อย่างที่ทราบกันว่า Windows ยุคหลัง ๆ ได้ถูกพัฒนาให้กลายเป็นระบบปฏิบัติการที่รองรับการสั่งงานด้วยจอสัมผัสแบบเต็มตัวแล้ว โดยทาง Microsoft ริเริ่มการใช้งานนี้มาตั้งแต่ยุค Windows 8 ซึ่งเกิดจากแนวคิดที่ว่าบริษัทฯ ต้องการวางตลาดอุปกรณ์ Windows ให้เป็นทุกอย่างได้จบภายในตัวเดียว ทั้ง PC, แท็บเล็ต และมือถือ (สังเกตได้จากการออกผลิตภัณฑ์ Surface Pro และ Surface Neo) ซึ่งมันต่างจากแนวทางของ Apple ที่แยก iPhone, iPad และ Mac ออกเป็นคนละตลาดอย่างชัดเจน

ในอดีตการใช้งานทัชสกรีนบน Windows 8.1 / 10 เป็นอะไรที่ยังตอบโจทย์ผู้ใช้ได้ไม่ค่อยดี เนื่องจากซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ยังคงถูกออกแบบให้เหมาะกับใช้เมาส์และ trackpad มากกว่า แต่พอก้าวเข้าสู่ยุค Windows 11 แล้วต้องยอมรับว่าหลายอย่างดีขึ้นมาก ทั้งการสั่งงานที่ลื่นไหลขึ้น หน้าเว็บต่าง ๆ ก็เริ่มปรับตัวให้ใช้งานจอทัชได้ดีใกล้เคียงแอปขึ้นเรื่อย ๆ แถมล่าสุด Windows 11 ยังมาชูจุดเด่นเรื่องการใช้แอป Android ได้ในตัวอีก แค่นี้ก็ทำให้ตลาดแท็บเล็ต Android หรือ iPad เริ่มร้อน ๆ หนาว ๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว

หลายคนที่เคยชินกับการใช้งาน Windows ในรูปแบบพีซีหรือโน้ตบุ๊กมานานอาจจะไม่ค่อยรู้ว่าปัจจุบันโหมดแท็บเล็ตบน Windows 11 ใช้งานได้ดีถึงระดับไหนแล้ว ดังนั้นวันนี้เราพามาลงดีเทลเรื่องนี้กัน พร้อมรวบรวมทริกเด็ด 5 ข้อที่จะช่วยให้การใช้งาน Windows 11 บนจอสัมผัสของคุณเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้นไปอีก รับรองเลยว่าออกมาน่าใช้ไม่แพ้ iPadOS หรือ Android L แน่นอน

 

1. gesture การสั่งงานด้วยนิ้ว และการปัดเรียกแถบเมนูต่าง ๆ

ปัจจุบันเราเคยชินกับการใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตในรูปแบบที่ค่อนข้างคล้ายกัน เช่น ปัดมุมบนขวาเป็นแถบ Quick Settings ปัดมุมบนซ้ายเป็นแถบแจ้งเตือน บางยี่ห้อปัดขึ้นจากด้านล่าง หรือบางยี่ห้อใช้ 2-3 นิ้วสั่งเรียกเมนูนั่นนี่ได้ ซึ่งฝั่ง Windows เองก็มีเหมือนกัน สามารถปัดเรียกแถบเมนูหรือใช้นิ้วทำ gesture ต่าง ๆ ได้หมด ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

  • ปัดขึ้นตรงกลาง > เรียกแถบเมนูเริ่มต้น (Start Menu)
  • ปัดจากขอบซ้ายไปขวา > เรียกแถบวิดเจ็ต (Widget)
  • ปัดขึ้นด้านล่างขวา > เรียกแถบการตั้งค่าด่วน (Quick Settings)
  • ปัดจากขอบขวาไปซ้าย > เรียกแถบเจ้งเตือน + ปฏิทิน (Notifications + Calendar)

รู้หรือไม่ ? Windows ก็มีปุ่มโฮมเหมือนกัน

มันก็คือปุ่ม แสดงเดสก์ท็อป (Show desktop) ที่อยู่มุมล่างขวาสุดของ taskbar นั่นเอง ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังใช้ปุ่มโฮมบนมือถืออยู่เหมือนกัน แต่อาจจะต้องลำบากเอื้อมมือไปแตะหน่อย (ใช้ 3 นิ้วปัดลงจะง่ายกว่า) ทั้งนี้จริง ๆ แล้ว Microsoft รณรงค์อยากให้เราปรับตัวไปใช้ Start menu กันมากกว่า ซึ่งมันจะทำให้การกลับไปที่หน้าเดสก์ท็อปบ่อย ๆ เพื่อเปิดโปรแกรมนั้นไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว

