อย่าเพิ่งคิดว่าเข้าเว็บผิดไป นี่ยังเป็นเว็บ Android อยู่เช่นเดิม แต่เราคงปฎิเสธไม่ได้ว่า iOS ก็เป็นระบบปฎิบัติการณ์เพื่อนรักคู่แค้นกันมาตั้งแต่วันที่มันลืมตามาดูโลกนั่นแหละ ฉะนั้นไฉนเลยวันนี้ที่เพื่อนรักเรามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ปรับโฉมหน้าตาอะไรมากมายเราจะไม่ร่วมแสดงความยินดีกับเค้ากันหน่อย มารู้จักพวกเค้าให้มากขึ้นเวลาเราจะไปคุยอะไรกับคนที่เค้าใช้ OS อื่นจะได้รู้เรื่องบ้างอะไรบ้างกันนะจ๊ะ ว่าแล้วก็ไปดูกันดีกว่าว่า iOS7 ที่กำลังเป็นที่ฮือฮาของเหล่าสาวกผลไม้ ณ เวลานี้ มีอะไรที่เด็ดๆบ้าง
ปรับเปลี่ยนหน้าตาใหม่หมดจด Flat Design มาตามคาด ผลงาน Jony Ive
ตั้งแต่ iPhone เปิดตัวมาในปี 2007 หน้าตาของ UI ก็ไม่เคยเปลี่ยนมานับตั้งแต่ตอนนั้น และเมื่อมาถึง iOS7 ก็ถึงเวลาที่จะต้องปรับครั้งใหญ่โดยหัวเรือการปรับครั้งนี้ก็ใช่ใครอื่น Jony Ive นั่นเอง โดยโครงสร้างหลักๆจะยังเป็นเหมือน iOS เดิมๆแต่พวก icon จะถูกปรับให้มีความแบนลง มีสไตล์ สว่างสดใส และเรียบง่ายมากขึ้น พวกการไล่เฉดสีต่างๆจะถูกลดทอนลงไป และเมื่อเรามองจากต่างมุมมอง ไอคอนก็จะมีการปรับตามทิศทางการมองของเราด้วย
นอกจากนี้ iOS7 จะมีความเปลี่ยนแปลงในเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมายทั้งเรื่อง font ที่จะมีขนาดที่บางลง หน้าจอปลดล๊อคก็เปลี่ยนไป และยังมี Control panel ที่สามารถดึงขึ้นมาจากด้านล่างเพื่อตั้งค่าต่างๆได้ทันที รวมถึง folder ที่ไม่จำกัดแค่เพียง 12/16 แอพอีกต่อไป แต่สามารถลากซ้ายขวาเพิ่มหน้าได้ตามใจชอบแล้ว
Android View : หน้าตาของเค้าสวยจริงๆจังๆ แต่ดูๆแล้วก็แอบละม้ายคล้ายของ MIUI* ปัจจุบัน ที่เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้เคยไปก้อป iOS มาก่อนซะงั้น ส่วนฟีเจอร์อื่นๆก็เป็นการเพิ่มเติมขึ้นมาให้ทัดเทียมฝั่งแอนดรอยด์ทั้งสิ้น รวมถึง parallax effect ที่มีเป็นแอพ Live Wallpaper ให้ดาวน์โหลดกันได้
Live Wallpaper ที่เหมือน Parallax Effect จ้า
ทำงานแบบหลายแอพพร้อมกัน ดูละม้ายคล้าย WebOS
ในที่สุดการทำงานแบบ Multitasking ก็ไม่ได้ถูกจำกัดแค่เพียบ 4 ไอคอนเท่านั้น แต่ด้วย iOS7 แอปเปิ้ลได้เอารูปแบบหน้าตาจาก WebOS และ Windows Phone มาดื้อๆซะงั้น เมื่อเราแตะสองครั้งที่ปุ่ม Home ก็จะเป็นการเปิด thumbnails ขึ้นมาแทนที่จะมีแค่ไอคอนอย่างแต่ก่อน
สามารถเลื่อนซ้ายขวาเพื่อเลือกแอพที่ต้องการสลับได้ และจะเปิดให้ทุกแอพสามารถใช้งาน multitasking ได้หรือในทางทฤษฎีคือเราสามารถสลับแอพได้รวดเร็วขึ้น ไม่ต้องรอมันโหลดใหม่นั่นเอง
