เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วในประเทศจีนกับมือถือเรือธงท็อปสุดของแบรนด์ Vivo กับ X60 Pro+ ที่ได้ขนขบวนเอาที่สุดของสเปค และฟีเจอร์เจ๋ง ๆ มาไว้ในมือถือเครื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ต Snapdragon 888 ตัวใหม่ล่าสุดที่ผลิตผ่านสถาปัตยกรรม 5nm พร้อมกล้องที่ได้ผู้ผลิตเลนส์ชื่อดังอย่าง Zeiss มาช่วยพัฒนา แถมยังมาพร้อม OriginOS ตัวใหม่ล่าสุดอีกด้วย

สเปค Vivo X60 Pro+

  • หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.56 นื้ว, ความละเอียด Full-HD+, อัตรารีเฟรช 120Hz, อัตราตอบสนอง 240Hz,  HDR10+, สว่างสูงสุด 1300 nits
  • ชิปเซ็ต : Qualcomm Snapdragon 888
  • หน่วยความจำ : RAM 8GB (LPDDR5) / 12GB (LPDDR5)
  • สตอเรจ : 128GB/256GB (UFS 3.1)
  • กล้องหลัง 4 ตัว
    • กล้องหลัก 50MP f/1.57 รองรับ dual pixel PDAF และกันสั่น OIS
    • กล้อง Ultra-Wide 48MP มุมกว้าง 114 องศา รองรับระบบกันสั่นแบบ Gimbal
    • กล้อง Telephoto 32MP f/2.1 รองรับ PDAF และ Optical Zoom 2x
    • กล้อง Periscope 8MP f/3.4 รองรับ PDAF, OIS และ Optical Zoom 5x
  • กล้องหน้า 32MP
  • ระบบปฏิบัติการ : OriginOS บน Android 11
  • เสียง : ลำโพงคู่สเตอรีโอ
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, NFC, USB Type-C
  • เซ็นเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือ (ใต้หน้าจอ), accelerometer, gyro, proximity, compass, color spectrum
  • แบตเตอรี่ : 4200mAh, รองรับชาร์จไว 55W
  • สี : 🟠 ส้ม, 🔵 น้ำเงินเข้ม

กล้อง Quad-Camera พร้อมฟีเจอร์เด็ด ๆ มากมาย

ด้วยความที่คราวนี้ฟีเจอร์เด็ด ๆ ของ Vivo X60 Pro+ ที่เปิดตัวมาให้เราเห็นนั้น ได้โชว์ในเรื่องของกล้องเป็นหลัก เราจึงต้องมาดูที่กล้องกันก่อนเลย

  • กล้องหลัก 50 MP, f/1.57, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.31″,ขนาด Pixel 1.2µm, dual pixel PDAF, Laser AF, กันสั่น OIS
  • กล้องหลักตัวที่ 2 48 MP, 114˚ อัลตร้าไวด์, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.0″,ขนาด Pixel 0.8µm, ระบบกันสั่นแบบ Gimbal
  • กล้องเทเลโฟโต้ 32 MP, f/2.1, 50mm, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.8″, ขนาด Pixel 0.8µm, PDAF, 2x optical zoom
  • กล้องเพริสโคป เทเลโฟโต้ 8 MP, f/3.4, 125mm, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/4.0″, PDAF, OIS, 5x optical zoom

กล้องหลักตัวแรกมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ ISOCELL GN1 ของทาง Samsung ที่คราวนี้มาพร้อมระบบกันสั่น OIS แทนที่จะเป็นแบบ Gimbal ในรุ่น X50 พ่วงมาด้วย Pixel ขนาดใหญ่ถึง 1.2 µm (สามารถใช้ Pixel Binning เพื่อให้เป็นขนาด 2.4 µm ได้) แถมรูยังมีรูรับแสงขนาด f.1.57 ช่วยให้สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น

อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Super Night Mode 2.0 ที่ทาง Vivo เคลมว่าสามารถถ่ายรูปได้ด้วยปริมาณแสงน้อยนิดเพียง 0.01 lux (ปริมาณแสงเทียบเท่ากับเวลาถ่ายพระจันทร์เสี้ยว) ช่วยให้จับแสงได้มากขึ้นถึง 38.8% และเพิ่มความแม่นยำในการโฟกัสมากถึง 22% เมื่อเทียบกับกล้องบนมือถือรุ่นก่อน

กล้องตัวที่สองเป็นกล้อง Ultra-Wide (114°, 14mm) ที่ใช้งานเป็นกันสั่น Gimbal ที่ช่วยกันสั่นภาพได้ ±3° จากการขยับต่าง ๆ ซึ่งมากกว่า OIS ถึง 3 เท่า มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ IMX598 ของ Sony ความละเอียด 48MP ที่มีขนาด Pixel อยู่ที่ 0.8µm ซึ่งเป็นเซนเซอร์ตัวเดียวกับที่เคยใช้บนมือถือ Vivo X50 

