Replies from HoLY CoMM@nDo
หลังจากตามหา APN เพื่อมาเซ็ตค่า ก็ทำให้สามารถใช้งานเน็ต 3G ได้แล้วครับ ขอบคุณที่บอกใบ้ข้อมูลให้ครับ
ก็งงว่าทำไมที่ผ่านๆ มาอัพเดต Android ทั้งเครื่อง GALAXY S II และ GALAXY Note II ไม่มีปัญหาเรื่องเน็ต 3G เลย คงเพราะผมอัพเดตผ่าน Kies ซึ่งเป็นการอัพเดตของเก่าล่ะมั้ง ก็เลยมี APN อยู่มาตลอด แต่พอมาลงผ่าน Odin แล้วก็ wipe data/factory reset ล้างเกลี้ยง ก็เลยทำให้ข้อมูล APN ถูกลบหายไปด้วย
ตามความคิดของผม ผมว่าแบบเก่าดูมีระเบียบมากกว่านะ มีเส้นแบ่งชัดเจนทั้งแถวและคอลัมน์ การใช้งานก็รองรับได้หลากหลายจาก BBcode ทำให้จัดรูปแบบได้หลากหลาย เล่นอักษรยังไงก็ได้ เพื่อเน้นข้อความ ซึ่งบอร์ดรูปแบบใหม่นี้ ผมยังไม่เห็นแท็กสีเลย ทำให้งงว่าจะเน้นข้อความยังไง
สิ่งที่อยากถามต่อไปนี้คือ
1. พวก BBcode สามารถใช้ได้หรือเปล่าครับ? เพราะบทความเก่าๆ ที่เคยใส่ BBcode เช่น Name LINK (URL), [color=สี][/color] ฯลฯ มันจะไม่ทำงาน และทำให้กระทู้และโพสต์ต่างๆ เห็นเป็นรูปแบบ BBcode ซอกแซกเต็มไปหมดแทนอ่ะครับ เหมือนกับกระทู้นี้ที่ผมโพสต์ http://forum.droidsans.com/view/122119
2. การจัดเรียงรายการกระทู้แต่ละห้อง ถูกตั้งค่าแรกเริ่มไว้แบบไหนครับ? …จัดเรียงตามวันที่ตั้งกระทู้ (เหมือน Pantip.com คือกระทู้ใหม่ๆ จะอยู่บนสุดเสมอ ระบบขุดกระทู้ไม่สามารถใช้ได้) หรือจัดเรียงตามวันที่ตอบ (แบบเว็บบอร์ดทั่วไป คือขุดกระทู้ขึ้นมาตอบต่อได้ ทำให้กระทู้ไหนนิยมก็มักจะอยู่บนสุดแทบจะตลอด)
3. ช่อง Search กระทู้/โพสต์ อยู่ไหนหรือครับ ผมจะหาข้อมูลกระทู้เก่าๆ อย่าง ROM E-team ของ Note II ที่มันตกหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้อ่ะครับ
สิ่งที่อยากเสนอแนะ
1. อยากให้รองรับ BBcode เหมือนเดิมด้วย (หรืออาจเพิ่มตามการรองรับ html ได้ด้วย)
2. อยากให้รายการกระทู้จัดเรียงตามวันที่ตอบ จะได้ทำให้กระทู้ที่กำลับพูดคุยกันไม่ตกหายไปไกลครับ (เช่น ผมติดตามกระทู้ Mod ROM ของ Note II ตัวหนึ่งอยู่ ตอนนี้ผมหาไม่เจอเลย ไม่รู้ตกไปไหนแล้ว ซึ่งถ้ามีคนโพสต์ล่าสุดมันจะขึ้นมาอยู่ที่กระทู้บนสุด)
3. อยากให้ WYSIWYG หรือก็คือกล่องเขียนกระทู้/ตอบคอมเมนต์ ผมอยากให้สามารถสลับโหมดระหว่าง Source Mode (กระทู้จะเห็น BBCode แทรกเวลาที่จะจัดรูปแบบข้อความเต็มไปหมด ไมว่าจะแท็ก [color=สี] [/color], , (ลิงก์)) และ Format Mode (ก็คือที่ใช้อยู่นี้แหละ หรือง่ายๆ ก็คือจัดรูปแบบใน MS.Word) ใน Source Mode มันจะทำให้เราจัดรูปแบบได้ละเอียดขึ้นด้วย
ช่วยพิจารณาด้วยนะครับ
เรียบร้อยโรงเรียน GALAXY S II ครับ หลังทำเสร็จก็ได้ตามภาพนี้เลย (เครื่องผมรหัส GT-I9100T ครับ)
*** ข้อมูลเกี่ยวกับการแบ่ง Partition ของ GALAXY S II ***
สิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้เครื่อง GALAXY S II ควรรู้คือ Memory ของเครื่อง GALAXY S II นั้น มีการแบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน คือ System Storage 2 GB และ USB Storage ประมาณ 12 GB โดยที่
System Storage มีไว้สำหรับเป็นที่อยู่ของไฟล์แอพฯ ที่เราติดตั้ง หากเต็มก็จะติดตั้งไม่ได้
USB Storage มีไว้สำหรับเก็บไฟล์ทั่วไปรวมถึงข้อมูลแอพฯ ที่ติดตั้งบางส่วนด้วย
อ้าว… เครื่องมี Storage 16 GB ไม่ใช่หรือ? แล้วอีก 2 GB ไปไหน?
