สวัสดีเพื่อนสมาชิก Droidsans ทุกท่านครับ วันนี้ผมจะมาแนะนำมือถือรุ่นใหม่อย่าง Wiko Fever สมาร์ทโฟนที่จัดสเปกมาอย่างคุ้มค่า ด้วยหน่วยประมวลผล MediaTek MT6753 แบบ Octa-core, RAM 3GB ,หน้าจอขนาด 5.2 นิ้วที่สวยงาม, รองรับ 2 SIM และรองรับ 4G ของไทยได้ทุกเครือข่าย ทั้งหมดนี้วางจำหน่ายในราคาเพียง 6,990 บาทเท่านั้น เรามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมของมือถือรุ่นนี้กัน


 

ทำความรู้จักกับ Wiko

Wiko เป็นแบรนด์มือถือสัญชาติฝรั่งเศสที่เริ่มต้นเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเมื่อปลายปี 2014 และเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นตอนช่วงงาน Mobile Expo ต้นปี 2015 ที่ผ่านมา จุดเด่นของมือถือแบรนด์นี้คือสเปกและประสิทธิภาพที่คุ้มราคาอย่างมาก จนกลายเป็นเบอร์ 2 ในประเทศบ้านเกิดอย่างรวดเร็ว นอกจากสเปกและประสิทธิภาพแล้ว งานออกแบบก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้มือถือแบรนด์นี้ต่างจากมือถือทั่วไปพอสมควร ใครอยากรู้จัก Wiko แบบละเอียดกว่านี้ ขอเชิญอ่านบทความ รู้จักกับ Wiko ค่ายมือถือน้องใหม่ จากแดนน้ำหอม ของเว็บเราได้เลยครับ (คลิ้กที่ link หรือ รูปภาพ)

wiko-intro.jpg

 

 

สเปกเครื่องของ Wiko Fever

Fever-review-spec.jpg

Wiko Fever จัดเป็นมือถือระดับกลางด้วยการเลือกใช้หน่วยประมวลผล MediaTek MT6753 แบบ Octa-core 64bit แต่จุดที่น่าสนใจคือ RAM 3GB ที่ให้มาล้ำหน้าค่ายอื่น พร้อมกล้องหน้า 5MP ที่ให้ flash มาด้วย น่าจะถูกใจขาเซลฟี่แน่นอน เรามาดูสเปกแบบละเอียดกันดีกว่า

  • ชื่อและรหัสเครื่อง : Wiko Fever (FEVER)

  • สัดส่วน : 148 x 73.8 x 8.3 มิลลิเมตร

  • น้ำหนัก : 143 กรัม

  • หน้าจอ : IPS LCD 5.2 นิ้ว ความละเอียด FullHD 1920×1080 พิกเซล

  • เครือข่ายที่รองรับ:

    • 4G : LTE 800 / 1800 / 2100 / 2600

    • 3G : WCDMA 850 / 900 / 2100

    • 2G : GSM 850 / 900 / 1800 / 1900

  • SIM : 2 SIM แบบ Micro SIM

  • CPU : MediaTek MT6753 Octa-Core 1.3 GHz, Cortex A-53

  • GPU : Mali-T720

  • RAM : 3GB

  • หน่วยความจำภายใน : 16GB รองรับ microSD สูงสุด 64GB

  • กล้องหน้า : 5 ล้านพิกเซล พร้อม Selfie flash

  • กล้องหลัง : 13 ล้านพิกเซล พร้อม LED flash และ Autofocus

  • แบตเตอรี่ : 2900mAh (ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้)

  • OS : Android 5.1.1 Lollipop พร้อม My Launcher

  • NFC : ไม่มี

  • OTG : มี

  • ไฟแจ้งเตือน : มี

  • เซ็นเซอร์และการเชื่อมต่ออื่นๆ:

    • A-GPS, GLONASS, Digital compass

    • Wi-Fi 802.11 b/g/n 2.4GHz

    • Bluetooth 4.0, A2DP

    • microUSB 2.0

    • หูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

 

