จากกรณีที่ข้อมูลสำเนาบัตรประชาชนของลูกค้าซึ่งลงทะเทียนกับ TrueMove H ถูกตั้งค่าเปิดเป็น Public ให้ใครก็ได้สามารถเข้าไปหยิบเอาข้อมูลมาใช้ ซึ่งตอนนี้มีทาง iTruemart ที่ออกมาขอโทษว่าเป็นความผิดของตนเองและทาง กสทช. เตรียมเรียกสอบสวนโดยระบุว่าหากมีเจตนาในการเปิดช่องให้เข้าถึงข้อมูลได้จริง ก็จะมีโทษตาม พรบ. โทรทัศน์และโทรคมนาคมแน่นอน งั้นเรามาลองไล่เรียงเหตุการณ์ และวิเคราะห์ไปทีละประเด็นว่าจริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
สำเนาบัตรประชาชนหลุดได้อย่างไร
เรื่องนี้หลายคนอาจจะอ่านข่าวเมื่อวานกันไปแล้ว ก็ขอสรุปสั้นๆ ว่านักวิจัยด้านความปลอดภัยเป็นคนไปสแกนเจอว่ามี S3 Bucket หรือเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ว่าเป็นโฟลเดอร์จัดเก็บไฟล์ ซึ่งในนั้นมีไฟล์บัตรประชาชนของลูกค้า TrueMove H สแกนเก็บเอาไว้กว่า 46,000 ไฟล์ ขนาดใหญ่ 32GB ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา
และมีการติดต่อสื่อสารกับผู้ให้บริการในประเทศไทยเป็นเวลาร่วมเดือน ถึงจะมีการปิดการเข้าถึงข้อมูลในส่วนนี้
ใครเป็นเจ้าของข้อมูลสำเนาบัตรประชาชนชุดนี้
ทาง iTruemart ได้ออกมายอมรับว่าเป็นข้อมูลที่เก็บรายชื่อลูกค้าที่มาเปิดเบอร์พร้อมสมัครแพ็คเกจกับ TrueMove H เอาไว้ทั้งหมด ซึ่งตอนนี้มีการถกเถียงกันมากมายว่า iTruemart กับ TrueMove H นั้นเป็นคนละหน่วยงานกัน หรือเป็นเครือเดียวกันหรือไม่สุดท้ายแล้วใครผิดกันแน่
แต่ถ้าย้อนกลับไปอ่านข่าวการติดต่อของ Niall Merrigan จะเห็นได้ว่าเค้าพยายามติดต่อกับ TrueMove H และ TrueCorp มาโดยตลอด จนข้อมูลถูกปิดในช่วงค่ำของวันที่ 12 เมษายน ไม่มีชื่อของ iTruemart ออกมาในส่วนไหนเลย
แล้วแบบนี้ข้อมูลชุดนั้นเป็นของใคร? ใครเก็บ? ก็ลองไปคิดกันต่อได้
ข้อมูลโดน Hack หรือเป็นความประมาทในการเก็บรักษาข้อมูลลูกค้า
จากจดหมายของ iTruemart เมื่อวานนี้ มีการระบุข้อความว่าเป็นข้อมูลที่โดน hack ซึ่งใครที่ตามอ่านข่าวมาตลอดก็จะเห็นว่ามันไม่น่าจะใช่
เพราะทาง Niall เองก็บอกว่าเค้าไปตรวจหรือสแกนหา Bucket S3 ที่มีการเปิด Public ให้เข้าถึงโดยสาธารณะเอาไว้ (ล่าสุด Niall เชียนเพิ่มเติมแล้วว่าเค้าไม่ได้ hack > FAQ iTruemart data leak )
มีเจตนาเปิดข้อมูลเป็น Public หรือแค่ประมาท
เมื่อวานนี้ กสทช. โดยนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ได้ออกมาเรียกสอบทาง TrueMove H ในวันที่ 17 เมษายนนี้ (บ้านเราเรื่องจะร้ายแรงแค่ไหน ก็ต้องรอวันเปิดทำงานหรือเวลาราชการนะครับ) ระบุว่าหากเป็นการกระทำโดยเจตนา ก็จะมีความผิดแน่นอน! และมีโทษพักใช้ใบอนญาต หรือถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตไปเลยด้วย
งั้นเรามาลองดูกันว่า การจะเปิด S3 Bucket ให้เป็นแบบ Public ให้คนทั่วไปเข้ามาใช้งานได้นี่ มันต้องมีเจตนาไหม หรือแค่กดไปมั่วๆ มันก็ Public แล้ว
ปกติแล้วการสร้าง S3 Bucket นั้นจะมีหน้าตาแบบนี้ (อ้างอิงตามเอกสารของ Amazon)
คือเมื่อกดสร้าง Bucket S3 ขึ้นมาแล้ว โดยปกติ Bucket จะถูกกำหนดสิทธิ์เป็นแบบ private หรือเปิดกั้นข้อมูลเอาไว้ อนุญาตให้เฉพาะคนที่มีสิทธิ์ใช้งานสามารถกดเข้ามาดูได้ เรียกว่าถ้ากด next > next ไปเรื่อยๆ ยังไง Bucket ตัวนี้ก็จะปลอดภัย
แต่การจะเปิด Bucket ให้เป็น public นั้น แน่นอนว่าจะต้องไปกดเปลี่ยนการตั้งค่า เพื่อกำหนดสิทธิ์ใหม่ และยิ่งการเปิดเป็น public หรือสาธาณะนั้น จะมีคำเตือนเด้งขึ้นมาตัวเบ้อเริ่ม แถมในคู่มือของ Amazon ยังบอกว่า Public Access คือ Everyone in The World เพราะฉะนั้นหากคุณเปิดเป็น public แบบนี้ ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น และก็ต้องรับผลที่ตามมาด้วย
บางทีก็คิดเล่นๆนะ ว่าพวกที่โทรมาขายของ
ขายประกันฯ มันเอาข้อมูลมาจากไหน?
