นาทีทองแบบนี้ไม่ได้มีง่าย ๆ เพราะนอกจากราคาการ์ดจอจะเริ่มทยอยปรับลดจนเป็นปกติแล้ว SSD เองก็เป็นอีกหนึ่งฮาร์ดแวร์ที่ช่วงนี้เจอวิกฤตล้นตลาดหนักเหมือนกัน ทำให้ราคาทยอยดิ่งลงตามกันมาอย่างต่อเนื่อง แถมยังมาเกิดในช่วงที่ซีพียูและการ์ดจอใหม่หลายค่ายเปิดตัวเพิ่มอีก ซึ่งก็เป็นผลดีหลายเด้งให้กับชาวพีซีที่อยากเริ่มประกอบคอมใหม่กันช่วงนี้

TrendForce ซึ่งเป็นหน่วยงานวิเคราะห์ตลาดสินค้าเทคโนโลยี ออกมาให้ข้อมูลว่าช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ตลาด SSD ดูซบเซาลงเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับฮาร์ดแวร์อื่น คือไม่มีช่วงพีคของความต้องการซื้อหรือการทุ่มกำลังผลิตจากหลายบริษัทเลย นี่เป็นตัวสะท้อนว่าตอนนี้ SSD ยังหลงเหลือสต๊อกอยู่จำนวนมาก และอาจเกิดเทรนด์ให้หลายบริษัทปรับราคาเพื่อระบายสินค้ากันยกใหญ่ในช่วงไตรมาส 4 ถัดไป

หากมาดูแนวโน้มราคา SSD ที่ผ่านมาจะพบว่าในช่วงไตรมาส 3 สินค้ากลุ่ม SSD ทั้งรุ่นคอนซูเมอร์และองค์กร รวมถึงตัวเวเฟอร์ดิบที่ยังไม่ถูกนำไปผลิต ทุกรายการราคาร่วงลงจากไตรมาสก่อนหน้าทั้งหมด โดยพบประเภท eMMC ลดลงหนักสุด 13-18% ตามด้วย SSD คอนซูเมอร์ทั่วไป 10-15% ขณะที่ฝั่งองค์กรก็ลด 10-15% เท่ากัน แต่เวเฟอร์ซึ่งเป็นสินค้าฝั่งต้นทุนลดลงมากที่สุดเฉลี่ย 30-35% ซึ่งน่าจะเป็นการลดลงมากที่สุดแล้วในรอบ 2 ปี

ตัวเลข 30-35% ดังกล่าวถูกคาดการณ์ต่อว่าจะส่งผลมายังไตรมาสที่ 4 ให้สินค้าทุกรายการยังราคาลงได้อีก โดยทั้ง SSD คอนซูเมอร์และองค์กรจะลดเพิ่มอย่างละ 15-20% (สูงกว่าเดิม 5%) ตามด้วย eMMC ลดไปอีก 13-18% เท่าเดิม ขณะที่ฝั่งเวเฟอร์ถูกมองว่าก็ยังจะลดเพิ่มต่อไปอีก 20-25% ด้วย ซึ่งแม้จะเป็นแนวโน้มที่ปรับตัวขึ้นจากตอนนี้แล้วเล็กน้อย แต่ก็แปลว่ายังมีสิทธิ์ไปกระทบให้ราคา SSD ในไตรมาสแรกปีหน้าถูกลงต่อได้อีก

ทาง TrendForce วิเคราะห์ต่อว่าสาเหตุสำคัญของความซบเซานี้เกิดขึ้นจากสถานการณ์โควิด 19 ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ที่เป็นตัวเร่งให้หลายบริษัททุ่มสรรพกำลังไปที่การขยายการผลิตชิป NAND Flash ให้เพียงพอต่อความต้องการพีซีและมือถือ ซึ่งช่วงนั้นกระแส Work From Home และการเรียนออนไลน์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก รวมถึงตลาดด้าน Cloud ก็เติบโตขึ้นพร้อมกัน ด้วยความที่ไม่รู้ว่าโควิดจะจบลงเมื่อไหร่ จึงไม่น่าแปลกใจที่ช่วงปลายแผ่วแบบนี้จะทำให้เกิดสภาพสินค้าล้นตลาดขึ้นนั่นเอง

 

 

ที่มา : TrendForce