อย่าเพิ่งคิดว่าเข้าเว็บผิดไป นี่ยังเป็นเว็บ Android อยู่เช่นเดิม แต่เราคงปฎิเสธไม่ได้ว่า iOS ก็เป็นระบบปฎิบัติการณ์เพื่อนรักคู่แค้นกันมาตั้งแต่วันที่มันลืมตามาดูโลกนั่นแหละ ฉะนั้นไฉนเลยวันนี้ที่เพื่อนรักเรามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ปรับโฉมหน้าตาอะไรมากมายเราจะไม่ร่วมแสดงความยินดีกับเค้ากันหน่อย มารู้จักพวกเค้าให้มากขึ้นเวลาเราจะไปคุยอะไรกับคนที่เค้าใช้ OS อื่นจะได้รู้เรื่องบ้างอะไรบ้างกันนะจ๊ะ ว่าแล้วก็ไปดูกันดีกว่าว่า iOS7 ที่กำลังเป็นที่ฮือฮาของเหล่าสาวกผลไม้ ณ เวลานี้ มีอะไรที่เด็ดๆบ้าง

ปรับเปลี่ยนหน้าตาใหม่หมดจด Flat Design มาตามคาด ผลงาน Jony Ive

ตั้งแต่ iPhone เปิดตัวมาในปี 2007 หน้าตาของ UI  ก็ไม่เคยเปลี่ยนมานับตั้งแต่ตอนนั้น และเมื่อมาถึง iOS7 ก็ถึงเวลาที่จะต้องปรับครั้งใหญ่โดยหัวเรือการปรับครั้งนี้ก็ใช่ใครอื่น Jony Ive นั่นเอง โดยโครงสร้างหลักๆจะยังเป็นเหมือน iOS เดิมๆแต่พวก icon จะถูกปรับให้มีความแบนลง มีสไตล์ สว่างสดใส และเรียบง่ายมากขึ้น พวกการไล่เฉดสีต่างๆจะถูกลดทอนลงไป และเมื่อเรามองจากต่างมุมมอง ไอคอนก็จะมีการปรับตามทิศทางการมองของเราด้วย

นอกจากนี้ iOS7 จะมีความเปลี่ยนแปลงในเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมายทั้งเรื่อง font ที่จะมีขนาดที่บางลง หน้าจอปลดล๊อคก็เปลี่ยนไป และยังมี Control panel ที่สามารถดึงขึ้นมาจากด้านล่างเพื่อตั้งค่าต่างๆได้ทันที รวมถึง folder ที่ไม่จำกัดแค่เพียง 12/16 แอพอีกต่อไป แต่สามารถลากซ้ายขวาเพิ่มหน้าได้ตามใจชอบแล้ว

Android View : หน้าตาของเค้าสวยจริงๆจังๆ แต่ดูๆแล้วก็แอบละม้ายคล้ายของ MIUI* ปัจจุบัน ที่เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้เคยไปก้อป iOS มาก่อนซะงั้น ส่วนฟีเจอร์อื่นๆก็เป็นการเพิ่มเติมขึ้นมาให้ทัดเทียมฝั่งแอนดรอยด์ทั้งสิ้น รวมถึง parallax effect ที่มีเป็นแอพ Live Wallpaper ให้ดาวน์โหลดกันได้

Play video
Live Wallpaper ที่เหมือน Parallax Effect จ้า 

ทำงานแบบหลายแอพพร้อมกัน ดูละม้ายคล้าย WebOS

ในที่สุดการทำงานแบบ Multitasking ก็ไม่ได้ถูกจำกัดแค่เพียบ 4 ไอคอนเท่านั้น แต่ด้วย iOS7 แอปเปิ้ลได้เอารูปแบบหน้าตาจาก WebOS และ Windows Phone มาดื้อๆซะงั้น เมื่อเราแตะสองครั้งที่ปุ่ม Home ก็จะเป็นการเปิด thumbnails ขึ้นมาแทนที่จะมีแค่ไอคอนอย่างแต่ก่อน 

