เชื่อว่าหลาย ๆ คนเคยได้ใช้ Google Maps ย้อนดูไทม์ไลน์ของตัวเองตอนช่วง Covid 19 ระบาดใหม่ ๆ ซึ่งดีที่ว่าทำให้เราได้รู้ว่าทีผ่านมาเราไปไหนมาไหนบ้าง รวมถึงเป็นข้อดีเอาไว้ให้กลุ่มแม่บ้านคอยติดตามสามี โดยฟีเจอร์นี้ได้ถูกลบออกจาก Google Maps รูปแบบเว็บไซต์ ใครที่อยากเก็บข้อมูลตัวเองไว้ก็รีบเข้าไปย้ายข้อมูลก่อน

Google ประกาศให้ผู้ใช้งานฟีเจอร์ Timeline บน Google Maps ย้ายการใช้งานจากรูปแบบเว็บไซต์ไปเป็นรูปแบบบนมือถือแทน เนื่องจาก Google จะทำการลบฟีเจอร์นี้บนเว็บไซต์ออก และข้อมูลต่าง ๆ จะถูกลบออกไปในช่วงสิ้นปีนี้ด้วย ดังนั้นใครที่ติดตามแฟนด้วยการดูผ่านเว็บไซต์บนคอม ให้รีบไปย้ายข้อมูลไปยังมือถือซะ

ข้อมูล Timeline ก่อนหน้านี้ จะขึ้นบนเว็บไซต์
เปิดมาก็จะเจอหน้ายุติให้บริการแบบนี้

หลังจากที่เปิด Google Maps ออกมาแล้วจะเจอกับหน้าคำแนะนำให้ไปใช้งานผ่านแอป ซึ่งให้กดไปที่ ใช้แอป > เลือกส่งแจ้งเตือน จากนั้นจะได้รับการแจ้งเตือนข้อมูลผ่าน Email แนะนำให้เปิดเมลล์บนมือถือ ใครที่เปิดฟีเจอร์ไทม์ไลน์ไว้อยู่แล้วก็จะขึ้นข้อมูลให้อัตโนมัติแบบนี้เลย ซึ่งจากนี้ข้อมูลไทม์ไลน์จะถูกบันทึกลงบนอุปกรณ์ที่เราใช้งานโดยตรง ไม่ได้อยู่บนเซิร์ฟเวอร์อีกต่อไป

Email จาก Google Maps
ฟีเจอร์ไทม์ไลน์บนมือถือ
แจ้งเตือนให้เปิดการติดตามข้อมูล ใครที่เปิดไทม์ไลน์ไว้อยู่แล้วก็กดรันข้อมูลตามแอปได้เลย

แต่ถ้าใครที่ยังไม่เคยใช้งานฟีเจอร์นี้ หรือเปิดดูในแอปแล้วไทม์ไลน์ไม่ขึ้น ต้องไปเปิดการใช้งานก่อนนะ โดยวิธีเปิดมีดังนี้

วิธีเปิด Timeline บน Google Maps

  • เปิดแอป Google Maps
  • กด Profile
  • เลือก Timeline
  • แตะจุดสามจุดและเลือกตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
  • เลือกไปที่ ไทม์ไลน์ปิดอยู่
  • กดเปิดไทม์ไลน์
  • เลือกว่าจะให้ลบไทม์ไลน์อัตโนมัติหรือไม่ มีให้เลือก 3 เดือน, 18 เดือน และ 36 เดือน และกดถัดไป

ซึ่งข้อมูลในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ข้อมูลก็จะถูกลบไปพร้อมกับ Google Maps บนเว็บไซต์ แต่ทางบริษัทก็ไม่ใช่ว่าจะลบในทันที จะยังให้ยืดเวลาเก็บข้อมูลอีก 90 วัน หลังจากวันที่กำหนด

ในตอนนี้หลายคนบน Reddit รู้สึกผิดหวังกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว แต่ก็มีหลายความเห็นระบุว่า Google อาจจะอยากใช้เวลาทำฟีเจอร์ Timeline บนแอปให้ออกมาสมบูรณ์แบบ มีบางคนที่ถนัดการใช้งานบนเว็บมากกว่าอุปกรณ์อื่นก็จะรู้สึกแย่ที่ต้องย้ายข้อมูล แต่ก็มีบางคนรู้สึกตั้งตารอการอัปเดตใหม่บนแอปจาก Google Maps อยู่

ที่มา : Google, androidcentral