ปัจจุบันนี้ทุกคนที่มีสมาร์ทโฟนก็แทบจะต้องสมัครเพ็คเกจอินเตอร์เน็ตไว้ติดเครื่องกันสำหรับ แชท เฟซ ไลน์ กูเกิ้ล กันทั้งนั้น และส่วนใหญ่ก็มักจะหาแพ็คเกจแบบ Unlimited เพื่อที่จะใช้งานอย่างจุใจกันบนเครือข่าย 3G/4G แต่ก็มีหลายคนบ่นมาว่า จะใช้แบบไหนสุดท้ายก็ติด FUP ทำให้เน็ตช้าทากยังอายอยู่ดี อยากได้เน็ต Unlimited แบบไม่มี FUP จะได้ไหม? ทำไมต้องมี FUP ให้วุ่นวายด้วย? และจะทำยังไงให้ไม่ต้องติด FUP?

ทำความรู้จักคลื่นสัญญาณโทรศัพท์

เพื่อที่จะเข้าใจเรื่อง FUP เราต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับสัญญาณโทรศัพท์กันสักนิดนึงก่อน ว่าสมาร์ทโฟนที่พวกเราทุกคนใช้กันอยู่นี้ รับสัญญาณที่กระจายจากเสาของเครือข่าย โดยเสาหนึ่งต้นจะรองรับจำนวนผู้ใช้ได้หลักร้อยถึงพันราย ขึ้นกับปัจจัยต่างๆมากมาย เช่น ลักษณะภูมิประเทศ คลื่นความถี่ของสัญญาณ สเปคของเสา หรือการใช้งานของผู้ใช้ที่อยู่ในเสาเดียวกัน ซึ่งทุกคนที่รับสัญญาณจากเสาเดียวกันนั้น จะแชร์ช่องสัญญาณร่วมกัน ไม่ว่าจะใช้โทรคุย หรือเล่นเน็ตก็ตาม และเมื่อมีคนในเสามีการใช้งานหนักขึ้น จำนวนคนที่สามารถรองรับ หรือคุณภาพสัญญาณก็จะน้อยลงตามไป ทำให้เกิดปัญหาสายหลุด เสียงคุยไม่รู้เรื่อง หรือเน็ตไม่วิ่ง ซึ่งทุกคนน่าจะเคยประสบปัญหานี้มาก่อน

ข้อมูลจาก wikipedia

วิธีการแก้ปัญหาดังกล่าว คือ การลงเสาหรือติดตั้งอุปกรณ์กระจายสัญญาณเพิ่ม เพื่อแบ่งภาระจากเสาต้นเดียวไปหลายๆที่ ยิ่งมีการใช้งานหนาแน่นขึ้นเท่าไหร่ เครือข่ายก็ต้องมีการลงเสาหรืออุปกรณ์มากขึ้นตามไปด้วย แต่ว่าเสาและอุปกรณ์เหล่านี้ก็ไม่ได้จะมีราคาถูก ต้นทุนต่อเสาหนึ่งต้นอยู่ที่หลักแสนถึงล้านบาท และสามารถใช้รับส่ง data ได้สูงสุดที่ระดับหลักร้อย Mbps* ต่อ 1 เสาสัญญาณเท่านั้น หากมีผู้ใช้รายใดทำการโหลดข้อมูลหนักๆ เผาแบนด์วิธ (Bandwidth) ด้วยการโหลดบิท สตรีมคลิปวีดีโอ คุณภาพของสัญญาณก็จะลดลงตามไป ครั้นจะเพิ่มเสาให้เพียงพอกับความต้องการ ก็จะเป็นการเพิ่มต้นทุน และสะท้อนไปถึงค่าบริการที่ต้องสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว

นอกจากนี้ การวางเสาเพิ่มเติมก็ไม่ใช่ว่าจะแก้ปัญหาได้ทั้งหมด เพราะว่า “คลื่น” ที่เราใช้เป็นตัวกลางส่งผ่านข้อมูลกันเนี่ย ไม่ใช่สิ่งที่จะสร้างเพิ่มได้ ถ้ารถติด เราอยากให้รถวิ่งได้มากขึ้น เรายังสามารถสร้างถนนเพิ่มขนาดได้ หรือถ้าเป็นเน็ตบ้าน ที่ต้องการเพิ่มช่องสัญญาณ อัพสปีดให้เร็วขึ้น รองรับผู้ใช้ให้มากกว่าเดิม ก็สามารถเพิ่มจำนวนคู่สายให้มีขนาดใหญ่ขึ้นได้ ยิ่งในปัจจุบันใช้ Fiber Optic แค่วางสายเข้าไปพรวดเดียวก็ได้ Bandwidth ในระบบเพิ่มขึ้นหลาย Gbps* รองรับได้หลายครัวเรือน แต่ในระบบไร้สาย เราจะวาง “คลื่น” เพิ่มไม่ได้ ในบริเวณๆหนึ่งคลื่นมันมีอยู่เท่าไหร่ก็เท่านั้น ถ้าต้องการใช้งานเพิ่มก็ต้องขยายความถี่ ซึ่งความถี่นี้ก็เป็นสมบัติของชาติ เหล่าผู้ให้บริการต้องไปประมูลสัมปทานมาให้บริการ ดังที่เราเห็นตามข่าวการประมูลคลื่น 850/900/1800/2300MHz อะไรนั่นแหละ ซึ่งมูลค่าการประมูลสัมปทานนี้ก็จะสูงไปถึงหลักหมื่นล้านบาทเลยทีเดียว

ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องอัตราการส่งข้อมูลของ 3G/4G cell tower: Quora thread
* 1 Gbps = 1,024 Mbps

 

ทำไมต้องมี FUP?

จากที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะใช้งานเหมือนกัน บางคนใช้งานหนัก ชอบสตรีมดูคลิป YouTube โหลดข้อมูลใหญ่ๆมาใช้งาน แต่บางคนแค่แชท อ่านเว็บ หรือโซเชียลทั่วไป ซึ่งกินแบนด์วิธน้อยกว่ากันเกิน 10 เท่าตัว การที่คนใช้งานหนักๆ จ่ายเท่ากัน จะไปเบียดเบียนคนที่ใช้งานน้อยๆ ก็ดูจะไม่แฟร์เท่าไหร่นัก จึงเป็นที่มาของ FUP (Fair Usage Policy) หรือนโยบายการใช้งานอย่างเป็นธรรม และของแพคเกจต่างๆที่ค่ายมือถือออกมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานแต่ละคน

ความกว้างของช่องสัญญาณมีอยู่อย่างจำกัด เพิ่มไม่ได้ จึงต้องมีการจัดสรรให้พอดี

กล่าวโดยสรุปคือ FUP มีไว้เพื่อ

  1. จำกัดการใช้งานของผู้ใช้ ให้แบ่งกันอย่างพอดีๆ
  2. บริหารทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด ให้พอเพียง
  3. ปรับแพคเกจ คิดค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละคน

 

*** รู้หรือไม่ว่า ในบางประเทศมีการกำหนดใช้ FUP กับอินเตอร์เน็ตบ้านด้วย! โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ระกับ 5-10 Gigabits ต่อวัน เช่น Canada และ Australia แต่ก็มีประเทศใจป้ำอย่างญี่ปุ่นที่ให้ถึง 30 Gigabits ต่อวัน*via maximumpc

 

สมมุติว่า โลกนี้ไม่มี FUP แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น ?

ถ้าไม่มี FUP แล้ว เราจะได้ใช้อินเตอร์เน็ตกันแบบอิสระไหม? คำตอบก็คือ ใช่…และไม่ใช่ครับ เราจะสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้แบบ Unlimited อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องลิมิตของ FUP เลย แต่คนที่จะมาจำกัดการใช้งานของเรานั้นจะกลายเป็นคนรอบๆข้างเราแทนครับ ถ้าคนรอบข้างเราไม่มีใครใช้อินเตอร์เน็ตเลยก็ดีไป เราก็ได้ใช้อินเตอร์เน็ตแรงๆคนเดียว ใช้เท่าไหร่ก็ได้ ฟังดีดูใช่ไหมหล่ะ


ถ้าเราใช้เน็ตคนเดียว จะใช้ช่องสัญญาณเยอะแค่ไหนก็ได้ เน็ตเร็วดี

แต่เดี๋ยวก่อน สมมุติว่ารอบๆตัวเราทุกคนใช้มือถือและอินเตอร์เน็ตกันอย่างเมามันส์ (ซึ่งจริงๆแล้วทุกวันนี้ก็เป็นอย่างนั้น) เราก็ต้องแบ่งช่องสัญญาณกันกับคนอื่นรอบๆเรา แล้วเกิดมีคนที่เอาเน็ตมือถือไปโหลด bittorrent หรือเปิด YouTube ความละเอียด 4K รัวๆ มันก็จะยิ่งดึงช่องสัญญาณของเราไปซะหมด กลายเป็นว่าเราก็จะได้ใช้อินเตอร์เน็ตแบบช้าๆเหมือนเดิม เผลออาจจะช้ากว่าเดิมก็ได้นะ


ถ้าคนอื่นคิดเหมือนเรา เค้าก็จะใช้เน็ตแรงแค่ไหนก็ได้เหมือนกัน เราก็จะโดนแย่งช่องสัญญาณไป

ถ้ายังนึกภาพกันไม่ออก ลองสมมุติเป็นสถานการณ์ใกล้ตัวเข้ามาอีกนิดหนึ่งละกัน สมมุติว่าเราอยู่บ้านกับพ่อแม่พี่น้อง ทุกคนกำลังใช้อินเตอร์เน็ตบ้านหร้อมกันทุกคน บางคนเล่น Line บางคนเล่นเฟส แต่ไอน้องเรามันดันโหลดหนังโหลดเกมจนทุกคนในบ้านเปิดหน้าเว็ปไม่ขึ้น Line ไม่เด้งกันซะหมดเลย สิ่งที่เราจะทำได้ก็คือ เดินไปตบหัวไอน้องเราแล้วบอกมันหยุดโหลดซะ หรือไม่ก็โหลดช้าๆหน่อย แบ่งเน็ตคนอื่นใช้บ้าง