สามารถเลื่อนซ้ายขวาเพื่อเลือกแอพที่ต้องการสลับได้ และจะเปิดให้ทุกแอพสามารถใช้งาน multitasking ได้หรือในทางทฤษฎีคือเราสามารถสลับแอพได้รวดเร็วขึ้น ไม่ต้องรอมันโหลดใหม่นั่นเอง

Android View : เช่นเดิมที่ Android เราสามารถทำงานแบบ Multitask ได้มาตั้งแต่เกิดเลย แม้ว่าจะกระท่อนกระแท่นบ้าง และกว่าจะทำงานได้ดีจริงๆจนเป็นที่ยอมรับก็ในเฟิร์มแวร์ Android 4.0+ นี่เองจ้า แล้วในที่สุด Apple ก็ตัดสินใจเดินตาม Android อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจริงๆแล้วอาจจะเป็นการเลือกใช้ที่ถูกต้องถูกเวลามากกว่าเพราะ hardware ก่อนหน้านี้สัก 2 ปี มันก็ยังไม่พร้อมสำหรับ multitasking จริงๆนั่นแหละ 

Play video
ที่ว่าเหมือนกับ Web OS ลองดูตอนช่วงนาที่ 2.10 

การแจ้งเตือนที่พัฒนามากขึ้น

  • สามารถเข้าดูการแจ้งเตือนจากหน้า lockscreen ได้ทันที
  • เช็คการแจ้งเตือนแค่อุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง การแจ้งเตือนในอุปกรณ์อื่นก็จะหายไปทันที ไม่ต้องเช็คซ้ำซากอีกต่อไป
  • เพิ่ม Tab ขึ้นมา 3 อัน – “today”, “all, และ “missed”
  • Today จะมีความละม้ายคล้าย GoogleNow ที่จัดเลือกทุกสิ่งอย่างในวันนึงขึ้นมาให้ดู ทั้งนัดหมาย สภาพอากาศ วันเกิด การแจ้งเตือน หุ้น และอื่นๆ
  • พื้นหลังของ notification center ก็ปรับใหม่ให้เป็นแบบใสแต่พื้นหลังเบลอ
Android View : เช่นเดิมแจ้…ไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่เรื่องการ sync การแจ้งเตือนที่อ่านแล้ว iOS ขยับเอาไป integrated ลงระดับ OS ได้เร็วกว่า android นิดนึงด้วยซ้ำ เพราะฟีเจอร์อย่างงี้ยังมีแค่ Hangouts เท่านั้นที่ทำได้นะเนี่ย

Control Center ชื่อใหม่ของ Quick Settings เมือไปอยู่บน iOS

  • สามารถตั้งค่าต่างๆของเครื่องเพียงแค่ดึงจากด้านลา่งของหน้าจอขึ้นมาเท่านั้น
  • ปรับแต่งค่าความสว่าง เล่นเพลง หรือสั่งเชื่อมต่อ AirPlay หรือ AirDrop ได้ผ่านจอนี้ด้วย
  • เช่นเดิม Control Center จะโปร่งแสงเห็นภาพพื้นหลัง
Android View : คงไม่ต้องพูดอะไรละ…
 
 

AirDrop เอามาลง iOS เรียบร้อยแล้ว

  • มันคือฟีเจอร์ที่ทำให้เราแชร์ไฟล์ไปให้คนที่อยู่รอบๆได้อย่างรวดเร็ว – อารมณ์ Bluetooth แต่ง่ายกว่า
  • ก่อนหน้านี้มีให้ใช้บน Mac เท่านั้น วันนี้ขยายผลมา iOS เรียบร้อย
  • จะสามารถใช้งานได้ข้ามสายพันธุ์ ส่งไปมา Mac และ iOS ได้
  • มีการเข้ารหัส ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย
  • สามารถเลือกได้ว่าจะให้รับส่งกันผ่านคนที่อยู่ WiFi network เดียวกันหรือเลือกรับเฉพาะไฟล์จากคนที่เรามีเบอร์ติดต่อ
  • มีการแซะ Android (โดยเฉพาะซัมซุง) ว่าทำได้ง่ายกว่า เพราะไม่ต้องคอยเอาเครื่องไปใช้ NFC แตะกัน
Android View : ดูจากการเดโม มันก็ถือว่าเจ๋งดี แต่ต้องลองดูของจริงก่อนว่ามันแสกนหากันเจอเร็วขนาดไหน เพราะเอาจริงๆ NFC และ Wi-Fi Direct ของ Android มันก็ทำได้นะ และส่งไฟล์หากันได้ไม่จำกัดนามสกุลด้วยเหอะ (เชื่อว่า AirDrop รองรับแค่บางไฟล์เท่านั้น)