Android View : เช่นเดิมที่ Android เราสามารถทำงานแบบ Multitask ได้มาตั้งแต่เกิดเลย แม้ว่าจะกระท่อนกระแท่นบ้าง และกว่าจะทำงานได้ดีจริงๆจนเป็นที่ยอมรับก็ในเฟิร์มแวร์ Android 4.0+ นี่เองจ้า แล้วในที่สุด Apple ก็ตัดสินใจเดินตาม Android อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจริงๆแล้วอาจจะเป็นการเลือกใช้ที่ถูกต้องถูกเวลามากกว่าเพราะ hardware ก่อนหน้านี้สัก 2 ปี มันก็ยังไม่พร้อมสำหรับ multitasking จริงๆนั่นแหละ
ที่ว่าเหมือนกับ Web OS ลองดูตอนช่วงนาที่ 2.10
การแจ้งเตือนที่พัฒนามากขึ้น
- สามารถเข้าดูการแจ้งเตือนจากหน้า lockscreen ได้ทันที
- เช็คการแจ้งเตือนแค่อุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง การแจ้งเตือนในอุปกรณ์อื่นก็จะหายไปทันที ไม่ต้องเช็คซ้ำซากอีกต่อไป
- เพิ่ม Tab ขึ้นมา 3 อัน – “today”, “all, และ “missed”
- Today จะมีความละม้ายคล้าย GoogleNow ที่จัดเลือกทุกสิ่งอย่างในวันนึงขึ้นมาให้ดู ทั้งนัดหมาย สภาพอากาศ วันเกิด การแจ้งเตือน หุ้น และอื่นๆ
- พื้นหลังของ notification center ก็ปรับใหม่ให้เป็นแบบใสแต่พื้นหลังเบลอ
Control Center ชื่อใหม่ของ Quick Settings เมือไปอยู่บน iOS
- สามารถตั้งค่าต่างๆของเครื่องเพียงแค่ดึงจากด้านลา่งของหน้าจอขึ้นมาเท่านั้น
- ปรับแต่งค่าความสว่าง เล่นเพลง หรือสั่งเชื่อมต่อ AirPlay หรือ AirDrop ได้ผ่านจอนี้ด้วย
- เช่นเดิม Control Center จะโปร่งแสงเห็นภาพพื้นหลัง
AirDrop เอามาลง iOS เรียบร้อยแล้ว
- มันคือฟีเจอร์ที่ทำให้เราแชร์ไฟล์ไปให้คนที่อยู่รอบๆได้อย่างรวดเร็ว – อารมณ์ Bluetooth แต่ง่ายกว่า
- ก่อนหน้านี้มีให้ใช้บน Mac เท่านั้น วันนี้ขยายผลมา iOS เรียบร้อย
- จะสามารถใช้งานได้ข้ามสายพันธุ์ ส่งไปมา Mac และ iOS ได้
- มีการเข้ารหัส ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย
- สามารถเลือกได้ว่าจะให้รับส่งกันผ่านคนที่อยู่ WiFi network เดียวกันหรือเลือกรับเฉพาะไฟล์จากคนที่เรามีเบอร์ติดต่อ
- มีการแซะ Android (โดยเฉพาะซัมซุง) ว่าทำได้ง่ายกว่า เพราะไม่ต้องคอยเอาเครื่องไปใช้ NFC แตะกัน
อื่นๆอีกเล็กๆน้อยๆ
ปรับโฉม Gallery จัดเรียงภาพให้อัตโนมัติในรูปแบบ “เหตุการณ์” อิงตามสถานที่และเวลาที่เราถ่ายภาพ
App Store สามารถ auto-update ได้แล้ว
Siri มีเสียงเป็นธรรมชาติมากขึ้น และพูดได้ทั้งเสียงผู้หญิงและผู้ชาย ค้นหาข้อมูลได้จากหลากหลายแห่งมากขึ้น เช่น Wikipedia Twitter หรือ Bing
