Tesla ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ นอกจากเรื่องของผลกำไรที่ทำได้ดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว ยังได้ออกมาบอกว่า Tesla ทำการขาย Bitcoin ไปแล้วกว่า 75% ของจำนวนที่ถืออยู่ ตีออกมากลม ๆ ก็เป็นจำนวนเงินเกือบ 1,000 ล้านดอลล่าร์ และยังย้ำกว่าไม่ได้ขาย Dogecoin ออกไปเลย

Tesla เปิดเผยว่ากำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ บวกกับราคา Bitcoin ที่ร่วงลงมาอย่างหนัก ไหนจะเรื่องการล็อกดาวน์ในจีนอีก ทำให้ทางบริษัทต้องตัดสินใจเทขาย Bitcoin ที่ถืออยู่ออกไปถึง 75% และเพิ่มเงินสดเข้าไปในงบดุลของบริษัทได้ถึง 936 ล้านดอลล่าร์ (ประมาณ 34,000 ล้านบาท) เพื่อรักษาสภาพคล่องของบริษัทไว้

มูลค่าของ Bitcoin ที่ Tesla ถืออยู่ตอนนี้เหลือเพียง 218 ล้านดอลล่าร์ (ประมาณ 8,000 ล้านบาท) จากที่เคยรายงานไว้ 1,200 ล้านดอลล่าร์ (ประมาณ 44,000 ล้านบาท) เมื่อไตรมาสที่แล้ว ทาง Elon Musk CEO ของ Tesla กล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความผิดของ Bitcoin แต่ Tesla ต้องขายเพราะว่าต้องรักษาสภาพคล่องโดยรวมของบริษัทเอาไว้เนื่องจากการล็อกดาวน์ในจีน” และยังเน้นย้ำว่า Tesla ไม่ได้มีการขาย Dogecoin เหรียญมีมที่ Elon Musk ปั่นขึ้นปั่นลงเป็นลูกข่างออกไปเลย

ทั้งนี้ Tesla ยังรายงานว่าผลประกอบกิจการในไตรมาสที่ 2 ได้กำไร 2,260 ล้านดอลล่าร์ (ประมาณ 83,000 ล้านบาท) จากรายรับ 16,900 ล้านดอลล่าร์ (ประมาณ 621,000 ล้านบาท) ลดลงมา 31% จากไตรมาสก่อนที่ได้กำไร 3,300 ล้านดอลล่าร์ (ประมาณ 121,000 ล้านบาท) จากรายรับทั้งหมด 18,700 ล้านดอลล่าร์ (ประมาณ 687,000 ล้านบาท) แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วก็ยังถือว่าทำได้ดีขึ้น

นับได้ว่าไตรมาสนี้เป็นช่วงที่ปั่นป่วนมาก ๆ ของ Tesla เลยก็ว่าได้ เพราะช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา Elon Musk ต้องขายหุ้นมูลค่าหลายพันล้านดอลล่าร์ในบริษัท เพื่อนำมาจ่ายค่าเข้าซื้อบริษัท Twitter ซึ่งตอนนี้ Elon ตัดสินใจล้มดีลและกำลังมีปัญหาฟ้องร้องกันอยู่ แถมยังมีการประกาศเลิกจ้างพนักงานไปเป็นจำนวนมากและยังถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎหมายแรงงานอีกด้วย

Twitter เตรียมฟ้อง Elon Musk หลังยกเลิกดีลซื้อกิจการ 44,000 ล้านเหรียญ

ที่มา : theverge