การใช้ gesture สั่งงานบนจอด้วยนิ้ว (Windows 11)

คำสั่งท่าทาง
คลิกขวา, แสดงคำสั่งเพิ่มเติมแตะค้างที่พื้นที่ว่างหรือวัตถุ
แสดงหน้า Task View รวมแอปทั้งหมดที่เปิดอยู่ (คล้าย Recent Apps บน Android)ใช้ 3 นิ้ว ปัดขึ้น บนหน้าจอ
แสดงหน้าเดสก์ท็อป (คล้ายกับการกดปุ่มโฮม)ใช้ 3 นิ้ว ปัดลง บนหน้าจอ
สลับไปหน้าแอปอื่นที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ใช้ 3 นิ้ว ปัดซ้ายหรือขวา บนหน้าจอ
สลับไปหน้าเดสก์ท็อปอื่นที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ใช้ 4 นิ้ว ปัดซ้ายหรือขวา บนหน้าจอ

 

2. ตั้งค่าแป้นพิมพ์สัมผัสให้ใช้ง่ายขึ้น เปลี่ยนภาษาได้ในปุ่มเดียว

หนึ่งในปัญหาที่ทำให้หลายคนไม่อยากใช้แป้นพิมพ์สัมผัส (Touch keyboard) บน Windows 11 คือมันสลับภาษาลำบาก ต้องกดปุ่มเรียกเมนูภาษาขึ้นมาก่อน แล้วค่อยกดเลือกภาษาที่ต้องการอีกทีหนึ่ง กลายเป็นว่าต้องทำ 2 ขั้นตอน ซึ่งค่อนข้างเสียเวลา (ฝั่ง iOS, Android เค้ามีปุ่มเปลี่ยนภาษาทีเดียวให้หมด)

แต่จริง ๆ แล้วมันมีเทคนิคที่จะทำให้เราสลับภาษาด้วยปุ่มเดียวอยู่ นั่นก็คือการ ตั้งปุ่ม ` และตัวหนอน ~ มาใช้นั่นเอง ตามปกติคนไทยก็นิยมใช้ปุ่มนี้อยู่แล้วบนแป้นพิมพ์ธรรมดา แต่พอเป็นแป้นพิมพ์สัมผัสปุ่มนี้จะหายไป วิธีเรียกกลับมาก็คือให้ไปตั้ง layout แป้นพิมพ์เป็นแบบ Traditional ก่อน

วิธีตั้งค่าแป้นพิมพ์สัมผัสบน Windows 11 ให้สลับภาษาได้ในปุ่มเดียว

  1. เข้าไปที่ Settings > Personalization > Text input > Touch keyboard > กดที่ปุ่ม Open keyboard

  2. แป้นพิมพ์สัมผัสจะโผล่ขึ้นมา ให้แตะที่รูปฟันเฟืองมุมบนซ้ายของแป้นพิมพ์ > Keyboard layout > Traditional

  3. เท่านี้ปุ่มตัวหนอนก็จะโผล่มาแล้ว แลกกับการต้องใช้แป้นพิมพ์รูปแบบ Traditional แทน ซึ่งตำแหน่งปุ่มต่าง ๆ มันจะเหมือนกับแป้นพิมพ์จริงเลย ถ้าใครไม่ชอบอาจจะต้องทำใจนิดนึง แต่ส่วนตัวชอบแบบนี้มากกว่า เพราะมันมีหลายปุ่มให้กดเยอะดีในหน้าเดียวไม่ต้องคอยสลับบ่อย

  4. ถ้าใครเคยตั้งปุ่มตัวหนอนเป็นปุ่มสลับภาษาอยู่แล้วก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย แต่ถ้าใครยัง ให้เข้าไปที่ Settings > Time & language > Typing > Advanced keyboard settings > กดที่ปุ่ม Input language hot keys

  5. หน้าต่าง Text Services and Input Languages จะโผล่ขึ้นมา ให้กดที่ปุ่ม Change Key Sequence… > ที่แถบ Switch Input Language เลือก Grave Accent (`) และที่แถบ Switch Keyboard Layout เลือก Not Assigned > กด OK