iTunes Radio เข้าร่วมสงคราม streaming music service เช่นเดียวกับที่ Google Music ก็ได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ สามารถโหลดฟังเพลงได้แบบ unlimited ไม่มีค่าใช้จ่าย
iOS สำหรับรถยนต์ แอปเปิ้ลได้มีการตกลงกับบริษัทผู้ผลิตชั้นนำมากมายเพื่อให้ iPhone สามารถเชื่อมต่อและซิงค์กับหน้าจอบนรถได้ ที่นี้เราก็ได้ใช้พวกแอพนำทางหรือรับการแจ้งเตือนระหว่างขับรถบนหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นได้แล้ว แต่ว่าเราจะเริ่มเห็นรถที่รองรับระบบนี้ก็ปี 2014 เลยครับ
อย่างที่เห็นนะครับว่าวันนี้ iOS เค้าก็ไม่ได้มีอะไรใหม่มากมาย หลักๆก็มีแค่การปรับและเพิ่มฟีเจอร์ขึ้นมาให้เท่ากับฟากของแอนดรอยด์เรานี่เอง แต่ว่าเค้าเองก็มีหน้าตาที่สุดแสนจะหรูหรา การใช้งานที่เสถียรและไหลลื่นโดนใจชาวประชาเสียเหลือเกิน แต่อย่างไรก็ดี ไม่อยากให้มีดราม่าเรื่องว่าเค้ามาลอกเลียนแบบฝั่ง Android เพราะอุตสาหกรรมนี้มันก็ประมาณนี้แหละ อันไหนที่ดีก็ไปหยิบยืมมาใช้งานกันเรื่อยๆ จะไปหวงทำไมในเมื่อพวกเราๆเองนี่แหละที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุด อย่าไปเดือดร้อนแทนแบรนด์เค้าเพราะสุดท้ายอุปกรณ์ที่อยู่ในมือเราจะมีค่ารึเปล่า อยู่ที่การใช้งานของเรา หาใช่ OS หรือหน้าตาไม่ครับ เรามายินดีกับอะไรใหม่ๆที่กำลังจะเกิดดีกว่าครับ
มีความสุขกับการใช้มือถือกันทุกคนครับ…สวัสดี
(ปล. กรุณาอย่าให้เห็นว่า Apple มาฟ้อง Android อีกเลยนะ ไม่งั้นจะเศร้าเสียใจเป็นล้นพ้น :()
ขอบคุณ TheVerge ที่เป็นต้นทางของข่าวให้เราเอามาแปลครั้งนี้
ขี้เกียจอ่านก็ดูวิดีโอสรุปแบบเต็มๆจุใจ 7.29 นาทีได้เลย
ขอเชิญเข้าไปดูการเดโมฟีเจอร์ต่างๆได้ที่ Apple | iOS 7 ซึ่งขอชื่นชมเลยว่าเค้าทำออกมาได้ดูดีจริงๆจ้า
ตามมา แต่ยังห่างไกล
Go launcher บนiOS
like ครับบ 555+
ฟิลคล้ายๆ OPPO
ติ่ง Oppo เข้ามากดถูกใจ <3
รู้สึกภูมิใจจังที่ใช้android 55+
ในทางกลับกัน ถ้าแอนดรอยด์เอามาใช้บ้าง โดนไล่ฟ้องดะเลย
ปีนี้เป็นปีที่ไม่ค่อยจะตื่นเต้นเลยครับ รู้สึกเนือยๆ ยังไงไม่รู้ทั้ง iOS และ Android
เทคโนโลยีมือถือแทบเล็ตมันมาถึงจุดอิ่มตัวละ ต่อไปรอดูนาฬิกากับแว่น อิอิ
IOS7 = andorid + windowsphone ดีๆ นี่เอง
ผลัดกันไปผลัดกันมา มีอะไรก็แบ่งๆ กันใช้จร้าาา
ถ้าผลัดกันใช้จริงๆ แล้วไม่ไล่ฟ้องกันก็ดีสิครับ = =
Sync การแจ้งเตือนที่อ่านแล้วเนี่ย Gmail ก็ทำได้ปกตินะ ถ้าไปอ่านเมลจากที่อื่นที่ไหนก็ตาม แจ้งเตือน Gmail ในโทรศัพท์ก็จะหายไปเองให้ด้วยครับ แต่แอพอื่นๆที่ไม่ใช่กูเกิลน่าจะยังทำไม่ได้
แต่ Control Center นี่แหม่….
