ช่วงนี้หลายคนน่าจะได้ยินชื่อของชิปเซ็ตจาก UNISOC กันบ่อยมากขึ้น โดยจะไปโผล่อยู่บนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตในระดับเริ่มต้นกันซะเป็นส่วนใหญ่ โดยล่าสุดบริษัทเก็บสถิติได้ออกมาเปิดเผยสถิติที่น่าสนใจของตลาดชิปเซ็ตในจีน พบว่า UNISOC มีการส่งออกชิปเซ็ตมากกว่าเดิมถึง 147 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

CINNO บริษัทฯเก็บสถิติสัญชาติจีน ได้ออกมาเปิดเผยสถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับตลาดชิปเซ็ตในจีนช่วงไตรมาสที่ผ่านมา พบว่าแชมป์ยังคงเป็น MediaTek เหมือนเดิม ส่งออกชิปไปทั้งหมด 28.8 ล้านยูนิต มากกว่าเดิมเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนอยู่ 25% รองลงมาเป็น Qualcomm ส่งออกชิปไปในจำนวนเท่า ๆ กัน ยอดดีขึ้นกว่าเดิม 32%

ในปีนี้ Qualcomm ถือว่าเข้ามามีบทบาทในตลาดสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับกลางมากยิ่งขึ้น และน่าจะเป็นผลพวงมาจากการที่ HiSilicon บริษัทฯในเครือของ HUAWEI ถูกกีดกันการค้า ทำให้ Qualcomm มาแย่งส่วนแบ่งการตลาดมาได้นั่นเอง กลับมาที่ HiSilicon ยอดส่งออกปีนี้ของพวกเขาไม่ดีเอาเสียเลย หายไปถึง 77% เลยทีเดียว

ส่วน Apple ก้าวขึ้นมาติดอันดับสามของตลาดชิปเซ็ตทั่วโลก ส่งออกไปทั้งหมด 9.4 ล้านยูนิต มากกว่าเดิมเมื่อเทียบกับช่วงปีกลายอยู่ราว ๆ 1.3 ล้านยูนิต คาดว่าน่าจะมีผลมาจากการตอบรับที่ดีของ iPhone 13 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อกลางเดือนกันยายนนั่นเอง ไม่แน่วันนึงหาก Apple ตัดสินใจส่งออกชิปเซ็ตให้กับแบรนด์อื่น ๆ น่าจะมาตีตลาดแข่งกับ Qualcomm หรือ MediaTek สนุกอยู่

แต่ที่น่าสนใจสุด ๆ ของตัวเลขสถิติจาก CINNO ก็คือ UNISOC ที่มียอดออก 4.1 ล้านยูนิต ส่วนมากยอดสั่งซื้อมาจาก HONOR อดีตบริษัทฯลูกของ HUAWEI, Nokia และ Doov แบรนด์มือถือจากจีนด้วยกันเอง โดย HONOR Play 5T และ Changwan 20 ต่างมาพร้อมกับชิปของพวกเขาที่ชื่อว่า UNISOC Tiger T610 ซึ่งมีสถานะเป็นตัวเรือธงของค่ายซะด้วย โดยตรงนี้ Galaxy Tab A8 (2021) ก็มีข่าวว่าจะนำชิปนี้ไปใช้เหมือนกัน

โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ UNISOC ถือว่ามีผลดีมาก ๆ ต่อ Tsinghua Unigroup ที่มีศักดิ์เป็นบริษัทฯแม่ของพวกเขา แต่ปัจจุบัน Tsinghua Unigroup ได้ประสบกับปัญหาสถานะเกือบล้มละลาย กำลังมองหานักลงทุนกระเป๋าหนักมาช่วยเซฟบริษัทฯ อยู่ มิเช่นนั้น พวกเขาอาจจะไม่มีทางเลือก นอกจากต้องขาย UNISOC บริษัทชิปที่กำลังมาแรงนี้ทิ้งไป

ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน จีนได้นำเข้าอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์ผลิตชิปเซ็ตจากสหรัฐฯ เข้ามาเป็นจำนวนเงินมากถึง 3.12 แสนล้านเหรียญ และ 2.51 หมื่นล้านเหรียญ ตามลำดับ มากกว่าเดิมเมื่อเทียบกับช่วงปีก่อนถึง 24% และ 35%

 

ที่มา: scmp