปด้วยหรือเปล่า
แล้วจะก๊อปกุญแจเก็บไว้ เอาไปไข(ขโมย)วันหลังได้เปล่า
มันก็ไม่ต่างอะไรจากกุญแจหายนิ่ครับ
ต่างนะครับ กุญแจหาย คนร้ายกดรีโมทให้รถร้องแล้วไขขับไปได้เลย แต่มือถือหายยังมีสแกนนิ้วป้องกันให้อยู่
เวลาเห็นข่าวเกี่ยวกับนวัตกรรมใหม่ๆ มักจะมีคนติหรือมองแต่ข้อเสียนู่นนั่นนี่ตลอดเลยอ่ะ งงมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมประเทศเราถึงไม่ค่อยมีคนกล้าคิดกล้าทำอะไรนอกกรอบ เพราะจะโดนคนในสังคมติเตียนจับผิดตลอดเวลา แล้วมันจะไปพัฒนาได้ยังไง ? เห็นแล้วก็เหนื่อยใจกับแบบนี้ในสังคมจริงๆ
เห็นด้วยครับ อะไรจะดีจริงไม่ดีจริงไม่รู้ ขอให้กูได้ติเป็นพอ พวกนี้จะชอบอยู่ใน comfort zone ของตัวเอง ไม่ค่อยกล้าทำอะไรใหม่ๆครับ
ส่วนเรื่องข่าว ถือว่าล้ำไปอีกขั้นกับนวัตกรรมในปี 2018 ครับ smart vehicle มันก็ต้องมากันแล้ว
ถ้าเหนื่อยมาก ก็เลิกติ คนที่ชอบติสิครับ
หลาย ๆ คนแค่กังวลกับความปลอดภัย
การพัฒนาหลาย ๆ อย่างก็เกิดขึ้นจากการโดนติ จากการถูกมองเห็นข้อเสีย นักพัฒนาเขาไม่มาเสียเวลาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องพวกนี้หรอก
ผมว่าก่อนจะพัฒนามันขึ้นมา เค้าคิดวิธีแก้ปัญหาหยุมหยิบที่บางคนคิดๆกัน แบบ ข้ามไปไกลแล้วครับ
เจ้าของเม้นนี้หล่อ
แน่นอนว่าตะวันตกเป็นชาติที่มีความก้าวหน้าทางนวัตกรรม
แต่ตะวันตกก็มีเสรีภาพในการวิจารณ์(แบบสร้างสรรค์)มากเช่นกัน
สิ่งเหล่านี้เป็นของคู่กันในการพัฒนานวัตกรรมครับ
เห็นด้วยครับ อย่างรถไฟฟ้าที่กำลังฮิตกันต่างประเทศ เห็นคนไทยติเยอะเลยถ้าเข้าไทย
แต่ก็ไม่แปลกหรอกครับ บ้านเราพื้นฐานความปลอดภัยต่อทรัพสินย์อาจจะไม่ดีนัก ก็เป็นธรรมดา ที่ first thought จะเป็นเรื่องพวกนี้ ผมเข้าใจ
ลองคิดดีๆนะ ถ้ามือถือกับกุญแจแยกกันคนละส่วน
1. มือถือหายหรือโดนขโมย กุญแจรถยังอยู่ ยังเข้ารถได้ รถไม่หาย…จริงมะ
2. กุญแจเราถ้าไม่ได้อยู่ในมือคนอื่น โอกาศจะก๊อปกุญแจไม่มี แต่ถ้าอยู่ในมือถือ เกิดใครมาเอามือถือเราไปดู ก็จะสามารถก๊อปกุญแจได้ง่ายกว่ามาก
การที่มาคอมเม้นท์ไม่ได้กลัวอะไรเลย เพราะปกติก็ชอบและสนใจพวกนวัตกรรมใหม่ๆอยู่แล้ว ไม่ได้ "ชอบอยู่ใน comfort zone ของตัวเอง" เพราะเราไม่มี comfort zone แต่ที่มาคอมเม้นท์ก็แค่อยากให้ลองคิดถึงจุดอ่อน หรือข้อเสียของสิ่งใหม่ๆ เพื่อให้สิ่งใหม่ๆ ไม่มีปัญหาอะไรเมื่อใช้งานจริง เพราะจากบทความนี้ก็ไม่มีรายละเอียดมากนัก เหมือนกับเป็นแค่ข้อมูลเบื้องต้น จึงไม่แปลกที่จะทำให้เกิดความสงสัย
