สืบเนื่องจากสถานการณ์ชิปเซ็ตขาดแคลนที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก โดยเฉพาะวงการไอทีที่จำเป็นต้องใช้หน่วยประมวลผลขนาดเล็กในการขับเคลื่อนอุปกรณ์ของตนเอง ทำให้ล่าสุด TSMC ได้ออกมาประกาศแล้วว่า พวกเขามีแผนจะขึ้นราคากระบวนการผลิตชิปเซ็ตแบบขั้นสูง 10% และขั้นรอง 20% จากการรายงานของ The Wall Street Journal

ปัจจุบัน อุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ถือว่าเข้ามามีส่วนสำคัญกับหลากหลายผลิตภัณฑ์มากขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ก็ต้องใช้ชิปเซ็ตหน่วยประมวลผลบางอย่างในการขับเคลื่อนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์บางตัวอยู่ และจากเหตุวิกฤตชิปเซ็ตขาดตลาด ทำให้ตอนนี้หลายฝ่ายจำเป็นต้องเลื่อนการผลิตและการเปิดตัวของสินค้าตัวเองออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากชิ้นส่วนไม่พอ หรือบางแบรนด์อาจจำใจวางขายสินค้าในจำนวนจำกัดแทน ยกตัวอย่าง Xiaomi ที่นำ Mi 11 Ultra มาขายในบ้านเราเพียงแค่ 100 เครื่องเท่านั้น

อย่างไรก็ดี แม้การขึ้นราคาการผลิตชิปเซ็ตของ TSMC ในครั้งนี้ อาจทำให้ราคาสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ รถยนต์ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ IoT ต่าง ๆ มีราคาที่สูงขึ้น แต่ The Verge ก็มองว่า หน่วยประมวลผลเป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยหลายร้อยอย่างที่ผู้ผลิตนำมาคิดคำนวณราคาสินค้าเท่านั้น โดยราคาอาจจะสูงขึ้นจริง แต่อาจมีปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ทั้งนี้ The Wall Street Journal ไม่ได้ระบุว่า Apple ที่เคยมีรายงานว่าพวกเขาได้สั่ง TSMC ผลิตชิปเซ็ตขนาด 5 นาโนเมตร เตรียมใช้กับ iPhone 13 Series ที่กำลังจะเปิดตัวในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน จะได้รับผลกระทบกับการขึ้นราคาการผลิตชิปเซ็ตครั้งนี้หรือไม่ หรือหากได้รับผลกระทบ ผู้บริโภคตาดำ ๆ อย่างเรา จะได้รับผลกระทบ iPhone ขึ้นราคาหรือเปล่า

ก่อนหน้านี้ TSMC ได้ออกมาเตือนว่า ปัญหาชิปเซ็ตขาดแคลนนี้ น่าจะยังคงอยู่กับเราต่อไปจนถึงปีหน้า ซึ่งก็ต้องรอติดตามกันต่อไปว่าสุดท้ายแล้ววิกฤตครั้งนี้จะอ่อนกำลังลงเมื่อไหร่ และการขึ้นราคาครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคมากน้อยแค่ไหน

 

ที่มา: The Verge