มีอะไรอยู่ในกล่อง Wiko Fever

Fever-review-unbox01.jpg

กล่องของ Wiko Fever เป็นกล่องสีดำตัดเขียวพร้อมข้อความ “The glow-in-the-dark smartphone” เพื่อบ่งบอกถึงคุณสมบัติพิเศษของมือถิอรุ่นนี้คือ สามารถ “เรืองแสงได้ในที่มืด” โดยจุดที่เรืองแสงคือขอบด้านข้างของตัวเครื่องนั่นเอง

Fever-review-unbox02.jpg

เมื่อเปิดฝากล่องออกมาก็จะมีของมาให้ดังนี้

  • ตัวเครื่อง Wiko Fever

  • สาย USB สำหรับชาร์จและต่อคอมพิวเตอร์

  • หัวชาร์จ 5V 1.5A

  • หูฟังแบบ in-ear

  • ฟิล์มกันรอย

  • เคสแข็งแบบใส

  • ตัวแปลงซิม

  • คู่มือและใบรับประกัน

ถึงขนาดแถมเคสกับฟิล์มกันรอยมาให้ พร้อมตัวแปลงซิมอีกต่างหาก ครบจริงๆ

 

งานออกแบบตัวเครื่อง

Wiko Fever นั้นจัดว่าเป็นมือถือที่มีงานออกแบบน่าสนใจเลยทีเดียว ผมลองสังเกตจากปฏิกิริยาคนรอบข้างที่ได้เห็นและจับมือถือรุ่นนี้ครั้งแรก ทุกคนพูดออกมาตรงกันว่า “สวย” ซึ่งผมก็เห็นตามนั้น โดยอย่างแรกที่ทำให้มือถือรุ่นนี้ดูดีคือ การใช้กระจกขอบโค้ง 2.5D ด้านหน้า ซึ่งทำให้มันดูพรีเมียมขึ้นมาถนัดตา

Fever-review-design01.jpg

 

ดูตรงขอบจะเห็นว่ามันโค้งชัดเจน ซึ่งเป็นอย่างนี้ในทุกด้านเลย

Fever-review-design02.jpg

 

ถัดมาคือด้านหลังของของมือถือเครื่องจะเป็น พลาสติกลายหนังเทียม คล้ายที่เราเคยเห็นมาแล้วใน Samsung Galaxy Note 3 ซึ่งการสัมผัสนั้นรู้สึกดี นิ่มๆ และไม่ลื่นหลุดมือได้ง่าย

Fever-review-design03.jpg

 

ขอบรอบตัวเครื่องนั้นเป็นพลาสติกสีเทาดำเคลือบสารเรืองแสงหรือที่หลายคนเรียกว่า “พรายน้ำ” ซึ่งเท่าที่ผมใช้งานมาต้องบอกว่า ไม่เคยเห็นมันเรืองแสงได้เลยสักครั้ง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า มันเสื่อมไปแล้วหรือว่าอย่างไร ตรงนี้ Wiko เอามาเป็นจุดขายซะด้วยสิ หรือผมอาจจะตั้งความหวังกับมันมากเกินไปก็เป็นได้

Fever-review-design04.jpg

 

งานออกแบบโดยรวมของ Wiko Fever นั้นผมว่าดูดีเกินราคาของมือถือ 6000 บาทอยู่เหมือนกัน แต่ส่วนที่น่าจะพอปรับปรุงได้คือ แถบดำบนพื้นที่ด้านบนและด้านล่างของหน้าจอนั้นดูเยอะเกินไปหน่อย ถ้าปรับปรุงอีกนิดตัวเครื่องน่าจะเล็กได้กว่านี้อีก อย่างไรก็ตามด้วยราคานี้ถือว่าคุ้มแล้วล่ะครับ

Fever-review-design05.jpg

 

 