พื้นที่ที่หายไปหรือพื้นที่ที่มองไม่เห็นนั้น ถูกกันพื้นที่เอาไว้สำหรับข้อมูลไฟล์ระบบปฏิบัติการ Android ครับ
*** เกริ่นซะหน่อย ***
นี่เป็นสิ่งที่ผมรับรู้มาจากการใช้งาน GALAXY S II คือตอนแรกๆ ที่ใช้ก็ OK นะ ติดตั้งแอพฯ ได้เรื่อยๆ แต่พอติดตั้งมากๆ เข้า ก็พบปัญหาเรื่อง System Storage ไม่เพียงพอ ทำให้ต้องพึ่งพาฟีเจอร์ย้ายแอพฯ ไปยัง USB Storage หรือแอพฯ App to SD เข้ามาช่วยดูว่าแอพฯ ไหนมีพื้นที่เท่าไไหร่บ้าง จะได้จัดการย้ายได้ง่าย …แต่ก็ใช่ว่าระบบมันจะย้ายไปทั้งแอพฯ นะครับ ระบบจะย้ายเพียงข้อมูลบางส่วนที่คิดว่าไม่จำเป็นต้องอยู่ใน System Storage หรือมีขนาดใหญ่ไปเท่านั้น ส่วนข้อมูลแอพฯ หลักๆ ยังต้องอยู่ที่ System Storage ดังเดิม ส่วนใหญ่ย้ายได้ก็จะย้ายไป แต่ปัญหาก็ยังไม่จบ คือเจ้าข้อมูลแอพฯ ที่ยังอยู่ใน System Storage นี้ล่ะ พอลงแอพฯ มากๆ เข้าก็ติดปัญหาแอพฯ เต็มได้เหมือนกัน มิหนำซ้ำหาก System Storage อยู่ในสถานะใกล้เต็ม แล้วมีการอัปเดตแอพฯ จาก Play Store ตัวแอพฯ ที่มีการอัปเดตต่างๆ มักจะติดตั้งไม่ได้ เพราะระบบแจ้งว่ามีพื้นที่ติดตั้งไม่เพียงพอ แต่ผมก็งงว่าทำไมไม่เพียงพอ แต่พอมาดูจากพฤติกรรมต่างๆ ของการอัปเดตแอพฯ ก็ทำให้พอจับจุดได้ว่า เวลาอัปเดตแอพฯ นั้น ตัวแอพฯ จะมีการดึงข้อมูลแอพฯ จาก USB Storage ที่เราเคยย้ายนั้นกลับมาด้วย แล้วจึงอัปเดต ทำให้เกิดปัญหาพื้นที่ System Storage ไม่เพียงพอต่อการติดตั้ง ซึ่งสร้างความรำคาญต่อการใช้งานมาก เพราะต้องมาเสียเวลาไล่ลบแอพฯ ออก เพื่อให้ได้พื้นที่เพียงพอต่อการติดตั้งแอพฯ ที่มีการอัปเดตนั้นๆ (อันนี้ผมไม่แน่ใจนะเป็นทุกแอพฯ หรือเปล่า แต่ผมเห็นมีบางแอพฯ ที่ผมย้ายไปแล้ว อยู่ในสถานะยังไม่ถูกย้าย ซึ่งส่วนใหญ่มักมาจากการอัปเดตทั้งสิ้น)
หลังจากที่ได้มาเห็นกระทู้นี้ ทำให้เกิดความสนใจขึ้นมา เพราะนี่คือการทำลายข้อจำกัดเรื่องการมีพื้นที่ติดตั้งแอพพลิเคชันไม่เพียงพอ ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเครื่อง GALAXY S II ก็จะดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันที แถมมิหนำซ้ำ นี่เป็นโทรศัพท์ Android เครื่องแรกของผมด้วย ดังนั้นจะมาตายง่ายๆ เพียงเพราะติดตั้งแอพฯ ได้น้อยแบบนี้ไม่ได้ ผมจึงได้ทำการเคลียร์ข้อมูลเครื่องทั้งหมด แล้วเตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะลงมือทำ …ซึ่งตอนที่ทำนั้นผมยอมรับนะว่าผมกลัวเรื่องที่เจ้าของกระทู้เจอบูตวนเหมือนกัน แต่ก็เอาน่ะ…ลองดีกว่า ถ้าทำตามขั้นตอนโดยไม่มีการผิดพลาด ยังไงก็ต้องผ่านไปได้ด้วยดี (เหมือนอัปเดต Custom Firmware เครื่องเกม PSP) ซึ่งก็จริงครับ สุดท้ายผมผ่านไปได้ด้วยดีทุกอย่างเลย แต่จะเจอปัญหาก็ตอนทำจนผ่านขั้นตอน Re-Partition เสร็จไปแล้ว ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ไปของผมนี่แหละ จะแตกต่างจากวิธีที่เจ้าของกระทู้ได้ลงเอาไว้ ทำให้ผมต้องไปศึกษาเพิ่มเติมจาก XDA ซึ่งเป็นผู้ลงไฟล์ PIT นี้อีกทีด้วย (ซึ่งก็ศึกษาแบบถูไถกันไป เพราะผมไม่ได้เก่งอังกฤษ) ซึ่งหลังจากที่ลองศึกษาแล้วลองๆ ทำแบบจับจุดเอาไปเรื่อยๆ …ในที่สุดก็ทำให้ผมได้พื้นที่ติดตั้งแอพฯ เพิ่มขึ้นมาตามที่ต้องการแล้ว แถมไม่ต้องพึ่งแอพฯ อย่าง App to SD ใดๆ อีกแล้วด้วย มิหนำซ้ำถ้าหากรู้สึกว่าพื้นที่ติดตั้งแอพฯ 6 GB นี้ไม่เพียงพอ แต่ USB Storage เหลือบาน ผมก็เพิ่มเป็น 8-10 GB อีกภายในภาคหน้าได้อีกด้วย (ถ้าเครื่องและไฟล์ PIT ที่ใช้ปรับ Partition รวมถึง Firmware ไม่ถูกลบหายหรือสึกหรอไปซะก่อนนะ) เพียงแค่นี้ก็ทำให้ยืดอายุเครื่อง GALAXY S II ของผมไปได้อีกนานตามที่เจ้าของกระทู้บอกเลยครับ
*** หมายเหตุ ***
การปรับ System Storage ให้เพิ่มขึ้นนั้น เราจะต้องยอมเสียพื้นที่ USB Storage เพื่อนำไปเพิ่มพื้นที่กับ System Storage นะครับ ดังนั้นควรจะคำนวณพื้นที่ System Storage ที่เราคิดว่าจะใช้ให้เหมาะสมด้วยนะ เพราะเนื่องจากระบบการติดตั้งแอพฯ ของ GALAXY S II นั้น บางแอพฯ มันจะมีการนำข้อมูลไฟล์บางส่วนลงไปลงไว้ที่ USB Storage ด้วย (โดยเฉพาะพวกไฟล์แอพฯ ใหญ่ เช่น เกม ซึ่งมันจะแยกส่วนของ Data มาไว้ใน USB Storage) หากพื้นที่ USB Storage น้อยเกินไป ก็จะทำให้การติดตั้งแอพฯ ไม่สามารถติดตั้งได้นะครับ
———————————————-
เอาล่ะ…เกริ่นมาซะยาว มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ แต่ก่อนอื่นผมขอบอกก่อนนะครับว่า ขั้นตอนการติดตั้งของผมนั้นอาจจะต่างจากเจ้าของกระทู้ในรายละเอียดนะครับ ซึ่งผมก็ได้เรียบเรียงใหม่ เนื่องจากผมทำไปพร้อมกับเก็บข้อมูลไปด้วยครับ และอีกอย่างก็คือ ขั้นตอนการทำทั้งหมดนี้ ผมใช้รอมศูนย์เป็นหลักนะครับ (Official Firmware) ใครใช้รอมโมฯ หากอยากลองฝีมือก็ตามสบายครับ มีไฟล์ PIT สำหรับรอมโมฯ ลงไว้ให้ด้วย แต่หากใครไม่กล้าพอ ก็กลับมารอมศูนย์ก่อน แล้วจึงค่อยไปลงรอมโมฯ ทีหลังก็ได้ครับ
:: สิ่งที่จะได้หลังจากที่เราทำเสร็จแล้ว ::..
>> ได้ Android เวอร์ชั่น 4.1.2 (เพราะใช้ Official Firmware Android 4.1.2)
>> พื้นที่ System Storage ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ติดตั้งแอพฯ ได้มากขึ้น
>> พื้นที่ USB Storage ที่ลดลง เนื่องจาถูกแบ่งไปให้กับ System Storage
:: สิ่งที่ต้องทำก่อนจะเริ่มปรับขนาด Partition ของ System Storage ::..