  6. จากนั้นลองกลับมากดปุ่มตัวหนอนดูก็จะพบว่าสลับระหว่างภาษาอังกฤษและภาษาไทยได้แล้วง่าย ๆ โดยกดแค่ปุ่มเดียว (ปุ่มเปลี่ยนภาษาเดิมก็ยังอยู่ให้ใช้นะ)

รู้หรือไม่ ? แป้นพิมพ์ Windows ก็มีอีโมจิเหมือนกันนะ

กดที่ไอคอนรูปหัวใจ (ข้างฟันเฟือง) มีทั้งอีโมจิ, GIF, Kaomoji และตัวอักษรสัญลักษณ์ต่าง ๆ ให้เลือกใช้เพียบไม่แพ้ OS อื่นเลย ไปลองเล่นดูกันได้

 

3. ตั้งหน้าเว็บมาทำเป็นแอป เปิดได้รวดเร็วผ่าน taskbar

อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าปัจจุบันเว็บแอปต่าง ๆ รองรับการสั่งงานแบบทัชสกรีนได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะมาก จนแทบจะใช้เสมือนเป็นแอปแอปหนึ่งได้เลย แถมได้เปรียบในเรื่องฟีเจอร์ย่อยที่มีเยอะกว่าแอปบนมือถือ

ดังนั้นหากปัจจุบันยังไม่มีแอปไหนบน Windows เราสามารถเอาหน้าเว็บที่มีอยู่แล้วมาทำเป็นแอปแทนได้ โดยมีไอคอนให้ปักหมุดบน taskbar หรือ Start menu ให้แตะเปิดใช้เหมือนแอปจริงเลย ไม่ต้องไปเปิดผ่านเบราว์เซอร์ก่อนให้มากขั้นตอนอีกต่อไป

วิธีตั้งค่าหน้าเว็บให้มีไอคอนเปิดใช้เป็นเหมือนแอป (ทำได้ทั้ง Edge และ Chrome)

Microsoft Edge เปิดหน้าเว็บที่ต้องการตั้ง > กดเมนูจุด 3 จุดมุมบนขวา > Apps > Install (ตามด้วยชื่อของเว็บแอปนั้น)

สามารถเลือก Pin to taskbar หรือ Pin to Start เพื่อปักหมุดไอคอนแอปไว้ตามที่ที่เราต้องการได้ แนะนำเว็บไหนเปิดบ่อยก็ให้ปักไว้ที่ taskbar เลยเพื่อความสะดวก

 

Google Chrome เปิดหน้าเว็บที่ต้องการตั้ง > กดเมนูจุด 3 จุดมุมบนขวา > More tools > Create shortcut…

ตั้งชื่อแอปตามที่ต้องการ > ติ๊กถูกที่ Open as window > กด Create

ของ Chrome จะไม่มีถามให้ปักหมุดแต่แรก ต้องกดปักเอง โดยแตะค้าง (คลิกขวา) ที่ไอคอนบน taskbar แล้วเลือก Pin to taskbar

จะสังเกตเห็นว่าพอมี 2 เบราว์เซอร์ทำได้ทั้งคู่แบบนี้ เราก็เหมือนสามารถสร้างแอปโคลนแยกเป็น 2 ตัวออกจากกันได้เลย (คล้ายมือถือ Android) ทั้งนี้แม้ตัวเว็บจะมาจาก Edge และ Chrome แต่ด้านบนสุดไม่มีแท็บเบราว์เซอร์โผล่มาให้เห็น เพราะเค้าต้องการให้มันเหมือนแอปที่สุดนั่นเอง

 

4. โหลดแอป Android มาใช้

อย่างที่รู้กันว่า Windows 11 มีฟีเจอร์ที่สามารถรันแอป Android ในตัวได้แบบเนทีฟ ซึ่งปัจจุบันกำลังทยอยอัปเดตให้หลาย ๆ ประเทศได้ใช้งานแล้ว ของไทยเองก็คาดว่าจะตามมาเร็ว ๆ นี้ แต่ถ้าใครทนรอไม่ไหว ทางทีมงานเราเคยเขียนบทความแนะนำวิธีเปิดใช้ล่วงหน้าไว้ด้วย ถึงขั้นสามารถลง Google Play Store มาใช้โหลดแอปเล่นได้จริง ๆ เลย เข้าไปติดตามดูกันได้ว่าทำยังไง

