ผ่านไปไม่ถึงครึ่งปีดีเราได้เห็น Samsung เปิดตัว Galaxy A Series มาจนถึงตอนนี้ก็ร่วม 7 รุ่น ได้แก่ A10/20/30/40/50/70/80 จนหลายคนก็เริ่มสงสัยว่าซัมซุงจะซอยรุ่นถี่ไปไหน แล้วทำไมถึงได้เห็นฟีเจอร์และรูปลักษณ์ใหม่ๆใน Galaxy A ก่อนรุ่นเรือธงอย่าง Galaxy S หรือ Galaxy Note ซะอีก วันก่อนที่มีการเปิดตัว Galaxy A80 ทาง DJ Koh ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Samsung Mobile ได้ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้เอาไว้ดังนี้ครับ

DJ Koh เมื่อครั้งมาเยือนไทยร่วมงานเปิดตัว Galaxy A70/A80

สำหรับใครที่สงสัยว่า Galaxy A แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้างนั้น เราได้ทำการสรุปเอาไว้ให้ในบทความเดิมนี้แล้วนะครับ แต่จะไม่รวม A40 เข้าไปด้วยนะ เนื่องจากรุ่น Galaxy A40 นี้ไม่ได้นำเอาเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยนั่นเอง

ฟีเจอร์ใหม่ เทคโนโลยีเด็ด บน A Series ให้ทุกคนสามารถจับต้องได้

ด้วยความคนยุค Millenial และ Gen Z หรือคนที่มีอายุตั้งแต่ 40 ลงมานี้ ปัจจุบันมีการแชร์เรื่องราวต่างๆแบบเรียลไทม์กันมากขึ้น เราเห็นคน Live กันเป็นเรื่องปกติในสมัยนี้แล้ว ซึ่งการ Live นี้อุปกรณ์ต้องการความสามารถที่มากขึ้น ถ่ายวิดีโอได้ดีขึ้น และหลายคนอาจจะยังไม่สามารถจับต้องตัว Flagship ได้ ทาง Samsung จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ใหม่ นำเอาเทคโนโลยีต่างๆมาใส่ใน A Series ก่อน Flagship อย่าง Galaxy S หรือ Note ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากผู้บริโภคทุกวัย โดยเฉพาะยุค Gen Z (อายุน้อยกว่า 24 ปีลงไป) ที่ได้ให้การยอมรับในตัวของ Samsung มากขึ้นอีกด้วย

6 รุ่นที่เปิดตัว เทียบกับคู่แข่งในตลาดแล้วไม่ได้มากเลย

ในตลาดของ A Series นี้ ถ้ามองแค่ Samsung จะมีทั้งหมด 6 รุ่น ถ้าจะบอกว่ามีไม่น้อยก็ไม่ผิดนัก แต่ถ้าดูตามระยะห่างของราคาในแต่ละรุ่น คือราว 1,500 – 2,000 บาท และเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาดที่มีอยู่เยอะมาก การมีจำนวนรุ่นเท่านี้ก็เหมือนเป็นการทำราคาลงมาให้ชนกับคู่แข่งในทุกช่วงของราคานั่นเอง

ราคาของ Galaxy A ทุกรุ่น

  • Galaxy A10 ราคา 4,490 บาท
  • Galaxy A20 ราคา 5,890 บาท
  • Galaxy A30 ราคา 7,290 บาท
  • Galaxy A50 ราคา 11,490 บาท
  • Galaxy A70 ราคา 15,990 บาท
  • Galaxy A80 ราคา เปิดตัวเร็วๆนี้

คำกล่าวถึงลูกค้าที่เปลี่ยนใจไปค่ายอื่น

ในการสัมภาษณ์นี้ ก็มีการสอบถามถึงกลุ่มลูกค้าที่อาจจะมีการเปลี่ยนใจไปหาค่ายอื่น อย่างสมาร์ทโฟนจากประเทศจีนที่ช่วงหลังมีพัฒนาการอย่างเด่นชัด ซึ่งทางคุณ DJ Koh เค้าก็ยอมรับว่าฝั่งนั่นมีการเจริญเติบโตที่ดี สร้างผลงานที่น่าประใจ และยอมรับว่าเป็นคู่แข่งที่มองข้ามไม่ได้ ซึ่งในปัจจุบันทาง Samsung ยังโฟกัสกับแนวทางการพัฒนาตัวเองอยู่ และพร้อมจะเรียนรู้สิ่งที่น่าสนใจจากคู่แข่งเสมอ โดยทาง Samsung ได้มองคู่แข่งเป็นเหมือนเพื่อนร่วมทาง ที่จะสามารถเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ และ Samsung จะพยายามฟังเสียงของลูกค้า ไม่หยุดพัฒนานวัตกรรมและสิ่งใหม่ๆตลอดเวลา รวมถึงเสียใจกับความผิดพลาดที่ทำให้คนย้ายค่าย ซึ่งทางเค้าจะพยายามอย่างที่สุดที่จะซื้อใจลูกค้ากลับมาให้ได้

5G คือรากฐานของอนาคต

อีกคำถามที่น่าสนใจและทางคุณ DJ Koh ก็ได้พูดถึงตลอดการสัมภาษณ์ก็คือเรื่อง 5G โดยทิศทางของ Samsung ในอีก 5 ปีข้างหน้า ก็จะไม่ได้อยู่แค่ Smartphone แต่จะเป็นทั้ง IT Industry โดยตลอดทศวรรษที่ผ่านมาที่เป็นยุคของ LTE ที่มีสมาร์ทโฟนเป็นปัจจัยและจุดเปลี่ยนของหลายอุตสาหกรรม และในทศวรรษหน้าเครือข่ายโทรคมนาคมก็จะยังคงเป็นกระดูกสันหลังของความเปลี่ยนแปลง ในปีนี้เราจะได้เริ่มเห็นการขยายตัวของ 5G และเชื่อว่าจะได้เห็นการนำเอาเทคโนโลยีไปใช้ที่รวดเร็วขึ้น ปัจจุบันที่เกาหลีได้เริ่มเปิดให้บริการ 5G เป็นที่เรียบร้อยและทาง Samsung ก็ได้เริ่มขาย Galaxy S10 5G ไปแล้วเช่นกัน ส่วนในประเทศไทยจะยังไม่มีแผนนำของเข้ามา รอในเรื่องความพร้อมของเครือข่ายก่อน ถ้ามีการแจ้งมาก็น่าจะได้นำเอาสินค้าเข้ามากัน เบื้องต้นคาดการณ์ว่าในช่วงต้นปีหน้าเราอาจจะได้เห็น 5G ในประเทศไทยกันก็เป็นได้

เก็บนำมาเล่าให้ฟังกันจากที่มีโอกาสได้เข้าไปร่วมในงานสัมภาษณ์นี้ด้วย คิดเห็นว่าอย่างไรกันบ้าง มาพูดคุยกันในคอมเม้นได้นะครับ