>> ใจที่พร้อมยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องของคุณ (ถ้าทำตามทุกขั้นตอนอย่างสมบูรณ์ก็ไม่ต้องกลัวครับ)
>> สำรองข้อมูล (Backup) ในเครื่องเอาไว้ให้เรียบร้อย
>> โหลดโปรแกรม Odin3 เวอร์ชั่นที่รองรับกับ GALAXY S II (ในที่นี้ใช้ Odin3 v1.85 (http://www.datafilehost.com/d/80d27d20) ตามเว็บ XDA ต้นฉบับ)
>> โหลด Official Firmware ของ GALAXY S II ตัวล่าสุดตามรุ่นของเครื่องคุณจากเว็บที่สะดวก หรือจากลิงก์ที่ผมหาให้ดังนี้
I9100TDCLSD_I9100TTHLLSD – สำหรับใช้กับเครื่อง truemove, dtac (GT-I9100T)
TeraFile.co Mirror (http://terafile.co/87d414930d37) – เลื่อนหน้า Page ลงมา แล้วคลิกปุ่ม Regular สีเทาที่คอลัมน์ Free > หน้าถัดมาจะมีป๊อบอัปบังอยู่ ให้คลิก X ที่แถบสีเขียวเพื่อปิด > พิมพ์ CAPTCHA ที่เห็น คลิก Create Download Link
RapidGator Mirror (http://rapidgator.net/file/eebc6c5afdf87afec500b94ec8338476) – คลิกปุ่ม SLOW SPEED DOWNLOAD สีเทา
MediaFire Mirror (http://www.mediafire.com/download/y8nsu2u2mepaize) (Re-Upload by sctarnza)
I9100DXLSD_I9100OLBLSD – สำหรับใช้กับเครื่อง AIS (GT-I9100)
Dev-Host Mirror (http://d-h.st/qh6#.U4a1zyhLWZS) – ต้องระวังนิดนึง เพราะมี Ads ปุ่ม Download หลอกเอาไว้ด้วย ซึ่งปุ่ม DOWNLOAD จริง จะมีสีดำขนาดไม่ใหญ่นัก/ปุ่มเปลี่ยนสีเมื่อนำเมาส์ไปชี้/อักษร Download ในปุ่มสามารถลากแถบสีได้
หมายเหตุ: ตัวเฟิร์มแวร์ I9100 จาก Dev-Host นี้ ผมไม่แน่ใจว่าใช่เฟิร์มแวร์ตัวนี้หรือเปล่านะครับ เพราะหลังจากที่ hotfile ถูกปิดไปก็ทำให้ไม่สามารถโหลดได้อีก แล้วยังมีเว็บอย่าง live.samsung-updates.com อีก ที่ผมไม่เห็นภายในเว็บว่ามีลิสต์เฟิร์มแวร์ของ I9100 ของประเทศไทยเลย (มีแต่ I9100T) มิหนำซ้ำ ผมก็ไม่ยักกะมีใครอัพโหลดเพิ่มเติมอีกเลยด้วย ดังนั้นหากใครรู้ว่าไฟล์จาก Dev-Host ถูกต้องก็ใช้งานได้เลยครับ แต่หากไม่ใช่ ก็ไม่ต้องเสี่ยงนะครับ
>> โหลดไฟล์ PIT ที่จะเอาไว้ทำการปรับขนาด Partition จากเว็บ XDAp (http://forum.xda-developers.com/galaxy-s2/development-derivatives/mod-partition-internal-memory-app-t2538947) นี้เลยครับ หรือถ้าหาไม่เจอก็กดจากลิงก์นี้ก็ได้
i9100 Pit Files 3GB – 8GB Collection by metalgearhathaway.zip (http://forum.xda-developers.com/attachment.php?s=8a6808c29b918f671342c82509e620a2&attachmentid=2593141&d=1393021963)
i9100 Pit Files 1GB & 9-12GB Collection by metalgearhathaway.zip (http://forum.xda-developers.com/attachment.php?s=8a6808c29b918f671342c82509e620a2&attachmentid=2593142&d=1393021963)
อันนี้สำหรับคนที่ใช้ ROM Modified (ผมไม่ได้ทดสอบนะ ใครมาสายโมฯ ก็เชิญเลยครับ)
i9100 Preload Area Moddified Pit Files – NOT FOR STOCK ROMS!.zip (http://forum.xda-developers.com/attachment.php?attachmentid=2593140&d=1393021963)
ถ้าเผื่อต้องการกลับไป 2GB คืน ก็ให้โหลดตัวนี้ไปด้วย
Stock i9100 2gb Pit.zip (http://forum.xda-developers.com/attachment.php?s=8a6808c29b918f671342c82509e620a2&attachmentid=2414391&d=1385411916)
:: หากพร้อมแล้ว ก็มาเริ่มกันเลยครับ ::..