Tips | วิธีลง Google Play Store บน Windows 11 อัปเดตใหม่ ตุลาคม 2022

คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณกันให้เยอะว่าทำไมฟีเจอร์นี้ถึงสำคัญกับการใช้งาน Windows 11 ในโหมดแท็บเล็ต เพราะถ้าหากมันใช้ได้อย่างสมบูรณ์เมื่อไหร่ เว็บแอปจากข้อ 3. ก็คงไม่จำเป็นอีกต่อไป แถมตลาดแท็บเล็ต Android ก็อาจจะเจอศึกหนักได้ เพราะดันถูกแย่งความสามารถไปซะหมด เพียงแต่ตอนนี้ฝั่ง Windows ยังอยู่ในขั้นแค่ใช้งานได้คร่าว ๆ เท่านั้น และแอปที่ทำมารองรับอย่างเป็นทางการจริง ๆ บน Amazon Appstore ก็ยังมีน้อยมาก คงอีกนานเหมือนกันกว่าจะเห็นแข่งขันกันจริงได้

 

5. ใช้งานร่วมกับแอป PowerToys

PowerToys ถือเป็นแอปอรรถประโยชน์จาก Microsoft ที่ใส่ฟีเจอร์ย่อยเจ๋ง ๆ เข้ามาเพียบ นอกเหนือจากที่มีอยู่แล้วบน Windows เพื่อให้ผู้ใช้ได้ลองอะไรล้ำ ๆ ใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ทำงานได้หลากหลายขึ้น เช่น ฟีเจอร์แก้ไขขนาดภาพอย่างละเอียด, เครื่องมือจิ้มเลือกโค้ดสีจากตำแหน่งไหนก็ได้บนจอ, เครื่องมือแก้ไขชื่อไฟล์ทีละหลาย ๆ ไฟล์, ตัวช่วยตั้งคีย์ลัดแป้นพิมพ์ได้เอง และอื่น ๆ อีกเพียบ

ฟีเจอร์โดยรวมเหมือนจะมีไว้สำหรับใช้งานบน Windows ทั่วไป แต่จริง ๆ มันจะบางอันที่มีประโยชน์กับการใช้งานในโหมดแท็บเล็ตอยู่ เช่น ฟีเจอร์ Awake ที่ช่วยป้องกันการเข้าโหมด Sleep ของ Windows ได้ แก้ปัญหาเวลาปลุกเรียกเครื่องกลับมาแล้วใช้เวลานาน ซึ่งทำให้ไม่ทันใจเท่าไหร่หากจะใช้เป็นแท็บเล็ต ดังนั้นการเปิด Enable Awake บน PowerToys เอาไว้ก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกขึ้น (หากไม่ต้องการใช้แล้วก็ปิดได้ทันทีจากถาด tray มุมล่างขวา)

ฟีเจอร์ถัดมาก็คือ FancyZones ที่จะช่วยแบ่งหน้าต่างแอปได้ละเอียดขึ้นกว่า Snap Layout ที่มีอยู่แล้วบน Windows 11 สามารถเปิดได้พร้อมกันมากกว่า 4 แอป สร้างรูปแบบที่ต้องการขึ้นมาเองก็ได้ เหมาะกับการใช้งานแบบมัลติทาสก์บนจอสัมผัสสุด ๆ

 

จบไปแล้วกับทั้ง 5 วิธีที่นำมาฝากวันนี้ โดยส่วนตัวมองว่าแม้ความเลื่อนไหลด้านแอนิชันของ Windows จะยังสู้พวก Android หรือ iPadOS ไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้เป็น OS ที่พัฒนาบนพื้นฐานทัชสกรีนมาก่อน แต่ปัจจุบันก็ถือว่าก้าวข้ามขีดจำกัดหลายอย่างไปได้เยอะ ผนวกกับข้อดีด้านการเป็น OS ระดับเดสก์ท็อปที่ยังมีฟีเจอร์เหนือกว่าแท็บเล็ตธรรมดาอยู่ค่อนข้างมาก ทำให้ Windows ถือเป็นตัวเลือกด้านแท็บเล็ตในตลาดที่น่าจับตามองไม่แพ้กัน

ก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้สำหรับคนใช้ Windows 11 ในโหมดแท็บเล็ตอยู่แล้ว หรือถ้าใครยังใช้ Windows แต่ในรูปแบบพีซีมานานอยากมาลองโหมดนี้ดูบ้างก็ทำได้ เชื่อว่าจะได้รับประสบการณ์ที่แปลกใหม่ขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะเลยครับ