ถ้ายังจำกันได้ ในช่วงก่อนที่ Nexus 6 จะเปิดตัว ได้มีข่าวหลุดมาก่อนว่าจะมี Android 5.0 Lollipop, Nexus 6, Nexus 9 แล้วก็ Android Wear 2.0 เปิดตัวในวันนั้น ซึ่ง Android 5.0 Lollipop, Nexus 6 และ Nexus 9 ได้เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นที่ฮือฮากันอย่างมาก จนพากันลืม Android Wear 2.0 กันซะงั้น!!!

       แต่ไม่เป็นไร อะไรก็ลืมกันได้ แม้กระทั่งตัวผมเองเช่นกัน จนกระทั่งเช้าวันนี้เจ้า Moto 360 ได้เด้งเตือนว่ามี System Update ตอนแรกก็นึกว่าเป็นของ Moto X ที่ต่อกับ Moto 360 ไว้ (จะได้ Lollipop แล้วหรอ? ทำไมมาไวจัง) แต่พอดูดีๆแล้วก็พบว่าเป็นของ Moto 360 นั่นเอง

      การอัพเดทก็จะให้ Handheld โหลด OTA ไว้ให้ แล้วส่งผ่านบลูทูธมาอีกทีหนึ่ง และจะต้องชาร์จแบตให้เกิน 80% ไว้ด้วย ถึงจะอัพเดทได้ ที่ต้องเผื่อมากถึง 80% ก็เพราะว่าความจุแบตของ Android Wear นั้นน้อยกว่า Handheld ที่ต้องเผื่อแค่ 50% ด้วยซ้ำ สมมติว่า Handheld มีแบตซัก 1,500 mAh ดังนั้น 50% ก็คือ 750 mAh ในขณะที่ Moto 360 ของผมมีแบตแค่ 320 mAh ดังนั้น 80% ก็คือ 256 mAh เท่านั้น 

      สำหรับการอัพเดทก็เหมือนมือถือปกติเลย กดปุ๊ป รอรีเครื่องแล้วสู่หน้าอัพเดทปกติ

        แต่ก็แอบ Failed กับหน้าจอตอนรอ Restart เล็กน้อย….ตัวเองทำหน้าจอแบบนี้เอง แล้วทำไม UI มันเอ๋อแบบนี้ฟระ!!

       Android Wear 2.0 จริงๆแล้วจะเรียกกันว่า Android 4.4W.2 กันซะมากกว่า เพราะยังไม่ใช่ Major Change มากนักถึงกับข้ามไปเป็นตัวใหม่ ดังนั้นจึงขอเรียกว่า 4.4W.2 แทนนะครับ

      สำหรับคุณสมบัติที่เพิ่มเข้ามาใน Android 4.4W.2 ก็จะมีดังนี้

    • รองรับการเล่นเพลงผ่านตัวเครื่องได้แล้ว
    • สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์บลูทูธตัวอื่นๆได้โดยตรง (เช่น หูฟังบลูทูธ)
    • สามารถใช้งาน GPS ได้แล้ว (ถ้ามี)
    • ที่หน้า Watchface สามารถเลื่อน Notification ลงเพื่อซ่อนได้ (ปกติที่ Watchface ถ้ามี Notification แสดง มันก็จะแสดงตลอดจนกว่าจะลบออก)

 

      สำหรับการเล่นเพลงบน Android Wear จะต้องมีแอพฯติดตั้งไว้ในนี้ด้วย (Moto 360 ไม่ได้มีมาให้) โดยสามารถกำหนดแอพฯที่จะเล่นเพลงได้ เพราะสามารถใช้คำสั่งเสียงว่า “Play Music” เพื่อเล่นเพลงจาก Android Wear ได้เลย แต่ถ้ายังไม่มีแอพฯเล่นไฟล์เพลงก็จะสั่งเปิดแอพฯบน Handheld ขึ้นมาเล่นแทน

        ผลประโยชน์ในเรื่อง GPS และ Music Player ก็จะตกไปอยู่ที่ Sony Smartwatch 3 เป็นหลักเลย เพราะเจ้านั้นประกาศตัวว่าจะใช้เป็น Android Wear ที่สามารถใส่ไปโดยไม่ต้องพกมือถือไปด้วย โดยสามารถใช้ GPS Tracking ระยะทางการวิ่งและฟังเพลงระหว่างวิ่งได้ 

        เนื่องจากเล่นเพลงในตัวได้แล้ว ก็หมายความว่าต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อย่างหูฟังบลูทูธได้ จึงมีเมนู Bluetooth Device เพิ่มเข้ามาใน Settings เพื่อที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆได้ 

      แต่สิ่งที่น่าสนใจสำหรับผมก็คือการที่ Android Wear สามารถต่อกับอุปกรณ์บลูทูธตัวอื่นๆได้เสียมากกว่า เพราะนั่นหมายความว่ามันจะไม่จำกัดอยู่ที่หูฟังบลูทูธเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดแวร์ใดๆก็เชื่อมต่อได้ (แถมเป็น Bluetooth 4.0 อีกด้วย) เวลา Pair แบบเดิมๆที่ต้องพิมพ์ตัวเลขลงไป ก็จะมีการทำหน้าใส่ PIN เข้ามาให้ เพราะบน Android Wear ไม่มีคีย์บอร์ด

      ทำให้ Positioning ของ Android Wear ก็จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จากเดิมที่เป็น Second Screen ให้กับ Handheld (Wear เป็น Slave ส่วน Handheld เป็น Master) ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า Android Wear เริ่มพยายามทำตัวเป็นอุปกรณ์ที่ไปเชื่อมต่อกับอย่างอื่นได้แล้ว (Wear เป็น Master ส่วนอุปกรณ์อื่นๆเป็น Slave)  

      ดังนั้นนักพัฒนาสายฮาร์ดแวร์กึ่งซอฟท์แวร์ (อย่างผม) ก็ร้องเฮได้แล้ว เพราะเอาไปต่อกับอุปกรณ์อื่นๆเพื่อควบคุมได้ (ตอนนี้กำลังยุ่ง เลยยังไม่ได้เล่นอะไรกับฮาร์ดแวร์มากนัก)

      ในตอนนี้ก็จะเริ่มทยอยอัพเดทให้จนครบทุกตัว ซึ่ง Moto 360 น่าจะได้กันครบแล้ว LG G Watch กับ LG G Watch R ก็ด้วย (แต่ LG G Watch ของเพื่อนผมยังไม่เด้งอัพเดทซะที ทั้งๆที่คนอื่นเค้าได้กันแล้ว) ไม่รู้ว่า Samsung Gear Live จะได้อัพเดทแล้วหรือยังนะ (ใครรู้แล้วส่งข่าวด้วย) 

 

      เอ๊ะ! แบบนี้ก็หมายความว่าในอนาคต Android Wear บางรุ่นก็จะถูกลอยแพได้เหมือนกันน่ะสิ!?

 

ขอจบการรายงานข่าวเพียงเท่านี้ครับ 😀

 

      เพิ่มเติม – ดูเหมือนจะเริ่มรองรับ Screen Record แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้ เพราะดูเหมือนตัว Core ยังไม่รองรับ กดบันทึกแล้วเด้งลูกเดียว