แต่ในชีวิตจริงนั้น เราจะเดินไปตบหัวคนที่เปิดดู YouTube อยู่ข้างๆเราแล้วบอกว่า “แบ่งเน็ตผมใช้บ้าง” มันก็ไม่ได้สินะ เพราะเหตุนี้เอง FUP เลยเข้ามามีบทบาทในการ จำกัดการใช้งานของคนบางคน ที่อาจจะใช้อินเตอร์เยอะเกินเหตุ

 

ถ้าไม่อยากติด FUP ต้องทำอย่างไร ?

ง่ายนิดเดียว … จ่ายตังเพิ่มสิครับ รออะไรกันอยู่!! ใครใช้เยอะก็ต้องยอมจ่ายเยอะเพิ่มขึ้นด้วย เน็ต 1GB เดี๋ยวนี้มีให้เลือกตั้งแต่ 100-200 บาท ถ้าใครที่วันนี้ยังบ่นว่า “เน็ตติด FUP วิ่งช้าเป็นทาก เครือข่ายเอาเปรียบ” แต่จะจ่ายแค่ 199 ต่อเดือนมันก็เริ่มจะดูงงว่าใครเอาเปรียบใครกันแน่นะ หรือไม่อย่างงั้นก็ต้องเลือกแพคที่ให้ FUP สูงขึ้นมาหน่อย ระดับ 256-512 kbps จะเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปมากขึ้น

 ราคาปริมาณจำนวนวัน
AIS
239300MB30 วัน
2491GB7 วัน
7994GB30 วัน
DTAC
1501GB30 วัน
3993GB30 วัน
TRUEMOVE H
791GB7 วัน
991GB15 วัน
1501GB30 วัน

ราคา Top-up อินเทอร์เน็ตของ AIS, DTAC, Truemove H ซึ่งมีการปรับลดลงมาเรื่อยๆจากการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น

หรือถ้าไม่อยากจ่ายเพิ่ม เราก็ต้องปรับพฤติกรรมการใช้งานอินเตอร์เน็ตของเราครับ เช่น

  • หันไปพึ่งพา WiFi มากขึ้น
  • ไม่ เปิดดูวีดีโอบนมือถือ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, หรือ YouTube ให้ share ไว้แล้วค่อยกลับมาดูเมื่อมี WiFi (วิธีปิด Auto-Play วีดีโอบน Facebook)
  • หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ (2-10 MB ก็ถือว่าใหญ่แล้วนะ)
  • หลีกเลี่ยงการเข้าเว็ป หรือแอพ ที่มีการโหลดรูปภาพจำนวนมาก (Facebook กับ Instagram เนี่ยตัวดี)
  • ใช้ Browser ที่มีการบีบอัดข้อมูล เช่น Opera เพื่อลงการใช้ Data

อีกส่วนหนึ่งที่ช่วยได้ก็คือ การปรับพฤติกรรมการเลือก content ที่จะอ่าน ถ้าเป็นอะไรที่ไม่ต้องเปลี่ยนเพจไปมาบ่อย ไม่ต้อง refresh บ่อย เช่น การอ่านกระทู้พันทิปยาวๆ ที่โหลดครั้งเดียวแล้วอ่านเป็นชั่วโมง ย่อมประหยัด Data มากกว่าการไล่ดู Newsfeed Facebook ที่ต้องมีการโหลดโพสใหม่เรื่อยๆแน่นอน เท่านี้ เราก็จะได้ใช้เน็ตความแรงเต็มสปีดกันได้นานๆแล้วหล่ะ

 

สุดท้ายนี้ เราไม่ได้ต้องการจะปกป้องเครือข่ายใดทั้งนั้น เราก็ไม่พอใจกับบางโปรที่ตั้ง FUP ได้หฤโหดสุดๆ ความเร็วแบบปู่ dial-up ยังต้องขึ้นจากหลุมมาเยาะเย้ย แต่ก็อยากให้เข้าใจว่า FUP มันก็มีดี ช่วยป้องกันไม่ให้มีการใช้ bandwidth ที่มีอยู่อย่างจำกัดไปในทางที่ไม่สมควร ไม่ใช่สักแต่โวยวายขอทุกอย่างแต่ไม่เคยรู้อะไรสักอย่าง เรายังคงต้องเจอกับ FUP กันไปอีกนาน จนกว่าจะมีเทคโนโลยีอะไรที่เพิ่มความสามารถในการส่งข้อมูลไร้สายให้ดีขึ้นด้วยราคาที่ถูกลง เหมือนในยุค Fiber Optic ของเน็ตบ้าน