นอกเรื่องครับ miui นี่โหลดมาใช้ได้มั้ย
มันเป็น rom ของเครื่องเลยครับ ต้องรุ่นที่มี rom miui ด้วยครับ หาข้อมูลใน XDA ได้ครับ
Mihome launcher ครับ โหลดได้ใน play store เปลี่ยน theme ได้ด้วยครับ แต่ว่าเปลี่ยนได้แต่ launcher นะครับหน้า setting ไม่เปลี่ยน
ขอบคุณทั้ง 2 ท่านนะครับ
ตอนนี้ ขอไปศึกษา เจ้า miui ก่อน ใช้ Mihome launcher ไปพลางๆ 😀
ผมว่าช่วงนี้ ทุกๆ OS ก็เริ่มจะหาอะไรใหม่ๆไม่ค่อยจะหวือหวาแล้ว หรืออาจจะเพราะเราเห็นเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
เมื่อเทียบกับสมัยกดปุ่ม หรือ จิ้มๆตอนวินโดว จนมาถึงปัดๆนิ้ว
ก็ถือว่าเอาของเดิมมาเสริมให้มันแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นเอง IOS แอนดรอย์ก็ขอแค่แก้เรื่องความสมูทและการบริโภค
แรมให้ดีกว่านี้ ผมว่า สาม OS คงสู้กันสนุก แต่การชนะก็ต้องวัดที่แอปมาลง
ขอดีที่แอนดรอย์มีเสนมมาคือ เสียบปุ๊ฐโยนไฟล์ได้ปั๊บประนึงเหมือนเป็น ทรัมไดร์ ถ้าเทียบในแง่ง่ายๆ
แต่ผมชอบ IOS Window ตรงความสมูท และแรมมาก เอาง่าย HTC 8s ราคาไม่ถึงหกพัน ลื่่นกว่าแอนดรอยมาก
แอนดรอย์ต้องแก้จุดนี้อีกหน่อย 4.1 กำลังไปได้ดีครับ
samsung ไม่ไช่มีแค่ nfc ครับ
มี wifi direct ด้วย
LG optimus black ก็มีครับ อิอิ
ยินดีด้วยกับ iOS ที่ทำอะไรหลายๆ อย่างแบบ Android ได้แล้ว ><
ฮามาก ตรง Control center ที่บอกว่า
"Android View : คงไม่ต้องพูดอะไรละ…"
สรุปได้โดนใจมากครับ
Android คิดอะไรได้ รีบใส่มาก่อน เพราะมีหลายหัว หลายบริษัท ค่อยมาซ่อมบักกันทีหลัง อุดรูรั่วกันทีหลัง
iOS ทุกอย่างต้องชัวร์เพราะผู้ใช้จะเปลี่ยนหน้าตาไม่ได้ เครื่องต้องไว ความปลอดภัยต้องมี ส่วนความสามารถค่อยไปเพิ่มหลังจากแก้ปัญหาได้แล้ว
อนาคต
Android แก้ไวรัส อุดช่องโหว่ (ตอนนี้ไวรัส 99% ของมือถือเป็นของ Android หมดนะครับ)
iOS เพิ่มความสามารถที่ตกหล่น และหาทางยัดเข้าไปโดยระบบยังปลอดภัยเหมือนเดิมให้ได้
อ่านประกอบ
http://www.aofapp.com/post/52692172985/ios7-apple-jonathan-ive
ไวรัส อะไรเหรอครับ ตกยุดหรือเปล่า play store ก็ สกรีน เหมือน กัน เค้าพัฒนาแล้ว
ไอ้ที่บอกบอก 90% เยอะ ช่วยไล่เรียงหน่อยน่ะครับ
ใช้มาสองปี โหลดผ่าน playstore ตลอด ไม่เคยเห็น ไม่เคยเจอ
