Maserati เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกในประวัติศาสตร์การผลิตรถยนต์ของแบรนด์ในงาน Shanghai Auto Show 2023 ที่ประเทศจีน โดยรุ่นที่เปิดตัวชื่อว่า Grecale Folgore มาในดีไซน์หรูหรา ผสมผสานกับความสปอร์ต ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังแรงม้าสูงสุด 410 kWh ทำความเร็วสูงสุดได้ 220 กิโลเมตร/ชั่วโมง และมาพร้อมฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกเพียบ

Grecale Folgore รถยนต์ไฟฟ้าคันแรกในประวัติศาสตร์การผลิตรถยนต์ของแบรนด์มาเซราติ ที่พร้อมมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับแบบ “Everyday Exceptional” เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ชื่นชอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและได้ถูกออกแบบ คิดค้น พัฒนา และผลิตขึ้นในประเทศอิตาลีทั้งหมด มาในดีไซน์หรูหรา สง่า ผสมผสานกับความสปอร์ต ตัวรถกว้างขวางมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน

ดีไซน์ด้านหน้ารถยนต์ยังคงคอนเซปต์ “Unique by Design” กระจังหน้าถูกออกแบบมาโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากรุ่น Trofeo เพื่อระบายความร้อนตามมาตรฐานของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า สปอยเลอร์กันชนท้ายรถยนต์ดีไซน์ใหม่เพื่อช่วยลดค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd) ตามหลักอากาศพลศาสตร์

สีพิเศษที่มีเฉพาะรุ่นดังกล่าว คือ สีน้ำตาล Rame Folgore ซึ่งได้รับแรงบันดาลมาจากสถาปัตยกรรมร่วมสมัยของพิพิธภัณฑ์ Guggenheim ที่เมืองบิลเบา ที่ใช้สีโทนอบอุ่นอย่างสีน้ำตาลทองแดงและจะเปร่งประกายขึ้นเมื่อกระทบกับแสงพระอาทิตย์

ภายในรถเปิดมาก็จะเจอโลโก้ Folgore ที่แดชบอร์ดแบบ 3D ภายในประดับด้วยชุดไฟ Ambient Light และบุด้วยวัสดุนุ่มคุณภาพเยี่ยมรอบคัน เบาะโดยสารทูโทนสีดำครีมหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่าง ECONYL® คือเส้นใยที่ดัดแปลงมาจากการนำเศษด้ายไนลอนจากที่ต่าง ๆ เช่น อวนจับปลา, ผ้าจากโรงสี หรือพรมเหลือใช้เพื่อช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมค่ะ

ตัวรถเป็นใช้พลังงานไฟฟ้า 100% แบตเตอรี่ความจุขนาด 105 kWh 400 โวลต์ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังแรงม้าสูงสุด 410 kWh แรงบิดสูงสุด 820 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุดได้ 220 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชั่วโมง ภายใน 4.1 วินาที ชาร์จแบตกระแสตรง DC 20 – 80% ใช้เวลา 29 นาที

เครื่องชาร์จจ่ายกำลังไฟได้ตั้งแต่ 3 – 22 กิโลวัตต์ ผ่านการใช้เทคโนโลยี Load Balancing อีกทั้งยังสั่งการชาร์จไฟหรือสั่งงานผ่านการควบคุมระยะไกลอย่าง Connected Services ได้ด้วย

เบาะหน้าสามารถปรับแบบไฟฟ้าได้ 14 ทิศทาง มาพร้อมระบบเป่าลมร้อน / เย็น ใช้จอคู่ขนาดใหญ่ ประกอบด้วยจอบน 12.3 นิ้ว จอล่าง 8.8 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อ Apple CarPlay, Android Auto และ Baidu CarLife ได้ เชื่อมต่อมือถือได้ 2 เครื่อง สำหรับมาเซราติในจีนจะมีแอป WeChat ติดตั้งมาให้ด้วยค่ะ

นอกจากนี้ยังมีจอแสดงการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว, จอ head-up-display ที่ปรับค่าและแสดงข้อมูลด้านความเร็ว, แผนที่เส้นทาง ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ MIA Maserati Intelligent Assistant และมีโหมดการใช้งานด้วยกันทั้งหมด 4 โหมด ได้แก่ MAX RANGE, GT, SPORT, และ OFFROAD

โหมดที่น่าสนใจเลยก็คือ MAX RANGE เป็นโหมดขับขี่ที่ประหยัดพลังงาน สามารถขับขี่ได้แม้เเบตจะเหลือเพียง 16% โดยใช้ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 130 กม./ชั่วโมง ปรับลดการทำงานของระบบปรับอากาศและรักษาระยะทางคงเหลือให้ได้มากที่สุด ส่วนฟีเจอร์อื่นทีน่าสนใจก็จะมีทั้ง

  • ระบบการปรับสภาพแบตเตอรี่อัตโนมัติล่วงหน้า คือ การปรับสภาพแบตเตอรี่อัตโนมัติล่วงหน้าและสามารถชาร์จไฟได้เร็วเป็นพิเศษเมื่อเข้าใกล้กับสถานีชาร์จ เพื่อช่วยเตรียมความพร้อมของแบตเตอรี่ในการเข้าสู่โหมดการชาร์จ และลดระยะเวลาในการชาร์จเมื่ออุณหูมิของแบตเตอรี่อยู่ในจุดที่สมดุล
  • ระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสาร สามารถรักษาอุณหภูมิภายในห้องโดยสารแม้ขณะรถยังไม่ได้วิ่ง
  • ระบบกำหนดเส้นทาง EV ตัวช่วยในการวางแผนการเดินทาง จะทำให้ผู้ขับขี่รับรู้ถึงสภาพแบตเตอรี่และสามารถคาดคะเนปริมาณการใช้งานได้ตลอดเวลา พร้อมทั้งแจ้งสถานีการชาร์จทั้งหมดและช่วยคำนวณระยะทางในการเดินทางได้อย่างเหมาะสม โดยประมวลผลจากสถานะแบตเตอรี่ ความเร็วที่ใช้ในการขับขี่ รวมไปถึงการใช้งานระบบอื่น ๆ บนรถยนต์
  • ระบบแผนที่แบบ Dynamic Range แผนที่ที่คำนวณระยะทางสูงสุดที่เดินทางได้ภายใต้เงื่อนไขสถานะของแบตเตอรี่ ระยะทางสูงสุด รวมไปถึงวงรอบที่ตัวรถยนต์ ซึ่งจะถูกแสดงผลอัปเดตผ่านหน้าจอกลางตลอดเวลาโดยอิงค่าจากสถานะของแบตเตอรี่และสไตล์การขับขี่ของผู้ขับ

การเปิดตัว Grecale Folgore ที่งาน Shanghai Auto Show 2023 ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญของมาเซราติ ในการบุกตลาดเอเชีย ซึ่งทางแบรนด์เองมีความมุ่งมั่นที่จะขยายสายการผลิตรถยนต์โมเดลที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีรูปแบบพลังงานทางเลือก ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ภายในปี 2025 และมุ่งมั่นที่จะผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายในปี 2030 ซึ่งยังไงแฟน ๆ มาเซราติ ก็ต้องติดตามชมกันต่อไปค่ะ

 

ที่มา : ข่าวประชาสัมพันธ์, Maserati