1. เปิดโปรแกรม Odin ขึ้นมา แล้วทำตามดังภาพนี้
– ติ๊กถูกที่ Re-Partition เพิ่ม (ปกติจะมีการติ๊ก Auto Reboot กับ F. Reset Time อยู่แล้ว)
– คลิกที่ปุ่ม PIT แล้วเลือกไฟล์ I9100_?GB.pit (? คือขนาดพื้นที่ที่เราจะปรับ)
– ติ๊กถูกที่ PDA แล้วคลิกที่ปุ่ม PDA แล้วเลือก Official Firmware จากโฟลเดอร์ที่เราแตกไฟล์ ซึ่งก็คือ .TAR.md5
2. ต่อสาย USB เข้ากับเครื่องโทรศัพท์ GALAXY S II และคอมพิวเตอร์
3. ปิดเครื่อง GALAXY S II (เมื่อปิดสนิทแล้ว จะขึ้นรูปแบตเตอรี่กำลังชาร์จ)
4. เมื่อเครื่องปิดสนิทแล้ว ให้กดปุ่ม Home + Power (เปิด/ปิดเครื่อง) + Volume down (ปุ่มลดเสียง) ค้างเอาไว้ จนกว่าจะขึ้นหน้า Warning!! ดังภาพ
5. กดปุ่ม Volume up (ปุ่มเพิ่มเสียง) เพื่อต่อไปยังหน้า Odin Mode
6. กลับไปที่ภาพโปรแกรม Odin ในข้อ 1 โดยสังเกตที่ ID:COM ช่องแรก จะขึ้นแถบสีเหลืองว่า 0:[COM5] (เครื่องของคุณอาจจะไม่เห็นเป็น COM5 ก็ได้นะ) และช่อง Message ขึ้นว่า Added!! แสดงว่าคอมพิวเตอร์มองเห็นเครื่อง GALAXY S II เชื่อมต่อมาแล้ว ให้กดปุ่ม Start เพื่อเริ่มดำเนินการได้เลย
*** ในระหว่างที่กำลังดำเนินในขั้นตอนนี้ ทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่อง GALAXY S II ของคุณ จะต้องไม่ดับหรือขาดการติดต่อกันนะครับ
7. เมื่อดำเนินการเสร็จ ระบบจะทำการ Restart ให้เองโดยอัตโนมัติและบูตเข้าหน้าจอหลักของ GALAXY S II …ตรงจุดนี้ทำเอาผมซึ่งเป็นคนที่ไม่เคยลง ROM ผ่าน Odin อะไรแบบนี้มาก่อนต้องแปลกใจครับ เพราะระบบมันยังไม่ได้ถูก Factory Reset ครับ ทุกอย่างยังเหมือนเดิมหมดเลย ไม่ว่าหน้าตา Home Screen, แอพฯ ในเครื่องเราที่โหลดมาใช้, วอลเปเปอร์ หรือแม้แต่ System Storage ที่ยังคงมีพื้นที่ 2 GB เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ผมเข้าใจว่า F. Reset Time ที่ติ๊กเอาไว้ที่ Odin มันน่าจะหมายถึงการ Factory Reset (คืนค่าโรงงาน) หรือผมเข้าใจผิดไปเอาว่า F. Reset Time คือ Factory Reset น้อ… แต่เอาเถอะ อย่างน้อยๆ มันก็มีอยู่อย่างหนึ่งแน่ๆ ล่ะที่เห็นความเปลี่ยนแปลง ซึ่งนั่นก็คือ USB Storage ครับ หลังจากที่มีการปรับ Partition แล้ว ระบบจะมีการแจ้งให้เราฟอร์แมต USB Storage นี้จาก Statusbar ครับ โดยให้เราลาก Statusbar ลงมา เพื่อดู Notification แล้วแตะที่ไอคอนรูปคล้ายๆ การ์ด SD แล้วแตะปุ่มฟอร์แมต (Format) เพื่อล้างข้อมูลให้หมดครับ เพียงแค่นี้ พื้นที่ USB Storage ก็จะกลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้ว พร้อมกับพื้นที่ที่ลดลงตามการแบ่งสันปันส่วนให้กับ System Storage ครับ
เอาล่ะ มาต่อกันเรื่องเห็น System Storage 2 GB เจ้าปัญหากันครับ พร้อมกับแอพฯ ต่างๆ ที่ยังคงอยู่กับเราเช่นเดิม (เห็นแบบนี้แล้ว หลายๆ แอพฯ รันไม่ได้แล้วนะ เพราะข้อมูลบางส่วนจะถูกเก็บเอาไว้ที่ USB Storage ด้วย ทำให้แอพฯ ดึงข้อมูลจาก USB Storage มาใช้งานไม่ได้ และเกิด Force Close) …ว่าแต่ เราจะทำอย่างไร? จึงจะทำให้ System Storage มองเห็นพื้นที่เท่ากับที่เราได้ปรับ Partition ?
ไม่ยากครับ… เราก็จับ wipe data/factory reset ซะก็จบเรื่อง …ซึ่งเราจะทำในขั้นตอนถัดไปนี้ ผ่าน Android recovery system ครับ
8. ให้ปิดเครื่องอีกครั้ง แล้วกดปุ่ม Home + Power (เปิด/ปิดเครื่อง) + Volume up (ปุ่มเพิ่มเสียง) ค้างเอาไว้จนกว่าจะเข้าหน้า Android system recovery ดังภาพ (หรือปล่อยนิ้วจากปุ่มทั้ง 3 เมื่อขึ้นหน้าจอ Samsung GALAXY S II GT-I9100T ครั้งที่ 2 ก็ได้ครับ)
9. ที่หน้าจอ Android system recovery นี้ การควบคุมจะเป็นดังนี้
• ปุ่ม Volume down (ลดเสียง) คือ เลื่อนลงล่าง
• ปุ่ม Volume up (เพิ่มเสียง) คือ เลื่อนขึ้นบน
• ปุ่ม Power (เปิด/ปิดเครื่อง) คือ ตกลง (Enter)
เอาล่ะ มาเริ่มกันเลยครับ
9.1 เลื่อนไปที่ wipe data/factory reset แล้ว Enter (ดังภาพในข้อ 8.)
9.2 เลื่อนไปที่ Yes — delete all user data แล้ว Enter เพื่อสั่งล้างข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมด
9.3 เสร็จแล้วเลื่อนไปที่ reboot system now แล้ว Enter เพื่อเริ่มระบบใหม่
10. หลังจากที่คืนค่าโรงงาน (Factory Reset) เสร็จแล้ว ก็จะทำให้สถานะเครื่อง GALAXY S II ของเราเหมือนกับเครื่องที่เพิ่งซื้อมาใหม่ๆ ครับ แต่สิ่งที่ต่างก็คือ ได้ Android เวอร์ชั่น 4.1.2 และพื้นที่ System Storage ที่เพิ่มขึ้นครับ เริ่มแรกมาหลังจากที่บูตเข้าหน้าจอแรกก ก็ให้ตั้งค่าเครื่องเบื้องต้นใหม่ทีละขั้นตอนครับ ไม่ว่าจะเป็นเลือกภาษา > เชื่อมต่อ Wi-Fi > Sign in Samsung Account > Sign In Gmail Account เสร็จทั้งหมดแล้วให้กดปุ่ม Home ค้างเอาไว้ แล้วแตะที่ปุ่มการจัดการงาน (อยู่ซ้ายล่างของจอ) แล้วแตะที่แท็บ “ที่จัดเก็บ” ตรวจสอบพื้นที่ที่เปลี่ยนแปลงได้เลยครับ
