นอกจาก Google จะเก็บข้อมูลแผนที่ของถนนหนทางต่างๆ ด้วยรถยนต์ที่ติดกล้อง 360° เพื่อนำมาอัปเดตให้กับ Google Street View แล้ว ล่าสุดได้มีผู้ใช้งานแอปดังกล่าวพบว่า Google เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ Driving Mode เข้ามา เพื่อให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมในการเก็บข้อมูล (ภาพของถนน) จากกล้องมือถือในระหว่างขับรถได้อีกด้วย
Google เปิดตัวฟีเจอร์ Live View ใน Google Maps ไปตั้งแต่เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการนำเอาเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) มาผสานการทำงานร่วมกับระบบนำทางให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการใช้กราฟิกเสมือนเป็นลูกศรนำทาง ทิศทาง และเครื่องหมายบอกระยะทาง ซ้อนทับลงไปบนภาพจริงผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟน ล่าสุดได้มีการอัปเดตเพิ่มความสามารถและฟีเจอร์ใหม่ ๆ เข้าไปหลายอย่างทำให้ใช้งานได้ง่าย และสะดวกกว่าเดิม เตรียมเปิดให้ใช้งานทั้ง Android และ iOS ทุกรุ่นที่รองรับ
ถือว่าโชคดีมากที่เราเกิดมาในยุคที่แอปพลิเคชั่นนำทางอย่าง Google Maps ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันง่ายขึ้นอย่างมาก แค่เราเปิดแอปขึ้นมาและใส่จุดหมายที่ต้องการไป ก็จะมีข้อมูลเช่นเส้นทางที่ควรใช้ ปริมาณรถสัญจร และสภาพจราจรระหว่างทาง ไปจนถึงเวลาโดยประมาณของการเดินทาง (ETA) ซึ่งน่าจะมีหลาย ๆ คนที่สงสัยว่า เอ…ทำไม Google Maps ถึงรู้เวลาประมาณการเดินทางไปสถานที่ต่าง ๆ เหล่านี้ได้นะ? วันนี้ Google ก็ได้ออกมาเปิดเผยวิธีการคาดคะเนเวลาเดินทางของ Maps ให้ดูกันแแล้วครับ ว่ามันใช้วิธีอะไรในการคำนวณ
หลังจากที่ Google Maps ได้เปิดให้บริการมาเป็นเวลามากกว่า 15 ปี เราก็ได้เห็นการพัฒนามากมายที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานที่สะดวกสบาย และแม่นยำให้กับผู้ใช้งานอยู่เรื่อย ๆ ล่าสุด Google ก็ได้มีการอัปเดต Google Maps อีกครั้งหนึ่ง โดยคราวนี้เป็นการเพิ่มข้อมูลต่าง ๆ ให้กับแผนที่ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดของถนน รวมถึงรายละเอียดของภูมิประเทศก็ได้รับการอัปเดตด้วยเช่นกัน
ในปัจจุบัน มีผู้ใช้งานแอปนำทางอย่าง Google Maps อยู่ทั่วโลกเป็นจำนวนมากกว่าพันล้านราย ซึ่งทาง Google เองก็พยายามใส่ฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามาอยู่ตลอด อย่างเช่นปีที่แล้วก็ใส่ฟีเจอร์ Local Guides เข้ามาให้ผู้ใช้สามารถรีวิวร้านอาหาร หรือบริการอื่นๆ ที่มีอยู่ใน Maps ได้ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ Google จะอยากทำให้ Maps เป็นอะไรที่มากกว่านั้น ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสร้าง Profile ของตัวเอง แล้วให้ผู้ใช้คนอื่นเข้ามาติดตามได้เหมือนกับ Social Network เลยล่ะ
ในปัจจุบันระบบนำทาง Google Maps จะได้รับการพัฒนา และปรับปรุงจนแม่นยำกว่าในยุคแรกๆ แล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสมบูรณ์ไร้ปัญหา หลายคนยังเจอการแนะนำเส้นทางแปลกๆอยู่บ้าง อย่างเช่นกรณีล่าสุดได้มีผู้ใช้งาน Google Maps เพื่อนำทางไปหัวหินซาฟารี แต่ปรากฎว่ามันดันพาไปทางที่ค่อนข้างวิบาก แถมยังทุรกันดาร จนต้องมีป้ายปักเตือนเอาไว้ เนื่องจากมีคนโดน Google Maps พามาทางนี้หลายราย
หลาย ๆ คนก็คงเคยชินกับการแชร์ที่อยู่ของตนเองกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน หรือ ที่อยู่อาศัยของตนเอง แค่เลขที่บ้าน ซอย ถนน ก็สามารถหา Location ของเราบน Google Maps ได้อย่างง่ายดาย แต่หากเป็นสถานที่กว้างๆ อย่างหาดบางแสน ถนนคนเดิน จะหากันให้เจอคงไม่ง่าย เลยมีการเปิดตัวฟีเจอร์ Google Plus Codes ขึ้นมาเพื่อช่วยในการระบุตำแหน่ง
Google Maps ปล่อยอัปเดตใหม่ เพิ่มฟีเจอร์ความปลอดภัยของการเดินทางกับระบบขนส่งมวลชนในช่วง COVID-19 เช่น แสดงจำนวนความหนาแน่นของผู้โดยสารในระบบขนส่งมวลชน แจ้งเตือนเส้นทางที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 และฟีเจอร์อื่น ๆ ที่จะช่วยให้การเดินทางของเราสะดวก และปลอดภัยมากขึ้น
ในช่วงที่ร้านอาหารหลายๆ ร้านเริ่มปรับตัวกลายเป็นร้านสำหรับสั่งไปกินที่บ้าน หรือมีบริการส่งถึงที่แบบนี้ ทาง Google ก็ได้เพิ่มฟีเจอร์อำนวยความสะดวกด้วยฟีเจอร์ Takeout และ Delivery เพื่อชี้เป้าบนแอป Maps ให้ผู้ใช้งานหาได้ง่ายๆ ว่ามีร้านไหนบ้างที่มีบริการดังกล่าว รวมทั้งยังช่วยเหลือเจ้าของธุรกิจให้สามารถอัพเดทข้อมูลร้านตัวเองให้ลูกค้าหาเจอได้ง่ายๆ จากบริการ Google My Business อีกด้วย
Google ในฐานะผู้ให้บริการด้านข้อมูลแหล่งใหญ่ที่สุดของโลก ไม่ยอมอยู่เฉยเลือกใช้ข้อมูลที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดออกรายงานสถานการณ์การเคลื่อนไหวประชาชาติ หรือ Community Mobility Reports ซึ่งใช้ Google Location History มารวบรวมเป็นรายงานสรุปเพื่อวัดผลมาตรการรัฐของแต่ละประเทศ ในการรับมือโรคระบาด Covid-19 ว่าออกมาตรการกันมาแล้วได้ผลดีเท่าที่ควรหรือไม่ สำหรับประเทศไทย พบว่ามีการเดินทางด้วยระบบสาธารณะลดลง 61% เข้าออฟฟิศทำงานลดลง 21% และอยู่บ้านกันเพิ่มขึ้น 16%