ก็จริงที่ play store ไม่มีไวรัส (แต่ก็ยังแอบมีพวก spam เป็นระยะๆ) eka-x เค้าหมายถึงไวรัสบนอุปกรณ์พกพาทั้งหมดหนะครับ ตอนนี้พวกธุรกรรมออนไลน์ที่ถูกแฮกกันก็เพราะไฟล์ apk ทั้งนั้น เพราะใครๆก็ลง apk ได้ (ไม่จำเป็นต้องรูท) ส่วน ios symbian bb wp แทบไม่มีไวรัสเลย เพราะไม่รู้จะเขียนไวรัสไปทำไมในเมื่อเอามาลงเครื่องแบบ android ไม่ได้ (ต้องลงผ่าน app store เท่านั้น)
ปล.เมื่อก่อน symbian ก็เอาไฟล์แอพมาลงเองได้ ตอนนี้ไม่รู้เป็นยังไงแล้ว เขียนไวรัสก็ไม่คุ้มหรอก คนเลิกใช้กันหมดละ
ไวรัสใน android จริงๆมันยังน่ากลัวน้อยกว่า "Google"
แต่ผมว่าไวรัสใน android จริงๆ น่ากลัวกว่า google นะครับ ถ้ามันได้มาอยู่ในเครื่องที่มีการทำธุรกรรมออนไลน์
ระบบ OTP ก็ช่วยไม่ได้ เพราะไวรัสมันปิดการแจ้งเตือนและซ่อนข้อความที่มาจาก OTP แถมยังส่งต่อไปให้แฮกเกอร์ผู้เขียนไวรัส คราวนี้หละครับ มีในบัญชีกี่ล้านบาทก็หมดตัวได้
ข่าว : http://www.it24hrs.com/2013/sms-fake-app-fake-mobile-banking/
ส่วนตัวคิดว่าน่าจะยกเลิกระบบ unknow sources สำหรับผู้ใช้ทั่วไป แล้วหาวิธีให้ใช้ได้เฉพาะ dev เท่านั้น เช่น ออก tool มาเพื่อ unlock ระบบ unknow sources (โดยไม่ต้องรูท) ถ้าไม่ใช่ geek ก็คงไม่หา tool มานั่ง unlock กันหรอก ส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ และป้องกันแอพเถื่อนได้อีกทางหนึ่งด้วย
Play Store ทุกวันนี้เพิ่ม security มากมายพอสมควรแล้วครับ ทั้ง permission ก่อนติดตั้ง และปัจจุบันเพิ่มตอน Update ดังนั้นมันไม่ใช่ความเสี่ยงในตัวระบบเอง แต่มันเป็นความเสี่ยงที่เกิดจากความประมาทของตัวบุคคล
ส่วนการติดตั้ง .apk การ root กับการเปิด unknown sources แปลว่าเค้ายอมแบกรับความเสี่ยงเองแล้วครับ
ผมไม่เห็นด้วยว่าควรยกเลิก และคิดว่า android ไม่มีทางยกเลิกแน่ครับ เพราะได้มี security ขั้นพื้นฐานแล้ว แต่ผู้ใช้ซุกซนเอง
ผมก็ไม่ได้บอกให้ยกเลิกไปเลย ผมแค่บอกว่า "น่าจะยกเลิกระบบ unknow sources สำหรับผู้ใช้ทั่วไป แล้วหาวิธีให้ใช้ได้เฉพาะ dev เท่านั้น" ผมแค่อยากให้เปิด unknow sources ยากขึ้นอีกหน่อย เพราะถ้ายากแล้วยังเปิดได้ แสดงว่าต้องมีความรู้พื้นฐานพอสมควร และก็น่าจะมีการระวังตัวพอสมควร เพราะถ้าเปิดกันง่ายๆ คนที่ไม่รู้ถึงข้อดีข้อเสียยังมีอีกเยอะโดยเฉพาะสาวๆและคนมีอายุ(อาจมีเพื่อน,ลูกหลานมาเปิดไว้ให้เพื่อลงแอพเถื่อน แล้วก็ไม่ได้ปิด ทำให้เจ้าตัวไม่รู้) และที่สำคัญจะได้ลดปัญหาแอพเถื่อนไปในตัวด้วย
การที่ึคุณไปเอา APK ประหลาดๆมาลง แล้วบอก OS ไม่ดี ทำให้โดน Hack ผมว่ามันไม่เกี่ยวนะ การลงโปรแกรมแปลกๆ จากแหล่งที่มาไม่แน่ชัด มันอันตรายอยู่แล้ว ทำเองก็ต้องรับผลของการกระทำไปเองครับ