11. เซ็ตค่า APN เพื่อใช้งาน Internet Mobile ของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่เราใช้ โดยให้เข้าไปที่ ไอคอน Settings (การตั้งค่า) หรือเข้าโดยลาก Notification ลงมาแล้วแตะเฟืองที่มุมขวาบน > การตั้งค่าเพิ่มเติม (More settings) > Mobile networks (เครือข่ายมือถือ) > Access Point Names (ชื่อแอคเซสพอยท์) > แตะปุ่ม Menu แล้วแตะที่ New APN (APN ใหม่) แล้วนำข้อมูลของแต่ละเครือข่ายที่เราใช้มาใส่ครับ โดยจะต้องตั้งค่าไว้ 2 ตัวนะครับ คือ internet และ mms (สำหรับเครื่องรหัส GT-I9100T ให้ใส่ APN ของ Truemove, Truemoe H และ dtac | GT-I9100 ให้ใส่ APN ของ AIS) ส่วนข้อมูล APN นี้ ผมขอแนะนำให้สอบถามจากผู้ให้บริการเครือข่ายหรือค้นหาจากหน้าเว็บของผู้ให้บริการเครือข่ายนั้นๆ จะดีกว่าครับ เพราะถ้าผมลงข้อมูลไป แล้วเวลาผ่านไปนานวันเข้า แล้วมีคนค้นหามาเจอ มันอาจจะใช้งานไม่ได้ครับ เนื่องจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด
ส่วนนี่เป็นตัวอย่างการตั้งค่าของเครื่องผม ณ เวลานี้ครับ
***** Internet *****
Name : TRUE-H INTERNET
APN : internet
Username : true
Password : true
MCC : 520
MNC : 00
APN Type : default
***** MMS *****
Name : TRUE-H MMS
APN : hmms
Username : true
Password : true
MMSC : http://mms.trueh.com:8002
MMS Proxy : 010.004.007.039
MMS Port : 8080
MCC : 520
MNC : 00
APN type : mms
…จบขั้นตอนทั้งหมด
*** แล้วถ้าอยากกลับไปใช้ System Storage แบบ 2 GB เหมือนเดิมล่ะ ? ***
หากใครต้องการให้ System Storage กลับไปเป็น 2 GB เหมือนเดิม ก็ให้ใส่ไฟล์ PIT เป็น I9100_2GB-STOCK.pit แล้วดำเนินการตามขั้นตอนข้างต้นนี้ตามปกติครับ
ป.ล.1 ในระหว่างทำทั้งหมดนี้ ราบลื่นด้วยดีครับ ไม่พบปัญหาบูตวน หรือปัญหาอื่นแต่อย่างใดครับ จะยกเว้นก็เจอปัญหานิดหน่อยในขั้นตอนที่ 7. นั่นแหละครับ ซึ่งมันต่างจากที่เจ้าของกระทู้ลงข้อมูลเอาไว้ ทำให้ผมสับสนจนต้องไปศึกษาเพิ่มเติมจากที่มาครับ ใครที่กล้าๆ กลัวๆ อยู่ ผมคิดว่าคงไม่ยากสำหรับคุณนะครับ ในเมื่อผมทำได้ คุณก็ทำได้เช่นกันครับ…
ป.ล.2 เผื่อบางคนไม่แน่ใจว่าการเพิ่มพื้นที่ System Storage นี้นั้นใช้งานได้จริงหรือเปล่า? คือเห็นตัวเลขพื้นที่ System Storage เพิ่มจริง แต่เวลาใช้งานจริงอาจใช้ได้ไม่เกิน 2 GB ก็เป็นได้ (เช่น เมื่อติดตั้งมาได้ 1.89 GB / 5.91 GB ก็มีการแจ้งเตือนว่าติดตั้งต่อไม่ได้แล้ว เนื่องจากพื้นที่เต็ม) นี่เป็นภาพหลังจากที่ผมติดตั้งแอพฯ กว่าร้อยแอพฯ ครับ ซึ่งจะเห็นได้ว่าจำนวนพื้นที่ที่ใช้ไปนั้นเกิน Limit ของ System Storage ที่แต่เดิมมีเพียง 2 GB ครับ ดังนั้นอุ่นใจได้เลยครับว่าใช้งานได้จริง
ที่มา : [url]http://forum.xda-developers.com/galaxy-s2/development-derivatives/mod-partition-internal-memory-app-t2538947[/url]
จากภาพที่ให้มานั้น ดูจากด้านหน้าแล้ว ลักษณะเหมือนกับตอนที่ตกนั้นหน้าจอคว่ำลง แล้วมีการเหยียบเกิดขึ้น ถ้าคิดว่าเป็นรถเหยียบจริง ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่รถยนต์แน่ครับ เพราะถ้าเป็นรถยนต์จริง เครื่องไม่เหลือครับ ถ้าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ อาจจะต้องมีการไถลแบบว่าครูดกับพื้นนิดนิด และเครื่องไม่น่าจะรอดด้วย แต่หากเป็นรถจักรยานที่น่าจะเป็นรถที่เบาก็อาจจะเป็นไปได้ แต่มันจะต้องมีการครูดกับพื้นไปนิดนึงเช่นกัน จากแรงที่มาจากด้านข้าง (กรณีพื้นเรียบอย่างถนนคอนกรีต, ยางมะตอย) ถ้าคนเหยียบก็มีโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน เพราะคนเดินเหยียบนั้น มันมีลักษณะเป็นการยกเท้าเดินซึ่งเป็นแรงกดจากด้านบน ถ้าให้ดูจากลักษณะการแตก มันเหมือนกับไม่ใช่รถก็ได้ อาจจะเป็นคนนี่แหละที่เหยียบ แต่ถ้าพื้นเรียบก็มีโอกาสที่จะไถลนิดนึงได้เช่นกัน แต่หากเป็นพื้นหินหรือที่มีแง่งหินขึ้นมาสูงๆ ไม่เท่ากันหรือมีการชิดขอบอะไรเอาไว้ ทำให้เคลื่อนที่ไม่ได้ก็มีโอกาสเช่นกัน ที่แน่ๆ หากพื้นมีความไม่สม่ำเสมอ ผมอยากรู้อย่างหนึ่งว่า หากมองจากสันเครื่อง เครื่องมีอะไรหัก,โค้ง,งอ หรือเปล่าครับ?
ถ้าเครื่องมีการหัก,โค้,งอ ผมคิดว่าบอร์ดน่าจะมีผลกระทบแน่ๆ ครับ เพราะปกติแล้วบอร์ดมันจะต้องตรงเท่านั้น หากมีการโค้งงอ มันจะทำให้ลายวงจรภายในมีผลกระทบด้วย (ยกเว้นแต่ว่าบอร์ดมันยืดหยุ่น แต่ยุค S II แบบนี้ ไม่น่าจะรองรับการโค้งงอแน่ๆ) เพียงแต่อาจจะอยู่ในจุดที่ไม่สำคัญ จึงทำให้ยังใช้งานได้ สิ่งที่อยากทราบต่อมาคือ มีอะไรบ้างที่ใช้การไม่ได้
เช่น
– จอภาพ > ยังติดดีหรือไม่? ถ้ายังติดดีก็ลองต่อไปได้เลย แต่ถ้าไม่ติดก็ต้องพิจารณาแล้วล่ะครับ เพราะถ้าเครื่องใช้ได้แต่จอภาพใช้ไม่ได้ เปลี่ยนจอภาพใหม่ก็แพงเลยครับ สู้ซื้อมือ 2 มาใช้ยังจะดีกว่าเลยครับ
– Wi-Fi > ยังใช้ได้หรือไม่?
– Bluetooth > ยังใช้ได้หรือไม่?
– โทรศัพท์ > ยังโทรเข้าโทรออกเล่นเน็ต 3G ได้หรือไม่?
– ระบบ Sensor ต่างๆ > เช่น วัดแสง, วัดความเอียง, วัดการหมุนจอ, เข็มทิศ, ปิดจอเมื่อแนบหูโทร ฯลฯ ยังใช้ได้หรือไม่?
– กล้องหน้า/หลัง > ยังใช้ได้เป็นปกติดีหรือไม่
– เสียงต่างๆ > ยังออกดีหรือไม่?
