ช่วงหยุดยาวแบบนี้แน่นอนว่าหลาย ๆ คนต้องเตรียมตัวไปเที่ยวกันพรุ่งนี้แล้ว (หรือบางคนก็หยุดยาวไปเที่ยวกันตั้งแต่วันเสาร์แล้วมั้ง) และก็น่าจะมีหลาย ๆ คนที่ใช้แอป Google Maps ในการวางแผนก่อนการเดินทางไปที่ต่าง ๆ ที่เราไม่เคยไปมาก่อน และก็คงมีบางคนที่ใช้ Google Maps แล้วดันหลงหนักกว่าเก่า ไปถึงแล้วดันเป็นคนละที่ ถนนแคบ ถนนพาเข้าป่า ฯลฯ วันนี้เราก็เลยขอมาแนะนำฟีเจอร์น่าใช้หลาย ๆ อย่างของแอปนำทางนี้ ที่จะช่วยให้เราเดินทางไปถึงที่หมายได้อย่างถูกต้อง และแม่นยำขึ้นครับ

เปิดแผนที่พร้อมภาพ Street View ในหน้าจอเดียว 

หมดปัญหาขับรถหรือเดินไปถึงที่หมายตาม Maps แล้วกลับพบว่ามันเป็นคนละที่กับที่เราต้องการ เพราะฟีเจอร์นี้จะเปิดทั้งแผนที่และภาพจาก Street View ให้เราดูไปพร้อมกันได้ จะได้เห็นกันไปเลยว่าจุดหมายที่เราปักหมุดไว้คือสถานที่เดียวกับที่เราต้องการไปจริงรึเปล่า

วิธีเปิดก็ง่ายมาก ๆ โดยเมื่อเข้าแอป Google Maps มาแล้วให้กดที่ปุ่มรูปสี่เหลี่ยมซ้อนกันตรงมุมขวาบน

จากนั้นกดเลือกที่ Street View แล้วกลับออกมาที่หน้าจอเดิม (จะเห็นว่าตรงถนนมีเส้นสีฟ้าพาดอยู่)

จากนั้นก็ค้นหาจุดหมายที่เราต้องการตามปกติ เมื่อได้แล้วก็แตะค้างเอาไว้ตรงจุดที่เราต้องการไป จะมีภาพ Street View โผล่ขึ้นมาตรงมุมซ้ายล่าง ก็ให้กดซะ…เท่านี้ก็จะมีภาพของถนนบริเวณนั้นโผล่ขึ้นมาบนหน้าจอครึ่งบน ในขณะที่หน้าจอครึ่งล่างเป็นแผนที่ตามปกติ

แตะที่ภาพ Street View

โดยเราสามารถแตะค้างที่เส้นถนนบนแผนที่เพื่อไปยังบริเวณที่ต้องการก็ได้ หรือจะกดที่ลูกศรบน Street View เพื่อค่อย ๆ ขยับไปบนถนนเพื่อหาจุดหมายที่เราต้องการก็ได้ครับ แค่นี้ก็สามารถเช็คได้แล้วว่าจุดหมายที่เราจะไปมันคือที่เดียวกับที่ต้องการรึเปล่า

เพิ่มจุดแวะระหว่างทาง

จะเดินทางไปไหนแต่ละที ยิ่งช่วงไปเที่ยวเนี่ยไกล ๆ กันเนี่ย…บางทีมันก็อยากแวะไปจุดชมวิว แวะซื้อของฝาก หรือแวะร้านอาหารชื่อดังระหว่างทางกันบ้างแหละ แต่ถ้าต้องมาคอยกดหาจุดหมายแยกแต่ละครั้งก็ดูจะไม่สะดวก แถมยังคำนวณยากอีก ว่าทริปนี้หลังจากแวะนู่นแวะนี่แล้วจะต้องขับเป็นระยะทางไกลแค่ไหน ซึ่งเราก็สามารถเพิ่มจุดแวะให้กับทริปของเราได้ง่าย ๆ ผ่าน Google Maps เลย