คนที่ไม่รู้ยังมีอีกมากครับ โดยเฉพาะสาวๆ หรือคนมีอายุ อย่างที่ผมบอกว่าน่าทำให้การเปิดระบบ unknow sources มันยากขึ้นอีกสักหน่อยจะดีกว่าครับ เพราะถ้ายากแล้วยังเปิดได้แสดงว่าต้องมีความรู้พื้นฐานพอสมควร และมีการระวังตัวบ้าง
บางครั้ง apk ไม่ได้มาจากแหล่งที่มาไม่ชัด แต่อาจจะโดนหลอกให้ลงแอพ เช่น การเตือนของ kbank ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้
https://online.kasikornbankgroup.com/K-Online/preLogin/popupPreLogin.jsp?lang=th
ข้อความตอนหนึ่งว่า "โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์"
ค่า Default ของระบบมันก็ไม่ให้ติดตั้งอยู่แล้วครับ ให้คนอื่น(เพื่อน,ลูก,หลาน,น้อง)เปิดให้แล้วลง APK เถื่อน ตรงนี้มันไม่ใช่เรื่องปกติแล้วครับ
คือผมเข้าใจคุณนะ แต่ถ้าจะบอกว่าระบบมันไม่ดี ผมไม่เห็นด้วย เหมือนคุณซื้อรถมาคันนึงแล้วบอกว่ามันไม่แรงขับไม่สนุก เอาไปให้ร้านทำเครื่องให้ แล้ววันต่อมาขับๆไปแล้วมันพัง คุณจะบอกว่าผู้ผลิตรถมันห่วยหรือเปล่า ?
Fake app ใน playstore หรือ ลงเอง
ถ้าลง ใน playstore อย่างถูกต้อง ไม่หมดตัว
ลง apk เอง ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงครับ โทษใครไม่ได้
ผมใช้ k bank ไม่พบปัญหา น่ะ ถ้า ระมัดระวัง อ่านให้ละเอียด ไม่กดมั่ว ก็ อยู่ดีมีสุข
อ่าน ๆ ตอมเม้นแล้ว
ถ้าไม่มี ios
android อาจจะพัฒนาโดยมี ปากกาจิ้มจอก็ได้นะครับ
ผมว่าในปัจจุบันนี้ ใครมีไอเดียดีๆ ก็แบ่งๆกันใช้ครับ
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.miui.mihome2
อันนี้เลยครับ สำหรับคนที่อยากลอง miui
ใหม่สำหรับเขา แต่เก่าแล้วสำหรับเรา
ช้าไปต๋อย ใกล้บูดเน่าก็รีบหามุก ตามสูตร รีบหน่อยสาวกกำลังย้ายฝั่งหมดแระ
นักพัฒนา app ต้องปรับตัวอีกครั้ง โดยเฉพาะนักออกแบบ UI UX
มี Multitask แล้วใช่ไหม? แบบว่า…
อยากเหน iPhone กระตุกอ่ะ อิอิ
555555555
+1
process ค้าง กระตุก หลุดออกจาก app อาจเลวร้ายถึงขั้น restart เครื่อง แบบที่ android เป็น
อ่านรีวิวในพันทิปเค้าใช้คำว่าหน่วงๆนะครับ แต่ฮาดแวร์ สมัยนี้แอนดรอยเองก็ไม่ค่อยเป้นแล้วนะ
มันกระตุกมานานแล้วครับ
i4 กับ i4S บน 6.1.2
ส่วน crash นี่ก็บ่อย facebook นี่หลักๆเลย
หน้าตาสวยน่าใช้ดีน่ะ ……….แต่ไม่ใช้ 55
เขียนบทความได้ดีมากครับ เป็นกลางดี
