แอปวีดีโอสั้นยอดฮิตอย่าง TikTok ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าพอเป็นที่นิยมจนผู้ใช้งานเพียบขนาดนี้ ก็ต้องถูกจับตามองในเรื่องของข้อมูลความปลอดภัยเป็นธรรมดา อย่างก่อนหน้านี้ที่สหรัฐได้แบน TikTok ไปในสมัยรัฐบาลของประธานาธิปดี โดนัล ทรัมป์ เพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นภัยต่อประเทศ ล่าสุดยังโดนรัฐบาลอังกฤษออกมาเตือนเรื่องการละเมิดความเป็นส่วนตัวของเด็กและเยาวชนอีก โดยอาจโดนค่าปรับหนักถึง 27 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
รัฐบาลอังกฤษกำลังจับตามอง TikTok และได้แจ้งเตือนในข้อหาละเมิดสิทธิในความเป็นส่วนตัวของเด็กและเยาวชน ซึ่งหากว่าทำผิดจริงก็อาจมีการปรับหนักถึง 27 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,100 ล้านบาท) สิ่งที่น่าจับตามองคือแอปโซเชียลมีเดียต่าง ๆ มักจะมีการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน โดยเด็ก ๆ ที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปี ที่เข้ามาใช้งานแอปเหล่านี้อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวโดยที่ผู้ปกครองไม่ทราบ และอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวเองได้
สำนักงานคณะกรรมการรวบรวมข้อมูลข่าสารของอังกฤษได้ให้ข้อมูลว่า แอปเหล่านี้อาจไม่ได้ให้ข้อมูลที่ชัดเจนโปร่งใสและเข้าใจได้ง่าย ผู้ใช้งานก็เลยไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องตรงส่วนนี้กันซักเท่าไหร่
สำนักงานคณะกรรมการรวบรวมข้อมูลข่าวสารของอังกฤษมีเอกสารที่รวบรวมข้อมูลไว้ว่า อาจมีการปรับเงิน TikTok เนื่องจากมีข้อมูลเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของอังกฤษและยังได้เปิดเผยอีกว่า TikTok สามารถป้องกันเหตุเหล่านี้ได้ แต่การป้องกันยังไม่ได้มาตราฐานที่ดีพอที่จะผ่านเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการรวบรวมข้อมูลข่าวสาร ประธานกรรมาธิการ John Edwards ได้กล่าวไว้อีกว่า อยากให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และใช้งานโลกออนไลน์แบบปลอดภัย แต่ก็ต้องมีการป้องกันที่ดีควบคู่ไปด้วย
TikTok ออกมาให้ความเห็นว่า บริษัทเข้าใจและรับทราบดีเกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลตามกฎหมายของอังกฤษ แต่ไม่เห็นด้วยกับการประเมินของสำนักคณะกรรมการฯ ซึ่งคำเตือนของอังกฤษมีขึ้นในขณะที่ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ และ TikTok กำลังหารือในการร่างแผนที่จะปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลโดยไม่ต้องให้ทางบริษัทแม่อย่าง Bytedance Inc. เข้ามากำกับดูแลเอง
ซึ่ง TikTok ยังคงตัดสินใจเกี่ยวกับข้อตกลงที่กำลังร่างอยู่ในขณะนี้ ส่วนโฆษกของ TikTok ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว แต่บอกว่าจะสามารถ “ตอบสนองข้อกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ที่สมเหตุสมผลทั้งหมดได้อย่างเต็มที่”
ที่มา: SouthChinaMorningPost
Comment