ตัวอย่างเช่นเราตั้งจุดหมายเอาไว้แล้วว่าจะไปเที่ยวหัวหิน แต่ระหว่างทางก็อยากจะแวะคาเฟ่สวย ๆ ซัก 2 – 3 ที่ ก่อนเข้าที่พัก ก็ให้กดที่เมนู (สามจุดมุมขวาบน) จากนั้นเลือก Add stop แล้วพิมพ์สถานที่ที่เราต้องการแวะซะ

เท่านี้จุดแวะก็จะเพิ่มเข้ามาในทริปของเราแล้ว โดยเราสามารถกดค้างที่สัญลักษณ์ 2 ขีด ด้านขวาแล้วขยับลำดับขึ้นลงได้ตามใจเลยว่าอยากแวะที่ไหนก่อน โดยจะเรียงตามอักษร A B C D ไปเรื่อย ๆ และจะมีข้อมูลของระยะทางทั้งหมดโชว์ให้ดูตรง Total trip ว่าจากจุดเริ่มต้น > จุดแวะ > ที่หมาย รวมแล้วเป็นระยะทางและใช้เวลาเท่าไหร่ครับ

เลื่อนจุดแวะได้ว่าจะไปจุดไหนก่อน จุดไหนหลัง

ให้ Google Maps จำจุดจอดรถให้

ฟีเจอร์นี้เหมาะกับคนขี้หลงขี้ลืมสุด ๆ (ผมด้วย 555) เวลาไปเที่ยวตามสถานที่ที่ต้องจอดรถในลานกว้าง ๆ เวลาเที่ยวเสร็จกลับมาแล้วลืมทุกทีว่าจอดเอาไว้ตรงไหน เดินหากันให้วุ่นไปหมดกว่าจะเจอ…ก็อาศัยเจ้า Google Maps นี่แหละมาช่วยจำให้ว่าเราจอดรถไว้ตรงไหน

โดยตอนที่เราจอดรถเรียบร้อยแล้ว ให้เปิด Google Maps ขึ้นมาแล้วแตะตรงจุดสีฟ้าซึ่งก็คือตำแหน่งปัจจุบันของเรา จากนั้นก็กดที่ Save parking เป็นอันเรียบร้อย

กดตรงจุดสีฟ้าที่เป็นตำแหน่งปัจจุบันของเรา แล้ว Save parking ได้เลย

พอเราเที่ยวเสร็จแล้วเปิด Google Maps ดูอีกทีก็จะเจอกับเครื่องหมาย P อยู่บนแผนที่ ก็คือจุดจอดรถที่เราได้บันทึกเอาไว้นั่นเองครับ (ฟีเจอร์นี้ใช้ได้เฉพาะลานจอดรถนอกอาคารเท่านั้นนะครับ ถ้าจอดรถในตึกให้ถ่ายรูปเอาไว้แทนนะ ว่าจอดตรงชั้นไหนล็อคไหน 555) หากต้องการลบจุดจอดรถออกก็แตะไปที่ P แล้วกด Clear ได้เลย

เวลาจะลบจุดจอดรถออกก็ให้กดที่ P แล้วกด Clear ได้เลยครับ

ดาวน์โหลดแผนที่มาเก็บในเครื่อง ดูได้ไม่ต้องใช้เน็ต

ถ้าใครกลัวว่าขับรถอยู่ดี ๆ แล้วเน็ตหลุดหรือเน็ตหมดขึ้นมากลางทางแล้วจะหลงทางไปไหนต่อไม่ได้ วิธีง่าย ๆ ก็แค่ดาวน์โหลดแผนที่มาเก็บไว้ในเครื่องซะเลย (ดาวน์โหลดด้วย WiFi มาเก็บในมือถือก่อนออกเดินทาง) โดยในหน้าแรกของ Google Maps ให้กดที่รูป Profile ของเรา และเลือก Offline maps > Select your own map

จากนั้นให้เลือกบริเวณของแผนที่ที่เราต้องการเก็บไว้ในเครื่อง (ใช้นิ้วแหวกซูมออกได้) ตัวอย่างเช่นจะไปหัวหินก็ให้ซูมออกจนครอบคลุมระหว่างจุดที่เราอยู่และจุดหมาย และกดดาวน์โหลดได้เลย โดยด้านล่างจะมีบอกว่าขนาดของแผนที่ที่ดาวน์โหลดจะกินพื้นที่ในเครื่องเท่าไหร่ด้วย