หน้าจอ IPS ที่สวยสด พร้อม MiraVision

ตรงนี้ขอพูดถึงสักนิดสำหรับหน้าจอของ Wiko Fever ซึ่งเป็นหน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.2 นิ้ว ความละเอียด FullHD 1080p ที่ให้ความคมชัดระดับ 424 PPI (Pixel Per Inch) ต้องบอกว่าแสดงภาพได้คมชัดสุดๆ หน้าจอนี้ให้สีที่สวยสดอย่างมาก ถ้าไม่มาหาข้อมูลเพิ่มเติมผมคงคิดว่ามันคือจอแบบ AMOLED แน่ๆ นอกจากนั้น Contrast ของภาพก็ดีมากอีกด้วย

Fever-review-display01.jpg

 

Wiko Fever ยังมาพร้อมกับระบบ MiraVision ของ MediaTek ที่เข้ามาช่วยเรื่องการแสดงผลของภาพและวิดีโอให้มีความคมชัดและสีสันที่สวยงามมากขึ้นไปอีก พร้อมทั้งมีเมนูให้เราสามารถเลือกปรับค่าต่างๆในการแสดงผลได้เองด้วย ทั้งโหมด Standard และ Vivid หรือจะปรับค่าต่างๆเองในโหมด User ซึ่งเราสามารถปรับค่า Contrast, Saturation, Brightness ของหน้าจอได้เองเลย

Fever-review-display02.jpg

 

Play video

 

 

แวะดูรอบๆตัวเครื่อง

ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีพอร์ต microUSB และรูเล็กๆสำหรับไมค์สนทนาอยู่

Fever-review-body01.jpg

 

ด้านบนมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

Fever-review-body02.jpg

 

ด้านขวาของตัวเครื่องจะมีปุ่มปรับเสียงและปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่องอยู่ถัดลงมา ซึ่งเป็นตำแหน่งมาตรฐานของมือถือ Android อยู่แล้ว ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่องจะโล่งๆ ไม่มีปุ่มอะไร

Fever-review-body03.jpg

 

พลิกกลับมาดูด้านหน้า ส่วนบนของหน้าจอเรียงจากซ้ายไปขวาจะเป็น กล้องหน้า, ลำโพงสนทนา และไฟแฟลชสำหรับกล้องหน้าครับ ส่วนล่างของหน้าจอจะเป็นแถบดำๆไม่มีปุ่มอะไร โดยมือถือรุ่นนี้จะใช้ SoftKeys หรือปุ่มซอฟต์แวร์ที่เราเห็นในมือถือ Nexus นั่นแหละครับ

Fever-review-body04.jpg

 

พลิกมาด้านหลังเราจะเห็นกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซลอยู่ ข้างๆจะเป็นไฟแฟลชแบบ Single LED ถัดลงมาจะเป็นโลโก้ Wiko ที่สลักอยู่บนฝาหลัง

Fever-review-body05.jpg

 

ลงมาด้านล่างสุดของฝาหลังจะเป็นช่องลำโพงเสียงเรียกเข้าและเสียงแจ้งเตือนต่างๆ ซึ่งเสียงที่ได้นั้นดังพอประมาณ แต่การวางไว้ด้านหลังแบบนี้ เสียงก็จะ drop ลงไปเวลามีอะไรมาบัง เช่น การวางมือถือบนโต๊ะ เป็นต้น

Fever-review-body06.jpg

 

ทีนี้เรามาแงะฝาหลังออกมาดูกันดีกว่า โดยฝาหลังจะมีช่องให้แงะอยู่ทางด้านข้างตามในรูปนะครับ

Fever-review-body07.jpg

 

เมื่อแงะฝาหลังออกมาเราจะให้ช่องใส่ SIM 1 อยู่ทางด้านซ้าย ส่วน SIM 2 อยู่ทางด้านขวา และด้านล่างของ SIM 1 จะเป็นช่องใส่ microSD ที่รุ่นนี้สามารถรองรับได้สูงสุด 64GB ครับ แต่ถึงจะแกะฝาหลังได้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เอง เพราะถูกฝังอยู่ด้านในตัวเครื่องมาเรียบร้อย

Fever-review-body08.jpg

 

จบรายละเอียดในส่วนของ Hardware ต่อไปเรามาดูกันในเรื่อง Software ของมือถือรุ่นนี้ดีกว่า