เรื่องเมนบอร์ดเสีย ผมเคยเจอกรณีมาแล้วเมื่อปลายปี มันจะมีอาการเอ๋อมาก่อน ต่อมาพอปิดเครื่องเปิดใหม่ มันจะแล้วค้างที่หน้าที่มีตัวหนังสือ Samsung GALAXY S II GT-I9100T และต่อมาก็หนักถึงขั้นเปิดไม่ติดอีกเลย ใครใช้ปกติ มีเคสฝาพับ Dapad ด้วย
แต่หากทุกอย่างยังใช้ได้เป็นปกติดี เพียงแต่จอเสีย ก็พิจารณาเอาครับว่าจะยอมเปลี่ยนจอใหม่หรือขายเป็นซาก แล้วหาซื้อเครื่องรุ่นเดิมมือ 2 ใหม่ก็ได้ (หรืออาจซื้อเป็น S III ก็ได้ การสนับสนุน ROM ศูนย์ไปได้ไกลถึง Android 4.4.2 เลยนะ) สำหรับผมแล้ว ที่ผมยอมเสียเงินเปลี่ยนบอร์ดใหม่ ทั้งๆ ที่มีราคารวมๆ อยู่ที่ 4000 กว่านั้น นั่นเพราะมันเป็นสมาร์ทโฟน Android ตัว Top เครื่องแรกของผม ผมจึงยอมที่จะเปลี่ยนครับ
ROM Modify สำหรับคนที่ยังต้องพึ่งพาการเคลมเวลาเครื่องมีปัญหา และไม่คล่องเรื่องการเปลี่ยน ROM ไปๆ กลับๆ ผมแนะนำว่าอย่างเพิ่งเล่น ROM Modify เลย รอให้ประกันหมดก่อน แล้วจึงค่อยมาเล่น ROM Modify จะดีกว่า
คนที่เล่น ROM Modify เลยโดยไม่สนเรื่องประกันยังเหลือ นั่นเท่ากับเขามีความช่ำชองเรื่องการลง ROM ไปๆ กลับๆ เป็นอย่างดีแล้ว และแน่นอนว่ายอมรับความเสี่ยงเอาไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
ผมก็คิดจะเล่น ROM Modify อยู่นะ แต่เผอิญว่า
1. เครื่องยังมีประกันเหลืออยู่ถึง พ.ย. 2557 ยังต้องพึ่งพา ROM ศูนย์ไปอีกนาน (หวังไว้เล็กๆ ว่าจะมี Aircommand ออกมาอีกทีหลังจากอัปเดต 4.4.2 แล้ว)
2. เครื่องผมปักหลักใช้ระยะยาวอยู่ แน่นอนว่าข้อมูลต่างๆ จากการใช้งานในระยะยาว มันจะไม่เป็นผลดีกับการที่ต้องมาอัปเดต ROM Modify ที่อาจจะมีบางครั้งที่ต้องล้างเครื่องทั้งหมดแล้วจึงจะอัปเดตได้อีกด้วย ซึ่งมันคงไม่เหมาะที่จะใช้แบบปักหลักใช้ระยะยาวเป็นแน่… และตรงนี้เอง ผมก็อยากถามคนที่ใช้ ROM Modify ว่า มีไหม? ที่การอัปเดต ต้องล้างเครื่องเพื่อลงอัปเดตหรือ ROM อัปเดต
3. ไม่คล่องเรื่องการเปลี่ยน ROM ไปๆ มาๆ ซึ่งอาจจะทำให้เครื่องกลายเป็นที่ทับกระดาษได้ จึงยังไม่กล้าเสี่ยง
มาแปลกๆ เพิ่มอีกน่ะ หลังจากที่ได้อ่านข่าวจาก MXPhone.net (http://www.mxphone.net/260414-samsung-started-update-android-kitkat-for-galaxy-note-2-first-in-france/)
ซึ่งก็มีความในย่อหน้าที่ 2 ดังนี้
โดยในการอัพเดทเฟิร์มแวร์ครั้งนี้จะช่วยอย่างมากในเรื่องของการจัดการระบบทรัพยากรในเครื่อง ทำให้การใช้งานทำได้ลื่นไหลตอบสนองกับการใช้งานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังมีหน้าตา UI ที่ปรับแต่งให้เรียบแบนลงสอดคล้องกับแนวทางการออกแบบของ Google อีกด้วย โดยจะเป็น TouchWiz รุ่นใหม่ล่าสุดพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยของ Samsung KNOX แต่อย่างไรก็ดีในการอัพเดทนี้จะยังไม่ได้รวมในส่วนของหน้าตา UI รุ่นใหม่ที่มีใช้งานกับเครื่อง Galaxy S5 มาให้ในครั้งนี้
ตรงที่ขีดเส้นใต้ มันเหมือนกับว่า แซมซังกะว่าจะอัพเฉพาะ Android 4.4.2 ให้ก่อน แล้วค่อยอัพหน้าตาใหม่ให้ทีหลัง ยังไงยังงั้นอ่ะครับ
ลบ… เบิ้ลโพสต์
ป.ล. เว็บเป็นไรหว่า กดเซฟเพื่อโพสต์แล้วไม่เปลี่ยนหน้า หมุนๆ อย่างเดียว พอกดอีกครั้ง ก็ไม่ไป พอผ่านไประยะหนึ่งมาดูอีกที กลายเป็บเบิ้ลโพสต์
สรุปคือ
– หน้าตา TouchWiz แบบเดิม (S III, Note II ดั้งเดิม)
– หน้าตา Settings เหมือนเดิม
– ไม่มีฟังก์ชั่นใหม่ๆ จาก S4, Note3, S5 เข้ามาใดๆ
– ฟังก์ชั่น Note3 อย่าง Aircommand ไม่มี (จะกั๊กทำไมน้อ)
รายละเอียดเขามีแจ้งไว้หรือเปล่าครับ ว่าการอัพเดต 4.4.2 แล้ว มีการปรับปรุงอะไรบ้าง?