ผมว่ายังไง nfc ก็สะดวกกว่า รวดเร็วกว่า ถึงจะต้องเอามาแตะกันก็ตาม
airdrop ต้องกดหลายครั้งกว่าจะส่งได้
สาวก: WP กาก Android แหวะ …. (พอเอา 2 อย่างมารวมใน iOS7)
สาวก: อุ๊ย น่อร๊อคอ่อ เป๊ะอ่ะ ไม่มีอะไรดูดีเท่านี้อีกแล้ว เดี๋ยวซัมซุงก็ก้อบ เทอเชื่อเรามะ…
Apple: ฟ้อง ฟ้อง ฟ้อง ไอนั่นเลียนแบบ เอาเงินมา ห้ามขายของ… (นี่แหละมนุษย์)
ขำๆนะ หุหุ ปล.เอามาจากคอมเม้นใน blognone
ถ้าฟ้องคืนคงได้ตังหลายอยู่เนอะๆๆ 😛 (หมดมุกแล้วละสิ 555+ เมื่อก่อนสาวกแอปเปิ้ลด่าandroidก็อปๆ uiจีนแดง ของก็อปปี้จะไปเทียบของแท้ได้ไง พอมาตอนนี้ios7 อุ๊ย!สวย น่าใช้จัง เมือ่ไหร่อัพเดทจะมาไวๆ ให้ตายเหอะ พอเห็นเป็นยี่ห้ออื่นที่ไม่ใช่ผลไม้ก็ทำรังเกียจ พอเป็นยี่ห้อตัวเองละเชิดชูใหญ่ – -.)
สนแต่ safari ถ้าลากนิ้ว swap หน้าได้นี่แจ่มสุดยอดดดดดด
อันนั้นนี่ Chrome ก็ทำได้นะ
แสดงว่ายังไม่เคยใช้ chrome
แต่ผมไม่ชอบ chrome สองอย่างคือ เรื่องการค้นหาคำในหน้าเพจ กับ การเปิด history ต้องตั้งเป็น bookmark ไว้อ่ะ
ผมอยากรู้ว่ามันเปิดดู history ได้รึเปล่าอ่ะครับ ผมลองหาๆแล้วไม่เจอ = =
พิมพ์ chrome:history ในช่อง url ครับ
แนะนำว่าตั้งเป็น bookmark ไปเลยดีกว่า
ใช้อยู่ครับ แต่มันเอ๋อๆบ่อยไปหน่อยเลยคิดว่าถ้าซาฟารีมี swapด้วยคงเ๋งไม่หยอก55
chrome กินแรมมากกว่า browser ติดเครื่อง (note2) อีกครับ หันไปใช้ dolphin ดีกว่า
ส่วนตัวใช้ browser ติดเครื่องก็พอละ samsung ปรับแต่งมาดีพอควรเลย
กำลังจะซื้อไอโฟน พอเจอเวอชั่นนี้ หงอยเลย = =
เป็นบทความที่ดีครับ ^_^
live wallpaper แบบ Parallax Effect ทำยังไงหรอครับ
"ทำยังไง" หมายถึง ทำงานยังไง ใช่มั้ยครับ
ใช้ sensor จับการเคลื่อนไว้ครับ แนวเดียวกับพวกเกมส์รถแข่ง
ซื้อแอนดรอย์ใช้เพราะชอบที่สามารถปรับเปลี่ยนหน้าตาอะไรต่างๆได้สมใจ
ไว้ฝั่งผลไม้ทำได้เมื่อไหร่ คงได้ย้ายค่ายแฮ่ะ
สมองตื้อ ละ ไปไม่เป็นแล้วละ ลอกเขามั้งดีกว่า เพราะไม่มีใครขี้ฟ้องเหมือนเรา ฮิๆๆๆ
ชอบตอนท้ายสุด ^_^ พูดได้ดีมากคับ สุดท้าย จะลอกกันไปลอกกันมา
มันก็อยู่ที่คนใช้ จะ OS อะไรก็ไม่สำคัญอยู่ที่เรา ^ ^ นั้นและสำคัญที่สุดและคับ
มันคล้ายๆ MeeGo / Tizen เลยแฮะ ผสมกับกลิ่น Web OS บวกกับ icon pack ของ MIUI + Go Launcher เลย 555555
geek ขอลา
สวยดีชอบ ความรู้สึกแบบใช้แอนดรอยแล้วอยากให้ฟรีเจอร์บนแอนดรอยไปอยู่บน iOS บ้าง เช่น Multi Tasking เนี่ยชอบเลย