ไม่ต้องตอบมา ว่าเขาสุ่มเอา เพราะบางรายนี่รู้
แม้กระทั่งเลขบัตรประชาชนเรา โทรมาทางมือถือ
ไม่ใช่เบอร์บ้าน ถึงจะเช็คชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ได้
ก็แค่หมาเห่าใบตองแห้ง รู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้จะจบลงแบบไหน
นั่นสิ
ค่ายนี้เขาระดับเจ้าสัวด้วยสิ
เค้าเป็นพนักงานของทุยด้วยหรือเปล่า? เห็นปกป้องกันจัง…
ทุบเลยๆ รอช้อน
เรื่องนี้ให้ปล่อยไปเงียบ ๆ ไม่ได้นะครับ มอง ๆ แล้วข่าวใหญ่ไม่แพ้เฟซบุ๊กเลยนะ ต้องสอบสวนให้ได้ความและชดเชยผู้เสียหายด้วยครับ
ตอนนี้สงสัยคนทำออกไปนานแล้วล่ะ ไม่งั้นน่าจะรีบปิดไปตั้งแต่แรกๆแล้ว สงสัยมัวแต่งง
อ่านแล้วต้องติดตามครับเคสนี้
จะจบแบบว่า คนทำโปรแกรมกาก เลยเปิด pubile เพราะทำแบบ authen ไม่เป็นปะ
ก็จับแพะกันไป เสียเงินนิดหน่อยดีกว่าโดนถอนใบอนุญาติ
มันมีการนำข้อมูลลูกค้าออกมาขายจริงๆครับ คิดเหมากันเลย ลองหาข้อมูลดู
็Hack พ่อยู หรออออ (ขออภัย)
ยังมีคนใช้ค่ายนี้อยู่อีกหรือครับนิ
ปล.ถึงขึ้น login เข้ามาเม้นเลยนะ -_-
ไม่มีใครแฮคหรอก โยนขรี้
ต่อให้ไม่เจตนา ก็ควรจะต้องโดนเอาผิดอยู่ดี
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็จะเป็นรายชื่อเเละเบอร์ที่ผูกกับบัตรเครดิต ชื่อพวกนี้จะถูกขายให้กับเซลล์ขายบัตรเครดิตและสินเชื่อ. ใช้บัตรรูดตามห่างถูกขายข้อมูลเหมือนกันไม่ได้มีเฉพาะเครือข่ายโทนศัพ
ถ้าผมเผลอหลับในขับรถชนคนอื่น
ผมบอกว่าไม่เจตนาแล้วก็ไม่ต้องรับผิดมั้ยครับ
+1000
ให้คิดเพิ่มครับ
cloud infra ที่ทาง droidsans เอาหน้า config มาให้ดู จะต้องเป็นทีม system infra เข้าถึงได้เท่านั้น
ปกติไม่มีทางให้ทีม dev ดูแลกันหรอก ยิ่งพอมาเป็น cloud อีกมีการเสียเงินแบบจริงจัง ก็ต้องแบ่งสิทธิ์กันอีก
system admin ทั่วไป ไม่น่าจะมีโอกาสได้ถือ account ระดับ admin ที่มีสิทธิ์ create/edit permission ได้ง่ายๆหรอก ในบริษัทใหญ่ระดับนี้
ต่อมา AWS ก็น่าจะเป็น account ของ TRUE ใหญ่โดยตรงด้วย เพื่อเปิดให้ บ. ย่อยใช้อีกที
และสุดท้าย TRUE ตั้งตัวเป็นเชี่ยวชาญ AWS และเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ในไทย
แต่กลับ config แบบนี้เนี่ยนะ
เข้าใจว่าเรื่องนี้เงียบไม่ได้ แต่เอาจริงๆ ระดับนั้นยังไงก็ต้องปกปิด อย่างมากก็ทำตาม กสทช. เสียค่าปรับกันไป แล้วถามว่าถึงขั้นเลิกให้บริการเลยมั้ย ยังไงก็ไม่มีทางแน่นอน เพราะมันเสียผลประโยชน์กันเป็นทอดๆ ผู้บริโภคอย่างเราๆก็แก้ไขกันไปเอง
เซ็งเหมือนกันนะแบบนี้