McKinsey & Company บริษัทให้คำปรึกษาด้านการลงทุนและอุตสาหกรรมรายใหญ่ของอเมริกา รายงานว่าอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานทักษะสูงในอนาคต เนื่องจากผลสำรวจเมื่อปี 2023 พบว่าพนักงานในสายงานนี้กว่า 50% ให้ความเห็นว่าพร้อมจะลาออกจากงานปัจจุบันภายใน 3 – 6 เดือน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงขึ้นจากผลสำรวจของปี 2021 ถึง 40%

พนักงานส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้ มองว่างานสายเซมิคอนดักเตอร์ขาดการพัฒนาอาชีพ อีกทั้งยังขาดความยืดหยุ่นของสถานที่ปฏิบัติงาน เป็นสองเหตุผลหลักที่ทำให้อยากเปลี่ยนงานไปทำอย่างอื่นแทน

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ พยายามผลักดันอุสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศอย่างมาก ทั้งเสนอเงินสนับสนุนให้บริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุน และออกโปรแกรมฝึกอมรบทักษะให้แรงงานจากความร่วมมือกับภาคการศึกษาและบริษัทเอกชนต่าง ๆ แต่ McKinsey บอกว่าเมื่อเทียบสัดส่วนกันแล้วไม่น่าจะมากพอกับความต้องการ กล่าวคือแรงงานหน้าใหม่ มีน้อยกว่าหน้าเก่าที่อยากลาออก ประกอบกับพนักงานปัจจุบันก็มีอายุเยอะขึ้นเรื่อย ๆ สวนทางกับความต้องการจ้างงานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปีอย่างสิ้นเชิง

McKinsey ชี้ให้เห็นว่าโปรแกรมพัฒนาบุคลากรของสหรัฐฯ ตั้งเป้าว่าจะผลิตวิศวกรได้ประมาณ 12,000 คน และช่างเทคนิค 31,500 คน ภายในปี 2029 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า แต่โรงงานผลิตชิประดับแนวหน้าเพียงแห่งเดียวก็ต้องการวิศวกรและช่างเทคนิคมากถึง 2,550 คนในการดำเนินงานเข้าไปแล้ว (แบ่งเป็น 1,350 และ 1,200 คน ตามลำดับ)

McKinsey ยืนยันว่าสถานการณ์ตอนนี้อยู่ในจุดสุ่มเสี่ยงอย่างแท้จริง แม้จะพึ่งเริ่มต้น แต่ถ้าภาครัฐฯ ไม่เริ่มดำเนินการใด ๆ จะต้องมีปัญหาตามมาแน่ ๆ และไม่ใช่กับแค่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ แต่จะลามไปถึงอุตสาหกรรมอื่นด้วย เช่นอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด และโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที

ที่มา : Bloomberg