ถัดมาต่อไปก็จะเป็นกล้องเพริสโคปความละเอียด 8MP พร้อมระบบซูมแบบ Optical 5x และสามารถซูมแบบ Digital ได้ถึง 60x แถมยังมีกล้องเทเลโฟโต้อีกตัวที่ความละเอียด 32MP ระยะเลนส์ที่ 50mm เอาไว้สำหรับถ่ายความคน (Portrait) เป็นหลัก

ถ้าสังเกตุที่โลโก้ ZEISS เราจะเห็นตัวอักษร T* สีแดงตัวเล็ก ๆ อยู่ข้าง ๆ กล้อง ซึ่งมันคือตัวบอกว่าโมดูลกล้องตัวนี้มาพร้อมกับการเคลือบ Anti-reflective ที่ช่วยกันการสะท้อนแสง ซึ่งมาพร้อมการวางโมเลกุลแบบ Nano-Crystaline ช่วยให้กันสะท้อนได้ดีขึ้น ซึ่งที่เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นเทคโนโลยีแบบนี้บนกล้องสมาร์ทโฟนอีกด้วย

ชิปเซ็ต Snapdragon 888

Vivo X60 Pro+ มาพร้อมกับขุมพลังชิปเซ็ต Snapdraon 888 ที่มาพร้อมระบบประมวลผลกราฟิก GPU ที่แรงขึ้นกว่า 35% และจัดการพลังงานได้ดีขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน พ่วงมาด้วย RAM LPDDR5 ขนาด 8GB/12GB ซึ่งสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้ไวถึง 6,400 Mbsp (เร็วกว่า X50 Pro+ มากถึง 16%) แถมในส่วนของหน่วยความจำก็ใช้เป็น UFS 3.1 ซึ่งไวกว่า X50 Pro+ ถึง 14% เลยทีเดียว

หน้าจอ

Vivo X60 Pro+ มาพร้อมกับหน้าจอ OLED โค้งขนาด 6.56 นิ้ว รีเฟรชเรท 120Hz พร้อม Touch sampling rate อยู่ที่ 240Hz ช่วยให้การใช้งานทั่วไปหรือการเล่นเกมลื่นไหลไม่มีสะดุด อีกทั้งยังพ่วงมาด้วยมาตรฐาน HDR10+ ที่ได้รับการปรับแต่งจูนสีให้มีความแม่นยำ แถมยังสามารถปรับความสว่างได้สูงสุดถึง 1,300 nits ช่วยให้สามารถดูคอนเท้นต์ HDR ได้อย่างเต็มอรรถรส ซึ่งจุดสังเกตุเพียงอย่างเดียวก็จะเป็นเรื่องความละเอียดเพียง Full HD+ ซึ่งเมื่อเทียบกับมือถือรุ่นอื่นก็ถือว่ายังด้อยอยู่เพียงเรื่องนี้เท่านั้น

แบตเตอรี่

ถัดมา Vivo X60 Pro+ ก็ให้แบตเตอรี่ขนาด 4,200 mAh พร้อมระบบชาร์จไว 55W ผ่านช่อง USB-C แต่มีข้อสังเกตุว่าไม่ได้มาพร้อมกับระบบชาร์จไร้สาย ทั้ง ๆ ที่ฝาหลังมาพร้อมหนังสุดพรีเมี่ยม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอยู่ไม่น้อยเลยสำหรับมือถือเรือธงระดับนี้

ด้านในกล่องก็มาพร้อมกับ หัวชาร์จ, สาย USB-C, หูฟัง USC-C แถมยังมีสายแปลง USB-C ไปเป็นแจ็ค 3.5 mm (เพื่อสำหรับเอาไว้ฟังเพลงผ่าน DAC Cirrus CS4313) ตบท้ายด้วยเคสใสอีกชิ้นหนึ่งซึ่งถือว่าจุใจมาก ๆ เลย

ตอนนี้ Vivo X60 Pro+ ได้เปิดวางขายอย่างเป็นทางการแล้ว 2 เวอร์ชันได้แก่รุ่น RAM 8GB/128GB ในราคา 4998 หยวน (ราว ๆ 23,000 บาท) หรือถ้าอยากได้แรมเพิ่มก็มีเวอร์ชั่น RAM 12GB/256GB ในราคา 5998 หยวน (ราว ๆ 28,000 บาท) มีให้เลือกด้วยกัน 2 สีได้แก่ 🟠 ส้ม และ 🔵 น้ำเงินเข้ม ซึ่งตอนนี้ได้เปิดพรีออเดอร์เฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น ส่วนจะเข้ามาประเทศไทยเมื่อไหร่จะรีบมาบอกทันทีเลยครับ 😁

 

Source: GSMArena