แพลตฟอร์ม Gemini AI ของ Google ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทมีการเพิ่มฟีเจอร์ แอปฯ และบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องครับ และ Google Docs เป็นหนึ่งในบริการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในชุด Workspace ด้วยจุดเด่นด้านประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมและยังเปิดให้ใช้งานฟรี ทำให้สามารถใช้ทดแทน Microsoft Word ได้ และล่าสุด Google Docs สามารถผสานการทำงานร่วมกับ Imagen 3 สำหรับการสร้างรูปภาพด้วย AI ได้แล้ว
Sundar Pichai แม่ทัพคนสำคัญแห่งกูเกิล ประกาศปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ภายในองค์กรให้สอดรับกับยุคสมัยแห่ง AI ที่กำลังก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งในนั้นคือการรวมทีม Gemini ที่ (เคย) เป็นส่วนหนึ่งของแผนก Knowledge & Information เข้าไปอยู่ภายใต้สังกัด Google DeepMind ที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แทน
พนักงานราว 200 ชีวิตจากแผนก Google DeepMind ที่รับผิดชอบด้านการวิจัยและพัฒนา AI ภายใต้สังกัดกูเกิล ร่วมลงชื่อในจดหมายเปิดผนึก เรียกร้องให้บริษัทยุติความร่วมมือกับหน่วยงานทางการทหาร ท่ามกลางความกังวลว่า เทคโนโลยี AI อาจนำถูกไปใช้ในการก่อสงคราม ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้ว เช่นกรณี Lavender และ הבשורה หรือ The Gospel ที่ถูกใช้โดยกองทัพ IDF ของอิสราเอล
Imagen 3 โมเดลสร้างรูปภาพจากข้อความ (text-to-image) ที่ดีที่สุดและล้ำหน้าที่สุดของกูเกิล เปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถเข้าถึงได้แล้วผ่าน AI Test Kitchen บน ImageFX โดยเริ่มจากสหรัฐฯ เป็นที่แรก จากที่ก่อนหน้านี้จำกัดสิทธิ์การใช้งานเฉพาะลูกค้า Vertex AI มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน
นักวิจัยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (Oxford) และ Google DeepMind ได้ร่วมกันตีพิมพ์บทความวิชาการล่าสุด ซึ่งเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ความก้าวหน้าของระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในบทความให้เหตุผลว่าปัจจุบันระบบ AI เริ่มมีพฤติกรรมที่ดูอันตรายขึ้น และอาจเข้าขั้นก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการดำรงอยู่ของมนุษยชาติ เนื่องจากระบบของมันเริ่มรู้จักวิธีสร้างกลยุทธ์ในการโกงผลลัพธ์แล้ว ผ่านเทคโนโลยีที่เรียกว่า “GAN”
นักวิจัยปัญญาประดิษฐ์ (AI) จาก Google ได้ทำงานร่วมกับ Northwestern Medicine และให้กำเนิดเทคโนโลยี AI ที่สามารถตรวจจับเนื้อมะเร็งจากผลการสแกนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพกว่าทีมแพทย์รังสีวิทยาที่มีประสบการณ์มากกว่า 8 ปีเสียอีก โดยผลลัพธ์จากการตรวจดังกล่าวพบว่ามีความแม่นยำกว่าถึง 5% และมีความผิดพลาดน้อยกว่าแพทย์ทั่วไปมากถึง 11%
ถือว่าโชคดีมากที่เราเกิดมาในยุคที่แอปพลิเคชั่นนำทางอย่าง Google Maps ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันง่ายขึ้นอย่างมาก แค่เราเปิดแอปขึ้นมาและใส่จุดหมายที่ต้องการไป ก็จะมีข้อมูลเช่นเส้นทางที่ควรใช้ ปริมาณรถสัญจร และสภาพจราจรระหว่างทาง ไปจนถึงเวลาโดยประมาณของการเดินทาง (ETA) ซึ่งน่าจะมีหลาย ๆ คนที่สงสัยว่า เอ…ทำไม Google Maps ถึงรู้เวลาประมาณการเดินทางไปสถานที่ต่าง ๆ เหล่านี้ได้นะ? วันนี้ Google ก็ได้ออกมาเปิดเผยวิธีการคาดคะเนเวลาเดินทางของ Maps ให้ดูกันแแล้วครับ ว่ามันใช้วิธีอะไรในการคำนวณ
