ทุกสิ้นเดือนแม้ว่าจะมีหลายคนต้องคิดว่าจะใช้เน็ตยังไงให้พอกับแพ็กเกจที่จ่ายไป แต่เชื่อว่าก็มีอีกหลายคนจากหลากหลายเหตุผลเช่นกันที่คิดว่าเน็ตเหลือเยอะแยะจะเอาไปทำอะไรดี ระดับที่เรียกว่าเหลือเฟือเกินการใช้งานในแต่ละเดือนไปเยอะมาก เดี๋ยวเรามาลองดูกันว่าเราจะใช้งานเน็ตที่มีอยู่เยอะๆนี้อย่างคุ้มค่าได้อย่างไรบ้าง

พื้นที่โฆษณา : อยากได้เน็ตไว้ใช้เยอะๆในราคาเบาๆ มาที่ดีแทคได้เลย 399.- ได้เน็ต 30GB แน่ะ

dtac จ่ายแล้วจบ banner

เปิด Streaming เต็มความละเอียด

จากสถิติการใช้งานดาต้าบนเครือข่ายโทรศัพท์แต่ละค่าย การสตรีมหนังหรือคลิปวิดีโอต่างๆ เป็นกิจกรรมที่สูบเน็ตกินแบนด์วิธเยอะที่สุด ยิ่งเดี๋ยวนี้มีเนื้อหาคุณภาพให้ดูมากขึ้น ทั้งฟรีบน YouTube หรือราคาไม่แพงบน Netflix ก็ทำให้การดูภาพยนตร์ หรือคลิปต่างๆผ่านมือถือยิ่งได้รับความนิยมเข้าไปใหญ่ ซึ่งการดูผ่าน Mobile Internet โดยมากทาง YouTube และ Netflix ก็จะทำการจำกัดความละเอียดเอาไว้ให้กินดาต้าไม่เยอะมาก โหลดแค่ความละเอียดต่ำๆ เพราะเข้าใจความต้องการของคนทั่วไปที่อยากจะประหยัดไม่ใช้ดาต้าเยอะมาก แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่เน็ตเหลืออย่างพวกเรา ดังนั้นไปตั้งค่าดูที่ความละเอียดสูงๆ คุณภาพดีๆ เพื่อเผาเน็ตกันดีกว่า

ดูคลิป YouTube ดูหนัง Netflix แต่ละชั่วโมงใช้เน็ตเยอะแค่ไหน

Netflix ถ้าเราเปิดดูหนังดูซีรีย์แบบ Maximum Data จะใช้เน็ตราวๆ 3GB ต่อชั่วโมง ส่วน YouTube จะมีหลากหลายความละเอียดให้เลือกมากกว่า ซึ่งถ้าเราดูระดับ 4K เลย จะต้องใช้ดาต้าถึงชม.ละเกือบ 9GB แต่ถ้าเป็นระดับ 1080p ที่เพียงพอสำหรับบนมือถือก็จะอยู่ที่ราวๆ ชม.ละ 1.6GB

 

โหลดเพลงมาฟังระดับ HD

 

เช่นเดียวกับแอปสตรีมมิ่งคลิปและภาพยนตร์ การตั้งค่าฟังเพลงในแอปสตรีมมิ่ง ค่าตั้งต้นเมื่อใช้งานมือถือจะถูกตั้งให้กินดาต้าไม่เยอะมาก เน้นความประหยัด ไม่เน้นคุณภาพ ซึ่งไม่ว่าจะเป็น Spotify, Joox, หรือ Apple Music เองก็เปิดให้เราสามารถเข้าไปตั้งค่าได้ทั้งสิ้น ส่วนว่าการกินเนื้อที่ต่างกันแค่ไหนนั้น แต่ละแอปจะมีเรตการใช้ดาต้าประมาณนี้ครับ

นอกจากนี้เราสามารถเผาดาต้าได้อย่างสะใจเพิ่มขึ้น เมื่อเราสั่งให้แอป Download เพลงใหม่ๆทั้ง Playlist ลงเครื่องแบบทั้งอัลบั้ม คุณภาพระดับ Hi-Res รอฟังกันได้แบบไม่ต้องกลัวสะดุดเอาไว้ก่อนเลยได้ด้วย

Backup ภาพที่มีอยู่ให้ปลอดภัย

ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ชอบถ่ายรูปอวดเรื่องตัวเองให้โลกรู้ หรือหวงความเป็นส่วนตัวถ่ายรูปต่างๆเอาไว้เพื่อเก็บบันทึกเรื่องราวเป็นเหมือนไดอารี่ มันก็ทำให้ทุกวันพวกเรามีการถ่ายภาพกันมากมายหลายสิบภาพต่อวัน ซึ่งหลายคนก็เลือกที่จะสำรองความทรงจำเหล่านี้เอาไว้สักแห่ง และ Google Photos ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ถูกใช้มากที่สุด เพราะมันฟรีไม่ค่าใช้จ่าย แถมคุณภาพก็สูง เก็บได้ทั้งภาพและวิดีโออีกต่างหาก แถมมีฟีเจอร์ฉลาดๆอีกเพียบ (อ่านความสามารถของ Google Photos ต่อ) แต่ด้วยจำนวนภาพและคลิปที่มากมายต่อวัน หลายคนจึงเลือกที่จะปิดฟีเจอร์ Backup เมื่อใช้งานดาต้าผ่านเครือข่ายเอาไว้ เพื่อความประหยัด ไว้รอเจอ WiFi เมื่อไหร่ค่อยเริ่ม Backup