เลือกบริเวณของแผนที่ที่ต้องการดาวน์โหลด (ใช้นิ้วถ่างเอา)

เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้วก็ออกมาดูตรงหน้า Offline maps จะเห็นว่ามีไฟล์แผนที่โผล่มาแล้ว ก็ทดสอบดูได้เลยว่ามันยังสามารถนำทางได้รึเปล่า ด้วยการเปิด Airplane mode แล้วนำทางไปยังจุดหมายที่เราต้องการ จะเห็นว่ามันยังสามารถนำทางให้เราได้ตามปกติ แต่จะไม่มีข้อมูลการจราจรให้ดูเท่านั้นเองครับ

ไม่มีเน็ตก็ยังนำทางได้อยู่ แต่จะไม่มีข้อมูลการจราจร

วัดระยะทางจากจุดนึงไปยังอีกจุดนึง

ฟีเจอร์สำหรับวัดระยะทางจากจุดนึงไปยังอีกจุดนึง ซึ่งเราสามารถจิ้มเลือกได้บนแผนที่เลยว่าถ้าเราเดินจากจุด A ไปยังจุด B แล้วเดินต่อไปยังจุด C D E อีก จะเป็นระยะทางไกลแค่ไหน วิธีทำก็คือให้เราจิ้มค้างไว้ตรงบริเวณที่ต้องการเพื่อเป็นการปักหมุด

จิ้มค้างเพื่อปักหมุด

จากนั้นปัดหน้าจอขึ้นมาแล้วเลือก Measure distance ก็จะกลับมาที่หน้าแผนที่เดิม ทีนี้ก็ให้เราใช้นิ้วลากบนหน้าจอเพื่อวัดระยะทางจากหมุดที่เราปักไว้ได้ทันที

ซึ่งหากว่าต้องการเลี้ยวตรงจุดไหนก็กด Add point แล้วลากเส้นไปในทิศทางอื่นต่อได้เลย

หน่วยวัดระยะทางเข้าไปเปลี่ยนได้ที่ Profile > Settings > Distance units > Kilometers

เปลี่ยนลูกศรนำทางให้เป็นรถยนต์ 3D 

อันนี้ไม่ใช่ฟีเจอร์ที่จะมาช่วยในการนำทาง แต่เป็นลูกเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เข้ามาเพิ่มสีสันให้กับการใช้งาน Google Maps ขึ้นมา โดยเราสามารถเปลี่ยนลูกศรนำทางให้กลายเป็นโมเดลรถ 3D น่ารัก ๆ ได้นั่นเองครับ วิธีง่าย ๆ เลยก็แค่เข้าโหมดนำทางตามปกติ

แตะที่ลูกศรนำทาง

จากนั้นแตะไปที่ลูกศรก็จะมีตัวเลือกเป็นรูปรถ 3D มาให้เลือกได้ทั้งหมด 3 แบบ ก็แตะเอาคันที่ต้องการได้เลย…แค่นี้แหละง่าย ๆ (แต่อาจจะมีปัญหานิดนึงนะ เพราะโมเดลรถมันใหญ่ไปนิด บางทีก็บังซอยที่เราจะเลี้ยวแล้วขับเลยซะนี่ 555)

แม้ว่าแอป Google Maps จะมาช่วยให้การเดินทางไปไหนมาไหนของเราสะดวกมากขึ้น แต่ก็ต้องคอยระวังกันให้ดีนะครับ หากต้องเดินทางไปตามพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคยก็อย่าใช้ความเร็วมากนัก คอยสังเกตดูด้วยว่าถนนที่จะไปมันปลอดภัยรึเปล่า ถ้ามันมืดก็ขับเบา ๆ ถ้ามันพาเข้าป่าเข้าพง หรือถนนแคบจนไม่ชัวร์ก็เปลี่ยนเส้นทางซะ อาจจะไกลขึ้นแต่ก็ชัวร์กว่า…ขอให้เดินทางโดยปลอดภัยนะครับ!