ใช้แอปฯ App2SD เพื่อค้นหาแอปฯ ที่มีพื้นที่ใน Phone เกิน 10MB แล้วย้ายลง SD Card ครับ ซึ่งมันยังมีบอกด้วยว่าแอปฯ ไหนบ้างที่ย้ายไม่ได้ ก็ใช้เฉพาะที่ย้ายได้ แค่นี้ก็ได้พื้นที่มาเพิ่มเติมแล้วครับ (รู้สึกว่าไม่ใส่ External SD Card ก็ใช้ได้นะ)
ผมเพิ่งเปลี่ยนบอร์ดใหม่ไปเมื่อ ธ.ค.ที่แล้วนี้เอง ราคารวมค่าซ่อมเบ็ดเสร็จ 4,265 บาท แบ่งเป็น
4,051 บาท – GH82-05807A A/S ASSY-PBA MAIN(AUTL)GT_I9100T; SAMSUNG
214 บาท – O-SER001 ค่าบริการซ่อม
ที่ผมยอมเปลี่ยน เพราะเครื่องนี้ผมซื้อมา 16,500 บาท ถึงแม้ราคาขายมือสองจะเหลือแค่ประมาณ 5,000 – 6,000 บาท แต่ผมก็ยอม เพราะมันเป็นความทรงจำดีๆ กับเครื่องนี้ และเป็น Android เครื่องแรกรวมถึง Smart Phone เครื่องแรกที่ผมได้เริ่มใช้ หลังจากที่ใช้ Feather Phone มานาน
ด้วยคุณสมบัติของฮาร์ดแวร์ต่างๆ ที่ Samsung ทำออกมาให้รองรับการใช้งานได้หลายปีนี้ด้วย ทำให้มันยังใช้งานได้ดีจนถึง ธ.ค.ปีที่ผ่านมานี้เอง (รวม 1 ปี 7 เดือน) ไม่ว่าจะเป็น
– CPU Cortex-A9 ที่ถือได้ว่าเป็น CPU ตัวแรงด้วย
– จอ Super AMOLED แบบ RGB (1 พิกเซล มี 3 สี แดง-เขียว-น้ำเงิน) ไม่ใช่แบบ Pentile ที่ใช้อยู่ในรุ่นท็อปหลายรุ่น เช่น S III, SIII mini, Note I, S4, Note 3 ซึ่งใน 1 พิกเซลมี 2 สีวางสลับเป็นตารางหมากฮอส คือ แดง-เขียว, น้ำเงิน-เขียว)
– GPS ที่บอกความเร็วในการเคลื่อนที่ได้แม่นยำกว่ารุ่นใหม่ๆ (Note II ที่ผมใช้ ผมลองเอามา Speed Meter มาลองวัดดู ผลคือความเร็วไม่นิ่งไม่คงที่ เดี๋ยวพุ่งขึ้นสูง เดี๋ยวต่ำลงแบบฮวบฮาบ ทั้งๆ ที่ GPS ที่จับสัญญาณได้มีถึง 16 ดวงโดยเฉลี่ย ในขณะที่ S II มีสัญาณ GPS แค่ 5-9 ดวงแต่ความเร็วที่บอกได้แม่นยำกว่า)
– มีรูใส่สายคล้องมือ (ตรงนี้หลายคงมักจะมองข้าม ว่านี่แหละตัวป้องกันชั้นดีเลย) การใส่สายคล้องมือนี้เอง ทำให้เจ้า S II ของผมไม่เคยหลุดจากมือไปกระแทกพื้นเลยซักครั้ง เพราะเมื่อหลุดจากมือมันก็ห้อยอยู่ที่แขนเรานี่แหละ ซึ่งต่างจากรุ่น S III เป็นต้นไปที่ไม่มีรูใส่สายคล้องมืออีกต่อไปแล้ว
ถึงแม้จะมีข้อเสียที่ไม่ได้ไปต่อแล้ว (ต้องหา ROM อื่นมาลง) และมีพื้นที่ติดตั้ง App แค่ 2 GB (พวก Data ใหญ่จะไปอยู่ที่ SD Storage ที่ถูกแยกเอาไว้อีกที ซึ่งมีประมาณ 11.50 GB ผมก็ทำใจยอมรับได้ไปแล้วล่ะ (คงเพราะผมมีนิสัยที่ถ้ามีอะไรให้ใช้เป็นของตัวเองแล้ว มันจะต้องอยู่กับผมไปนานๆ เลย จนกว่าผมจะมีสิ่งใหม่มาทดแทน หรือมอบให้คนในคนหนึงในครอบครัวผมไปใช้ต่อ ไม่คิดจะขายต่อแน่นอน
ป.ล. Note II ผมก็ใส่สายคล้องนะ แต่เป็นการรัดสายที่ Case ตรงช่องระหว่างที่ถอดปากกากับช่องลำโพง
เช็ดเลนส์กระจกหน้ากล้องหรือยังครับ? เพราะผมสังเกตคนใช้กล้องมือถือถ่ายภาพทีไร ไม่ค่อยจะเช็ดกระจกกล้องกันเลย ภาพที่ออกมามันก็เลยมีทั้งแสงฟุ้งๆ และมีทั้งแสงเป็นเส้นๆ ตามรอยเช็ด
แต่ถ้าไม่ใช่ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะให้ลงรูปให้ดู เผื่อคนอื่นๆ จะได้มาอธิบายอาการได้ถูกครับ
ใช้วิธีอัพเดตผ่าน Kies เอาเร็วกว่าอัพผ่าน Wi-Fi ซะอีก เนื่องจากการอัพผ่าน Wi-Fi มีความเร็วที่ 100-300 KB/s ซึ่งใช้เวลานานเลย ส่วน Kies โหลดผ่าน PC อยู่ที่ 700 KB/s ใช้เวลาติดตั้งแบบเบ็ตเสร็จทั้งดาวน์โหลดและติดตั้งพร้อมใช้งาน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
*** สิ่งที่เปลี่ยนไปเมื่ออัพเป็น Android 4.3 ***
– รองรับการเขียนอักษรไทยแบบต่อเนื่องได้แล้ว (เดิมทีต้องเขียนที่ละตัว) และสามารถเขียนได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องเปลี่ยนภาษาด้วย (แต่ต้องใช้คีย์ภาษาไทยนะ ถ้าใช้คีย์ภาษาอังกฤษมันจะเขียนได้เฉพาะตัวอังกฤษ เขียนตัวไทยไม่ได้)
– แก้ไขเรื่องวรรณยุกต์ เอก โท ตรี จัตวา การันต์ ลอยสูงและซ้อนทับเรียบร้อยแล้ว
– หน้า Settings (การตั้งค่า) มีการแยกหมวดหมู่เป็น 4 แท็บ
– เมนู Developer options (ทางเลือกผู้พัฒนา) ถูกซ่อนเอาไว้
เปิดให้โชว์ขึ้นมาได้โดยกดเข้าไปที่แท็บ More (อื่นๆ) > About device (เกี่ยวกับอุปกรณ์)
แตะที่ Build number (หมายเลขรุ่น) 7 ครั้ง (สังเกตว่ามันจะมีบอกจำนวนการแตะด้วยว่า เราแตะไปกี่ครั้งแล้ว)
– Status Bar ใสทะลุเห็นพื้นหลัง
– หน้า Notification/Toggle สามารถปรับเปลี่ยนปุ่มต่างๆ เองได้ (แบบ S4/Note3)