อื่นๆอีกเล็กๆน้อยๆ

ปรับโฉม Gallery จัดเรียงภาพให้อัตโนมัติในรูปแบบ “เหตุการณ์” อิงตามสถานที่และเวลาที่เราถ่ายภาพ

App Store สามารถ auto-update ได้แล้ว

Siri มีเสียงเป็นธรรมชาติมากขึ้น และพูดได้ทั้งเสียงผู้หญิงและผู้ชาย ค้นหาข้อมูลได้จากหลากหลายแห่งมากขึ้น เช่น Wikipedia Twitter หรือ Bing

iTunes Radio เข้าร่วมสงคราม streaming music service เช่นเดียวกับที่ Google Music ก็ได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ สามารถโหลดฟังเพลงได้แบบ unlimited ไม่มีค่าใช้จ่าย

iOS สำหรับรถยนต์ แอปเปิ้ลได้มีการตกลงกับบริษัทผู้ผลิตชั้นนำมากมายเพื่อให้ iPhone สามารถเชื่อมต่อและซิงค์กับหน้าจอบนรถได้ ที่นี้เราก็ได้ใช้พวกแอพนำทางหรือรับการแจ้งเตือนระหว่างขับรถบนหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นได้แล้ว แต่ว่าเราจะเริ่มเห็นรถที่รองรับระบบนี้ก็ปี 2014 เลยครับ

อย่างที่เห็นนะครับว่าวันนี้ iOS เค้าก็ไม่ได้มีอะไรใหม่มากมาย หลักๆก็มีแค่การปรับและเพิ่มฟีเจอร์ขึ้นมาให้เท่ากับฟากของแอนดรอยด์เรานี่เอง แต่ว่าเค้าเองก็มีหน้าตาที่สุดแสนจะหรูหรา การใช้งานที่เสถียรและไหลลื่นโดนใจชาวประชาเสียเหลือเกิน แต่อย่างไรก็ดี ไม่อยากให้มีดราม่าเรื่องว่าเค้ามาลอกเลียนแบบฝั่ง Android เพราะอุตสาหกรรมนี้มันก็ประมาณนี้แหละ อันไหนที่ดีก็ไปหยิบยืมมาใช้งานกันเรื่อยๆ จะไปหวงทำไมในเมื่อพวกเราๆเองนี่แหละที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุด อย่าไปเดือดร้อนแทนแบรนด์เค้าเพราะสุดท้ายอุปกรณ์ที่อยู่ในมือเราจะมีค่ารึเปล่า อยู่ที่การใช้งานของเรา หาใช่ OS หรือหน้าตาไม่ครับ เรามายินดีกับอะไรใหม่ๆที่กำลังจะเกิดดีกว่าครับ

มีความสุขกับการใช้มือถือกันทุกคนครับ…สวัสดี

(ปล. กรุณาอย่าให้เห็นว่า Apple มาฟ้อง Android อีกเลยนะ ไม่งั้นจะเศร้าเสียใจเป็นล้นพ้น :()

ขอบคุณ TheVerge ที่เป็นต้นทางของข่าวให้เราเอามาแปลครั้งนี้

ขี้เกียจอ่านก็ดูวิดีโอสรุปแบบเต็มๆจุใจ 7.29 นาทีได้เลย

Play video

ขอเชิญเข้าไปดูการเดโมฟีเจอร์ต่างๆได้ที่ Apple | iOS 7 ซึ่งขอชื่นชมเลยว่าเค้าทำออกมาได้ดูดีจริงๆจ้า

*เข้าไปดูหน้าตาของ MIUI ที่บอกว่าละม้ายคล้ายกันที่ http://en.miui.com/features.php