นักพัฒนาจริงๆเค้าไม่กลัวหรอกที่จะมีคนติ หรือซักถามเกี่ยวกับสิ่งที่เค้าทำ เค้าพร้อมจะตอบทุกปัญหาที่ถาม แล้วมันก็ไม่ทำให้เค้าหมดกำลังใจหรอก แต่เค้ากลับจะดีใจที่มีคนสนใจสิ่งที่เค้าทำ ไม่งั้นคงไม่มีอะไรใหม่เกิดขึ้นอย่างทุกวันนี้ มันก็เหมือนกับแอพที่เขียนขึ้นมา แรกๆก็อาจมีจุดอ่อนหรือข้อด้อย ก็ได้คนมาตินี่แหละที่ทำให้มันสมบูรณ์ขึ้น แอพต่างๆถึงได้มีอัพเดตกันอยู่เรื่อยๆเพื่อให้มันดีขึ้น สมบุรณ์ขึ้นไง, อย่าง Android ก็มีเวอร์ชั่นใหม่ๆออกมาอยู่เรื่อยๆ
หรืออย่าง มือถือหรือ CPU เช่น SD810 ที่มีปัญหาเรื่องความร้อน ก็ได้คนตินี่แหละที่ทำให้เค้าพัฒนารุ่นใหม่ออกมาแก้ปัญหา
หวังว่าอ่านแล้วจะเข้าใจนะ
+1 จ้าาาา
ไม่ครับ ยกตัวอย่าง ใครเอามือถือผมไปก็โอนเงินใน K plus ผมไม่ได้เพราะติดสแกนนิ้วครับ แต่ถ้าใครได้บัตรเครดิตผมไปนี่รูดได้เลยก่อนโดนอายัด ตัวกุญแจกรถก็น่าจะเคสเดียวกันครับ
ที่คุณ tkb_phymed โพสต์มา ไม่เรียกว่าติหรอกครับ
เรียกว่าสงสัยก็ถามมากกว่า เพราะรายละเอียดมันไม่มากน่ะครับ มันเลยน่าสงสัย
บอกมาแค่มันปลอดภัยมาก แต่ไม่ได้บอกเลยว่าปลอดภัยยังไง ใช้ระบบไหนสร้างความปลอดภัย
ไอ้ความสะดวกที่ได้จากการใส่ลงมือถือน่ะ เข้าใจได้ และเป็นข้อดีของมัน
แต่ไอ้ความปลอดภัยที่ไม่ได้ให้รายละเอียดมาเนี่ยแหละ โคตรน่าสงสัย
เพราะถ้าให้ข้อมูลมาแค่นี้ เบื้องต้นผมก็ยังไม่กล้าใช้เหมือนกัน
ต้องรอเค้าประกาศรายละเอียดความปลอดภัยมาค่อยพิจารณาอีกที
ดีใจที่มีคนเข้าใจนะ ขอบคุณที่เข้าใจ
ดีครับ ชอบมาก เพราะการรักษาของอย่างเดียวง่ายกว่ารักษาของหลาย ๆ อย่าง กุญแจ กระเป๋าสตางค์ บัตรต่าง ๆ รักษามือถือเครื่องเดียวจบ
บัตรatm บัตรเครดิต เคยหายกันมั้ยครับ ? ผมเคยลืมหรือหายหลายครั้ง ไม่เห็นต้องกังวลมาก แค่อายัดเร็วหน่อยก็จบแหละ แค่เสียดายค่าทำบัตรใหม่ ทุกวันนี้บัญชีและบัตรต่างๆ ก็อยู่บนโทรศัพท์อยู่แล้วก็ไม่เห็นเคยกังวลอะไรมากมาย (โชคดีโทรศัพท์ไม่เคยหาย) ความปลอดภัยของดิจิตัลคีย์น่าจะดีขึ้นไปอีก คิดว่านะ 🙂
ไอ้ ที่ๆ ติ หรือ กังวล กัน อะ ติเยอะๆ นะ สงสัยอะไรพิมเลย เพื่อเจ้าของเทคโนโลยี เขาจะได้ มาอ่าน เขาจะได้ทำระบบ ให้ปลอดภัยที่สังสัยหรือ ติ กัน ท่ามือถือ หาย ยัง มีGMAIL นิน่า เช่นเปลี่ยนพาสเวิด อะไรเเบบนั้น
ถ้าโทรศัพท์หายโจรไม่สามารถก๊อปได้อยู่ดีครับ เหมือนแอพธนาคารที่มีพาสโค้ดอีกชั้นนึง
ที่น่าห่วงคือการแฮคระหว่างการส่งกุญแจให้กันมากกว่า