– หน้า Lock Screen มีเอฟเฟกต์แสงแบบ S4 ใส่ Widget ได้ โดยการปัดหน้าไปอีกหน้า (ต้องใช้หน้า Lock Screen แบบ ปัด) แต่งงว่าทำไมใช้แบบเป็นหมึกหรือแบบ Water Drop ไม่ได้ ใครใช้ได้ช่วยคอนเฟิร์มหน่อยนะ หน้าใส่ PIN จะไม่เห็นเป็นลักษณะปุ่มตัวเลขและหน้าจอ Dim มืดแล้ว แต่จะเห็นเป็นแบบโปร่งแสงแทน
– รองรับการทำการกับ GALAXY Gear
– Gallery แบบใหม่
– เครื่องคิดเลข แบบใหม่
– ไอคอนแอพฯ มีหน้าตาเป็นแบบ S4/Note 3
– มีแอพฯ Google เพิ่มเข้ามาคือ “Play เกม” และ “Play หนังสือ”
– มีแอพฯ Samsung เพิ่มเข้ามาคือ “Group Play” และ “Knox”
– Storage เห็นเป็น 16.00 GB (จากเดิมเห็นค่ 10 GB นิดๆ ซึ่งซ่อนขนาดไฟล์ของระบบเอาไว้) แต่มันจะดูแปลกๆ นะ เพราะมันเป๊ะเกินไป ซึ่งตามหลักการแปลงหน่วยของ Storage แล้ว เมื่อแปลงจาก byte มาเป็น GB จะมีค่าเท่ากับ 14.90 GB (นำ 16,000,000,000 bytes มาหาร 1,024 3 ครั้ง) สงสัยเอาค่าหน่วย bytes มาใช้ตรงๆ โดยไม่มีการตัดทอนตรงที่เป็นเศษ 24 เลย
*** สิ่งที่ยังเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ***
– ไม่มีฟีเจอร์ของ Note 3 มาใดๆ เลย ไม่ว่าจะเป็น Air Command, Action Memo, Scrapbook และอื่นๆ
– TouchWiz UI หน้าตาเดิม (ไม่มีรูปบ้านบอกว่าหน้าไหนคือหน้าโฮม และเอฟเฟกต์หน้าเพจ Glass เวลาทีปัดไปอีกหน้า ระยะห่างระหว่างหน้า Glass จะไม่อยู่ชิดกันแบบ S4/Note3 ผมกลับชอบแบบเดิมตรงที่มันมีการเว้นระยะห่างระยะ Glass แฮะ ถ้า UI S4/Note 3 มีการทำให้เอฟเฟกต์เพจ Glass เว้นระยะห่างพอๆ กับของเดิม มันจะทำให้ดูสวยแบบ S III/Note II ได้)
– S-PEN เหมือนเดิม
– Keyboard ภาษาไทยเหมือนเดิม
– กล้องถ่ายรูป หน้าตาเติม
– ไม่สามารถใช้ S-PEN แตะที่ปุ่มเมนู (Menu) และปุ่มกลับ (Back) แบบ Note 8.0 และ Note 3 ได้ (สาเหตุ คงเพราะเป็นที่ฮาร์ดแวร์ จึงทำให้การแก้ไขด้วย Software ไม่สามารถทำได้)
TouchWiz ทำไมยังคงใช้หน้าตาเดิม แทนที่จะใช้ของ Note 3 สาเหตุคงเพราะถ้าใช้ของ Note 3 มันจะไม่มีหน้าพิเศษอย่าง S PEN (เวลาดึงปากกาออกมา) และ หูฟัง (เวลาเสียบหูฟัง) เนื่องจาก TouchWiz ของ Note 3 ทำมาเพื่อรองรับกับ Air Command ไม่ได้รองรับหน้าพิเศษ 2 หน้าที่ว่านี้แต่อย่างใด …อ้าว แล้วทำไมไม่เอาของ Note 3 เข้ามาเลยล่ะ? เหตุผลคงคงมีได้ 2 อย่าง คือ
1. มันจะไปทับไลน์ของ Note 3 ที่กำลังขายอยู่ จึงยังไม่ทำออกมาให้มีฟีเจอร์ชนกับ Note 3 ณ เวลานี้
2. ทีมพัฒนา ไม่มีความสามารถพอที่จะพอร์ตแอพฯ เหล่านี้มาลง Note II ได้ทัน (ได้ยินข่าวแว่วๆ มาก่อนนี้ว่า Samsung ยอมรับเรื่องการทำ Software ที่ยังเป็นจุดอ่อนอยู่ คงเพราะเห็นนี้ด้วยล่ะมั้ง จึงทำให้พอร์ตไม่ทัน)
ถ้าอนาคต Note II อัพเป็น 4.4 KitKat จริงๆ ก็อาจจะมีลุ้นได้เห็นฟีเจอร์ของ Note 3 พ่วงมาด้วยก็ได้
ที่เหลือก็รอท่านอื่นมาอัพเดตครับ
เครื่องน้อง ยังไม่มีอัพเดตซะงั้น – -“a
– จอแตกนี่ แตกขนาดไหน? แล้วหน้าจอยังเปิดดูได้ปกติดีหรือไม่?
– รถเหยียบนี่ รถอะไรเหยียบ? แล้วก็ลักษณะการเหยียบเป็นอย่างไร?
– เครื่อง S2 ได้ใส่ Case อะไรเอาไว้หรือเปล่า? แล้ว Case มีลักษณะอย่างไร?
ตามปกติ มันโอกาสพังอยู่แล้วล่ะครับ (ส่วนใหญ่มักจะพังด้วยซ้ำ) เพราะเครื่องรุ่นนี้บางและเบา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็อยู่ที่ปัจจัยด้วยข้างต้นด้วย ว่ามีลักษณะการเกิดเหตุอย่างไร?
การที่เครื่องยังใช้การได้ ก็อาจจะรู้สึกว่า เครื่องไม่ได้เสียอะไร แต่ถ้าให้คิดตามตระกะ หากโดนรถเหยียบ มันจะต้องมีแรงกดทับ ซึ่งอาจจะไม่โดนส่วนที่เป็นหัวใจ ทำให้มันยังใช้การได้อยู่ แต่มันอาจจะไปกระทบกับบางส่วนที่อาจจะทำให้เครื่องอาจเกิดการรวนขึ้นในภายหน้าได้ แต่หากจอแค่แตก แต่ยังใช้การได้ ใช้ได้ก็ใช้ไปดีกว่าครับ เพราะขึ้นชื่อว่าอะไหล่ มันไม่มีถูกหรือครับ ถึงราคาเครื่องจากถูกลง แต่ค่าอะไหล่มันไม่ได้ถูกลงเป็นเงาตามตัวไปด้วย ทำให้พบเจอกันอยู่บ่อยๆ กับคำที่เรียกว่า ซ่อมแพงกว่าซื้อ
อีกอย่าง เดี๋ยวนี้ S2 มือ 2 ก็มีราคาอยู่ที่ 5,000 – 7,000 บาทด้วย (นี่คือราคาตู้มือถือนะ ถ้าเป็นการซื้อผ่านคนที่จะขายโดนตรงอาจจะอยู่ต่ำกว่า 5,000 ซึ่งถ้าไม่อยากรับความเสี่ยง ซื้อตามตู้มือถือก็ได้) ดังนั้นการใส่ซ่อมเมนบอร์ดมันแพงแน่ๆ อยู่แล้ว ไม่ใช่แค่นั้น จอถ้าแตกแล้วใช้การไม่ได้ ก็โดนไปอีก 4,000 + ครับ ถ้าไม่คิดเสายดายเครื่องนี้ ผมว่าหาร้านตู้มือถือที่เชื่อใจได้ หากซื้อมือ 2 รุ่นเดียวกันนี้ หรืออัพเกรดไปใช้ S3 มือ 2 ก็ได้ครับ