หลังจากเพิ่งเปิดตัวสถาปัตยกรรม Armv9 และชิปชุดแรกไปเมื่อประมาณปลายมีนาคมปีที่แล้ว รอบนี้ Arm ได้ประกาศซีพียูชุดใหม่บน Armv9 ในเจเนอเรชันที่ 2 ซึ่งประกอบไปด้วย คอร์เรือธงตัวล่าสุดอย่าง Cortex-X3 และคอร์ประหยัดพลังงาน Cortex-A715 ประสิทธิภาพแรงขึ้น กินไฟน้อยกว่าเดิม แถมยังเซอร์ไพรส์อีกขั้นด้วยการเปิดตัว Immortalis-G715 ชิปจีพียูเรือธงชื่อใหม่และเป็นตัวแรกของ Arm ที่รองรับ Ray Tracing ในระดับฮาร์ดแวร์ พร้อมขนเหล่าทัพจีพียู Mali-G715 และ Mali-G615 มาด้วย ซึ่งก็อัปเกรดความแรงขึ้นมาไม่แพ้กัน
ซีพียู Cortex-X3 และ Cortex-A715
Cortex-X3 พัฒนาขึ้นจากซีพียูตัวท็อปอย่าง Cortex-X2 ที่ใช้บน Snapdragon 8 Gen 1, Exynos 2200 และ Dimensity 9000 ซึ่งเป็นชิปมือถือเรือธงในปัจจุบัน ทาง ARM เผยว่ามีประสิทธิภาพโดยรวมสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 25% พร้อมการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น สามารถให้ประสิทธิภาพเทียบเท่า Cortex-X2 ในขณะที่ใช้พลังงานน้อยกว่า แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดบอกว่าตัวเลขเป็นเท่าไหร่
ทาง Arm ชูจุดเด่นว่า Cortex-X3 มีประสิทธิภาพด้านเธรดเดี่ยวสูงขึ้นกว่าเดิม 34% ซึ่งสูงกว่าชิปล่าสุดบนแล็ปท็อป Windows บางตัวแล้วในปัจจุบัน โดยทาง Android Authority วิเคราะห์ว่าน่าจะแรงเทียบเท่ากับซีพียู Intel Core i7-1260P ที่กินไฟ 28W ได้เลย (ชิปมือถือใช้ไฟรวมไม่เกิน 10W) เพราะตัว Cortex-X2 ก็เคยประเมินและทดสอบว่าแรงกว่า Core i5-1135G7 ถึง 40% มาแล้ว
นอกจากคอร์แรงอย่าง Cortex-X3 ทาง Arm ยังเปิดตัว Cortex-A715 ซึ่งเป็นคอร์ประหยัดพลังงานสำหรับใช้งานคู่กัน พัฒนาขึ้นมาจาก Cortex-A710 ในปีที่แล้ว มีประสิทธิภาพในการจัดการพลังงานที่ดีขึ้นกว่าเดิม 20% แรงขึ้นกว่าเดิมอย่างน้อย 5% และมีความแรงเทียบเท่ากับ Cortex-X1 ซึ่งเป็นคอร์แรงสุดที่ใช้บน Snapdragon 888 เมื่อ 2 ปีที่แล้วอีกด้วย
จีพียู Immortalis-G715, Mali-G715 และ Mali-G615
ถัดมามาดูในฝั่งชิปจีพียูกันบ้าง อย่างที่กล่าวไปว่ารอบนี้มีเซอร์ไพรส์เปิดตัวจีพียูเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Immortalis-G715 ซึ่งเป็นจีพียูตัวแรกของ Arm ที่รองรับ Ray Tracing บนฮาร์ดแวร์เหมือนกับการ์ดจอพีซี ช่วยเพิ่มคุณภาพกราฟิกด้านแสงและเงาให้กับการเล่นเกมมากขึ้น
ตัวอย่างภาพ Ray Tracing บนเกมมือถือ
ทาง Arm ระบุว่า Immortalis-G715 จะเป็นจีพียูแบบ 10 คอร์ มีประสิทธิภาพด้านกราฟิกที่สูงขึ้นกว่าเดิม 300% หรือ 3 เท่า เมื่อเทียบกับจีพียู Mali-G710 ตัวเก่าที่ทำ Ray Tracing ผ่านซอฟต์แวร์อย่างเดียว และจะใช้ shader core area อยู่ที่ 4% เท่านั้นเพื่อไม่ให้การเปิด Ray Tracing ไปรบกวนการจัดการพลังงานของชิปจนเกินไป
ปิดท้ายด้วยจีพียูรุ่นกลางและรุ่นเล็ก เริ่มจาก Mali-G715 ที่พัฒนาขึ้นจาก Mali-G710 มีการเพิ่มคอร์จาก 7 เป็น 9 คอร์ ส่วน Mali-G615 ยังใช้เป็นแบบ 1-6 คอร์เหมือนเดิม ทาง Arm ไม่ได้ระบุว่า 2 ตัวนี้แรงขึ้นกว่าตัวก่อนหน้าตัวเองรุ่นละเท่าไหร่ แต่บอกเป็นประสิทธิภาพโดยรวมของจีพียูเจนนี้ว่าแรงขึ้นกว่าเจนก่อน 15%
ที่สำคัญจีพียูทั้ง 3 ตัวนี้ยังรองรับเทคโนโลยี Variable Rate Shading (VRS) แบบเดียวกับการ์ดจอพีซี ช่วยอัปสเกลภาพกราฟิกให้มีรายละเอียดสูงขึ้นในขณะที่ฮาร์ดแวร์ยังเรนเดอร์ภาพที่ความละเอียดเท่าเดิม ซึ่งจะเสมือนได้ภาพคมขึ้นแบบ 4K ในขณะที่เกมยังเป็น 1080p เมื่อใช้คู่กับ Ray Tracing ก็ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงเรื่องการเล่นเกมแล้ว เพราะถือเป็นอีกก้าวใหญ่ของวงการเกมบนมือถือเลยทีเดียว (แต่ตัวเกมก็ต้องรองรับด้วยนะ)
ผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกตัวของ Arm ที่กล่าวถึงนี้จะถูกนำมาใช้กับชิปใหม่ปี 2023 โดยเฉพาะ Cortex-X3 ที่น่าจะได้เห็นบนชิปเรือธงตัวถัดไปของ Qualcomm อย่าง Snapdragon 8 Gen 2 รวมถึงเรือธงของ Samsung และ MediaTek ด้วย ไว้รอติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมด้วยกันเร็ว ๆ นี้ครับ
ที่มา : XDA-Developers
Comment