Play video

เข้าไปดูฟีเจอร์ทั้งหมดที่ Google Photos ทำได้จากใน Channel เค้าได้เลยนะ

แต่สำหรับคนที่ดาต้าเหลือๆแล้ว เปิด Backup ผ่านเครือข่ายเอาไว้เลยครับ จะปิดไปทำไม ถ้ามีหลายอุปกรณ์ก็เอามาเปิดโชว์กันได้ว่าถ่ายบนมือถือแล้ว ไปเปิดมาดูบน Tablet หรือ Notebook ก็ได้ในพริบตา ดั่งมีเวทย์มนต์ แต่ความจริงคือแค่รวย(ดาต้า)มาก ซึ่งการเปิด Backup ตลอดเวลานี้ยังช่วยลดความเสี่ยงกรณีเครื่องหาย เครื่องพัง ต่างๆได้อย่างสมบูรณ์ ถ้ามัวแต่รอ WiFi ก็มีสิทธิ์จบเห่ได้

Backup คลิปและรูปขึ้น Google Photos ใช้ดาต้าเยอะแค่ไหน

ขนาดไฟล์ภาพแต่ละเครื่องจะไม่เท่ากัน ขึ้นกับความละเอียดและข้อมูลเสริมอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันหนึ่งรูปก็จะมีขนาดตั้งแต่ 2-5 MB ต่างกันไป การอัพโหลดขึ้น Google Photos ก็จะใช้ดาต้าเท่ากับไฟล์ของเรานั่นแหละ ดังนั้นจะใช้มากหรือน้อยก็ขึ้นกับจำนวนภาพของแต่ละคนในช่วงนั้นๆเลย ถ้าเกิดว่าเป็นคนชอบถ่ายรูปนี่เดือนนึงมีสิทธิ์ถึง 3-4GB ได้ไม่ยากครับ

Tips : เรื่องน่ารู้กับการ Backup ภาพขึ้น Google Photos ผ่าน WiFi ควรต้องระวังหากไปเที่ยวมาและมีรูปเยอะๆ เมื่อทำการต่อ WiFi ไม่ว่าจะที่บ้านหรือที่รีสอร์ท เครื่องคุณอาจจะเป็นคนทำเน็ตไม่วิ่งได้ เพราะ Google Photos จะสูบเน็ตทั้งหมดไปใช้สำรองข้อมูลนั่นเอง เน็ตมันก็จะอืดๆหรือใช้ไม่ได้ไปจนกว่ามันจะ Backup เสร็จนั่นแหละครับ

 

อัพเดทแอปในเครื่อง

หลายคนมีการปิด Auto-Update แอปในเครื่องเอาไว้ เพราะกลัวว่ามันจะทำการอัพเดทโดยที่เราไม่รู้ตัว แถมการอัพเดทแต่ละครั้งก็กินดาต้าไม่น้อยอีกต่างหาก เดี๋ยวนี้แต่ละแอปมีขนาด 30-40 MB ขึ้นไปกันทั้งนั้น สำหรับคนที่ดาต้าจำกัดจำเขี่ยก็ต้องกลัวกันเป็นธรรมดา แต่สำหรับชาวดาต้าเหลือแล้ว เปิดไปสิครับ ให้มันอัพเดทกันไปเลย อย่าได้แคร์ว่าดาต้าจะไม่พอใช้งาน เพราะมันเหลือตลอดทุกเดือนอยู่แล้ว การอัพเดทแอปใหม่ๆมันก็จะมีข้อดีเราจะได้ใช้ฟีเจอร์ใหม่ของแอปอยู่ตลอดเวลา รวมถึงความปลอดภัยที่มากขึ้นด้วย

ช่วยกันทดสอบความเร็ว เพื่อเก็บข้อมูลให้เครือข่ายนำไปพัฒนา

เราได้เห็นการทดสอบความเร็วเน็ตผ่านแอปอย่าง Speedtest.net, nPerf กันไปอย่างแพร่หลายพอสมควรแล้ว แต่หลายคนก็อาจจะยังไม่เข้าใจว่าจะทำไปเพื่ออะไร นอกจากแค่ทดสอบว่าเน็ตปัจจุบันใช้งานได้ดีหรือไม่ แถมกดแต่ละครั้งนี่เน็ตเหมือนโดนกระซวก ยิ่งเน็ตยิ่งแรงยิ่งดาต้าหายไปอย่างไว บางครั้งอาจสูงถึงหลายร้อย MB อีกต่างหาก ซึ่งคุณรู้หรือไม่ว่าการทดสอบความเร็วเน็ตนี้ ทุกครั้งจะมีการบันทึกผลเอาไว้เสมอ และทำการสรุปให้คนได้ทราบกันเป็นช่วงๆไป ซึ่งเมื่อผลที่ออกมามีความต่างกับคู่แข่งมากๆ ก็จะทำให้เครือข่ายที่เราใช้งานอยู่ต้องพิจารณาหาทางเพิ่มประสิทธิภาพของตัวเองต่อไปครับ

