เมื่อวันก่อนหลังจากที่เราได้เสนอข่าวการหยุดจำหน่ายซิมและบัตรเติมเงิน AIS ในร้าน 7-Eleven ไป แต่ก็มีหลายๆคนสงสัยถึงสาเหตุว่าทำไม ซึ่งล่าสุดได้มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการจาก AIS แล้วว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากการตกลงทางธุรกิจกันไม่ลงตัว โดยทาง 7-Eleven เรียกร้องขอส่วนแบ่งจากการขายซิมและบัตรเพิ่มขึ้นถึง 40% (5% เป็น 7 %) แต่ทาง AIS ไม่ยินยอมจนทำให้ทาง 7-Eleven หยุดการจำหน่ายไปนั่นเอง

 

โดยข้อมูลนี้ทางไทยรัฐเป็นผู้เปิดเผยว่าร้าน 7-Eleven ได้เริ่มยุติการขายซิมและบัตรเติมเงินแก่ลูกค้า One-2-Call ไปตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา เนื่องจากทางมีการขอปรับขึ้นส่วนแบ่งการขาย จากเดิมที่เคยตกลงเอาไว้ที่ 5% ขึ้นไปเป็น 7% (เติมร้อยได้ 5 บาท เป็น 7 บาท) คิดเป็นจำนวนถึง 40% แต่ว่าทาง AIS ไม่ตกลง จึงทำให้หลายๆเริ่มเห็นการขึ้นป้ายไม่มีสินค้าจำหน่ายในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยทางผู้บริหาร AIS ก็ให้สัมภาษณ์ถึงการหยุดขายของ 7-Eleven นี้ว่าไม่ได้เป็นห่วงมากนัก เพราะบริษัทมีช่องทางในการเติมเงินมากกว่า 500,000 จุดเพื่อให้บริการลูกค้าอยู่ และส่วนทาง 7-Eleven ที่ตัดสินใจขึ้นส่วนแบ่งฯในครั้งนี้คาดการณ์กันว่าอาจทำให้สูญเสียรายได้ถึงปีละพันกว่าล้านบาท จากรายได้ส่วนนี้เลยทีเดียว

 

เปิดตัวเลขส่วนแบ่งฯของแต่ละเครือข่าย ที่ทาง 7-Eleven เรียกเก็บ

  • AIS 5%

  • Dtac 6+1%

  • Truemove 7%

 

ในที่นี้หมายความว่าทาง AIS จ่ายให้กับ 7-Eleven น้อยที่สุดจากทั้ง 3 เครือข่าย การปรับส่วนแบ่งครั้งนี้จึงน่าจะเป็นการปรับเฉพาะของ AIS รายเดียวเท่านั้น และตามข่าว 7-Eleven ก็ถือว่าเป็นช่องทางที่ได้ส่วนแบ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดช่องทางนึงของ AIS แล้ว

หลากหลายความเห็นต่อการปรับราคาในครั้งนี้ และความจริงที่น่ารู้

นี่เป็นการจับมือกันถล่ม AIS จาก #teamCP

สำหรับคนที่ยังไม่รู้ 7-Eleven และ true corporation ทั้งสองบริษัทอยู่ในเครือ CP ทั้งคู่ ทำให้หลายๆคนตั้งข้อสังเกตว่านี่คือการแท็กทีมกันถล่มทาง AIS ที่เป็นเสี้ยนหนามของบริษัทในเครือรึเปล่า ซึ่งตรงนี้ก็มีคอมเม้นท์มาเช่นกันว่าแม้ทั้งสองบริษัทจะอยู่ในเครือเดียวกัน แต่ก็บริหารงานแยกกระเป๋ากันชัดเจน ไม่สามารถก้าวก่ายเรื่องของแต่ละบริษัทได้ การปรับส่วนแบ่งฯในครั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความแฟร์กันขึ้นในธุรกิจ เพราะ AIS มีต้นทุนการจำหน่ายน้อยกว่าทั้ง 2 บริษัทชัดเจน

 

AIS จ่ายส่วนแบ่งให้ 7-Eleven น้อยกว่าคนอื่น

อีกฝ่ายก็จะบอกว่าการที่ 7-Eleven ปรับราคาในครั้งนี้ก็เพื่อให้มีความแฟร์กันมากขึ้น เพราะทาง AIS มักจะได้เปรียบในเรื่องนี้อยู่ตลอด ตั้งแต่สัมปทานเดิมลากยาวกลับไปหลายปีก่อนหน้าที่ AIS มักจะได้ดีลดีกว่าชาวบ้านเสมอ แต่ในทางกลับกัน AIS ก็ต้องอย่าลืมว่า AIS มักจะไม่ได้เป็นคนเริ่มเรื่องสงครามราคาก่อน กล่าวคือไม่ได้ใช้เรื่องของข้อได้เปรียบด้านต้นทุนมาบีบเจ้าอื่นให้ตายจากตลาด และในทางกลับกัน คนที่มียอดการขาย ยอดผู้ใช้มากกว่า ในโลกธุรกิจก็มีอำนาจการต่อรองสูงกว่าอยู่แล้ว แม้ว่าวันนี้ทาง AIS จะให้ส่วนแบ่งที่น้อยกว่า Dtac และ truemove แต่ก็อาจจะทำรายได้ให้กับ 7-Eleven มากกว่า ได้เช่นกัน

 

ทั้งสองข้อด้านบนนี้ก็เป็นการรวบรวม comment จากหลายๆคนเอามาให้ได้อ่านและพิจารณากันดูนะว่าคิดเห็นกันอย่างไร ส่วนตัวมองว่านี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากของทั้งสองฝ่าย ทั้ง AIS ที่ยอมหักกับช่องทางจำหน่ายหลัก ส่วนทาง 7-Eleven ก็กล้าทิ้งเงินหลักพันล้านจากการตกลงที่ไม่ลงตัวเท่านั้น…ปูเสื่อหยิบป๊อบคอร์นมารอติดตามชมกันต่อไป

 

 

อ่านข่าวต้นทางจากไทยรัฐกันได้ที่ http://www.thairath.co.th/content/765511