ชอบตรงที่มีบทวิจารย์ Android view ต่อท้าย มากครับให้ความรู้สึกเหมือนช่วยกันวิเคราะห์ดีครับ ไม่ได้ลงข่าวอย่างเดียวมีการให้ความคิดเห็นของผู้เขียนบทความด้วยครับ สนับสนุนครับ อยากให้มีความเห็นของผู้เขียนบทความแทรกแบบนี้ อ่านแล้วได้อรรถรสครับ ^^
เราชอบนะ มันดูสวยดี อย่างน้อยก็สะดวกสะที มี Control Center ส่วนตัว
ค่ายไหนลอกไม่ลอกไม่สนใจ แต่มันออกมาดีและสวยเราก็ชอบหมดแหละ
อิอิ
เห็นแล้ว ผมนึกถึง MIUI ทันทีเลย
ยังไงซะ IOS มี app+game น่าเล่นกว่าเยอะ บ่องตง
ป่าวครับ ผมหมายถึงว่าถ้าผมอยากใช้ live wallpaper แบบ Parallax Effect อย่างในคลิปน่ะครับ จะต้องทำยังไง ^^"
เห็นว่ามีให้โหลดใน itune มาลองใช้แล้ว
มีคนได้ลองและบอกกันว่าแบตเข้าขั้นสูบเลยที่เดียว
แล้วคนที่ไม่เคยใช่แอนดรอย์มาก่อน
จะใช้ยากนิดนึง แต่ว่ายังไม่สมบรูณ์นะ
ตัวเต็มต้องรออีกเป็นเดือนเค้าว่ากันนะ
อ่อ ผมใช้ android น่ะครับ ไม่ได้ใช้ ios ครับ
ผมอยากบอกว่าใน Iphone มีพวกนี้มานานแล้วครับ แต่มันอยู่ใน Cydia Tweak ต้อง Jailbreak ถึงจะได้ใช้ครับ ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผมเลย แต่ที่ชอบคือ มันเป็นของ Apple เอง ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อเพิ่มใน Cydia และไม่ต้องมาคอย Backup And Restore เวลา Update กด Update ได้เลยเพราะเป็นของ Apple เองครับ
ตามไปอ่าน blog นี้แล้วเห็นภาพชัดเจนขึ้นกว่าเดิม
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=karnoi&month=11-06-2013&group=70&gblog=126
ตามไปอ่านมาแล้วครับ สรุป ชอบแค่ Notification Bar กับ Gallery ที่เหลือไม่ผ่านเลย (ความคิดเห็นส่วนตัว)
แต่ก่อนข้อดีของ iOS คือการบริหารจัดการแรมที่เหนือกว่า ANDROID
แต่วันนี้ iOS กำลังเดินตาม ANDROID การบริหารจัดการแรมที่ด้อยลงเพราะไปเพิ่มการรองรับ multitasking มากขึ้น
เปิดแอปมากๆจะช้ามาก ทั้งๆที่ตัวเองให้แรมน้อยกว่าชาวบ้านเค้า
power bank ที่ขายดีทุกวันนี้ก็เพราะไอโฟนเป็นส่วนใหญ่ เพราะเล่น 3G ได้ต่อเนื่องแค่ 5 ชม.
ที่ดีกว่า ANDROID อยู่ก็คือความเสถียรและแอปที่มีคุณภาพเยอะกว่า
ชอบจัง 3D Image Live Wallpaper สวยดีๆ หุหุ
ผมว่ารอดูพายมะนาว(5.0 Key Lime Pie)ดีกว่าครับ เพราะอย่าลืมว่า Android OS ไม่ได้มีการอัพเดทตั้งแต่ปี 2010 เบย
แต่ยังไงสุดท้ายเราก็ต้องยอมรับว่าทั้ง 2 OS มีศักยภาพด้วยกันทั้งคู่ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็อยู่ข้าง Android เสมอครับ