ทดสอบความเร็วแต่ละครั้งใช้เน็ตมากน้อยแค่ไหน

จำนวนดาต้าที่ใช้งานแต่ละครั้งที่เรากดทดสอบ ขึ้นกับความเร็วของเน็ตที่ทดสอบได้ในขณะนั้น ถ้าหากว่าอยู่ในพื้นที่เน็ต 4G LTE แรงมากๆระดับ 100Mbps ก็อาจจะกินดาต้าสูงถึง 2-300MB ได้เลยล่ะครับ แต่ถ้าเน็ตไม่กี่สิบ Mbps ก็จะกินไม่กี่ MB เท่านั้นครับ

 

มองมุมกลับ ดาต้าไม่ถูกเผาโดยเสียเปล่า แถมเจอช่องทางประหยัดเน็ต

จากการเผาเน็ตที่ว่ามาข้างต้นนั้น มันก็ไม่ใช่การเผาเน็ตที่มีอยู่อย่างเสียเปล่า เรียกว่าเป็นการใช้ดาต้าที่เรามีอยู่อย่างคุ้มค่าเต็มความสามารถ ทั้งได้คุณภาพที่แท้จริงของแอปต่างๆ ได้สำรองข้อมูลภาพในเครื่องแบบเรียลไทม์ และยังเป็นหนึ่งในคนที่ช่วยผลักดันเครือข่ายให้ทราบและทำการปรับปรุงคุณภาพต่อไปในอนาคตอีกด้วยล่ะครับ

และในทางกลับกัน 5 กิจกรรมที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นนี้ เรียกได้ว่าเป็นแอปที่ใช้งานดาต้าในแพคเกจเรามากที่สุดกลุ่มนึง ตามข้อมูลที่เคยได้รับมาน่าจะคิดเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 50-70% ของแบนด์วิธทั้งหมดในระบบของแต่ละเครือข่ายเลยก็ว่าได้ ซึ่งถ้าใครที่มีดาต้าอยู่อย่างจำกัด ยังไงก็ลองไปตรวจสอบการตั้งค่า ปรับจาก Auto ที่เลือกใช้งานแบบเต็มความละเอียด ให้เหลือแบบประหยัดลง หรือปิดการ Auto Backup เอาไว้ แล้วรอเดินเจอ WiFi เมื่อไหร่ค่อยเปิดใช้งานอีกทีก็น่าจะช่วยประหยัดเน็ตได้ดีเลยทีเดียวครับ

และนี่ก็เรียกเป็นเคล็ดลับการเผาเน็ต – ประหยัดเน็ต ที่อยากจะเอามาฝากกันครับ ก็ลองเอาไปปรับใช้กันตามเหมาะสมละกันครับ

 

พื้นที่โฆษณา

อ่านบทความแล้วอยากได้เน็ตเยอะๆ เอาไว้เผากับเค้าบ้าง แต่ไม่อยากจะต้องจ่ายแพงๆ ย้ายค่ายมาดีแทควันนี้ แค่เดือนละ 399 บาทก็ได้เน็ตมาใช้งานถึง 30GB ต่อเดือนกันไปเลย แถมบล็อกทุกบริการเสริมจากในระบบ หมดสิทธิ์สมัครบริการเสริมใดๆทั้งสิ้น ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ หมดปัญหาบิลแรงเกิน + ไม่ติดเงื่อนไขสัญญา ไม่ผูกมัดว่าต้องใช้กี่เดือน ไม่พอใจก็เลิกใช้เมื่อไหร่ก็ได้อีกด้วยนะครัชชช

เตรียมแรงใช้เน็ตกันแบบเต็มสปีดกันได้มากขึ้น เมื่อทางดีแทคได้คลื่นใหม่ 2300MHz ที่กว้างแบบสุดๆถึง 60MHz ซึ่งถือว่าเป็นผู้ให้บริการที่มีความถี่กว้างที่สุดในตอนนี้ และเตรียมเปิดให้ใช้งานเร็วๆนี้แล้วด้วย งานนี้เผากันสนุกแน่นอน

ราคาแพ็กเกจจ่ายแล้วจบ คุ้มแบบสุดๆจริงๆ

จ่ายเท่าที่เห็น ไม่มีใช้งานเกิน
ค่าบริการรายเดือน299 บาท399 บาท599 บาท
เน็ตไม่อั้นเต็มสปีด20GB30GB40GB
โทรฟรีทุกค่าย150 นาที300 นาที1,000 นาที
SMS / MMS ในประเทศ10 / 5 ครั้ง10 / 5 ครั้ง10 / 5 ครั้ง

**ราคายังไม่รวม VAT 7%**

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.dtac.co.th/mnp