 

ระบบ Software

Wiko Fever มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop โดยมี Launcher ของตัวเองให้มาด้วยชื่อว่า “My Launcher” ซึ่งการใช้งานนั้นเหมือนกับมือถือฝั่งจีนที่จะไม่มี App Drawer มาให้ โดย App ทั้งหมดจะถูกวางอยู่บนหน้า Homescreen ให้เราจัดเรียงตำแหน่งเอาเอง ซึ่งก็คงไม่ยากสำหรับการใช้งาน นอกจากนั้นก็สามารถเปลี่ยน Wallpaper หรือเพิม Widget ลงบนหน้าจอได้ตามมาตรฐาน

Fever-review-software01.jpg

 

ส่วนของ Notification, Toggles และหน้า Settings ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจาก Android มาตรฐานเลย การใช้งานยังคงเหมือนกับมือถือที่เป็น Vanila Android ทั่วๆไป ไม่มีผิดเพี้ยน

Fever-review-software02.jpg

 

Smart Awake

ฟีเจอร์พิเศษที่ช่วยให้เราสามารถทำงานบางอย่างกับมือถือตอนที่หน้าจอปิดอยู่ได้ ซึ่งมีอยู่ 4 อย่างด้วยกันคือ

  • Music player: วาดตัว m บนหน้าจอเพื่อเปิดตัวเล่นเพลง

  • Camera: วาดตัว c บนหน้าจอเพื่อเปิดกล้อง

  • Flashlight: วาดตัว o บนหน้าจอเพื่อเปิดไฟฉาย

  • Lock: แตะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเปิดหน้าจอ

Fever-review-software03.jpg

 

Smart Gesture

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยให้เราใช้งานมือถือได้มากขึ้นด้วยท่าทางบางอย่าง ได้แก่

  • Double click to lock screen: แตะสองครั้งที่ปุ่ม Home เพื่อทำการล็อคหน้าจอ

  • Pocket mode: ปิดหน้าจอสายเรียกเข้า ด้วยการเอามือปิดบริเวณ P-sensor

  • Unlock by Power button: กดปุ่ม Power เพื่อปลดล็อคหน้าจอทันที ตอนที่หน้าจอดับอยู่

  • Upset silent: คว่ำหน้าจอเพื่อปิดเสียงเรียกเข้า เมื่อมีคนโทรเข้ามา

  • Flip to Snooze: คว่ำหน้าจอเพื่อปิดเสียงปลุกแลเสียงเตือนต่างๆ

Fever-review-software04.jpg

 

นอกจากนั้นก็เป็น App พื้นฐานหลายๆอย่างที่ Wiko Fever มีมาให้ใช้เหมือนกับมือถือทั่วไปทั้ง Gallery, File Manager, ไฟฉาย, พยากรณ์อากาศ, เครื่องคิดเลข หรือเครื่องบันทึกเสียง เรียกว่ามี App พื้นฐานมาให้ใช้งานครบเรียบร้อย

Fever-review-software05.jpg

Fever-review-software06.jpg

 

 

ประสิทธิภาพและการใช้งานแบตเตอรี่

Wiko Fever นั้นเลือกใช้หน่วยประมวลผล MediaTek MT6753 Octa-Core 64bit ความเร็ว 1.3 GHz ส่วนของ GPU เป็น Mali-T720 ซึ่งจัดว่าอยู่ในระดับกลางๆ ไม่สูงมาก แต่ให้ RAM มาถึง 3GB ซึ่งช่วยให้การใช้งาน App ต่างๆนั้นทำได้รวดเร็วและสามารถเปิดได้หลาย App พร้อมกัน ประสิทธิภาพจากการทดลองใช้งานมาสักพักพบว่า ทำได้ดีมาก ลื่นไหล และตอบสนองได้ดี ไม่ค่อยพบอาการสะดุดเท่าไหร่ แต่ก็มีนานๆครั้งที่เครื่องจะหยุดตอบสนองไปสักพัก แล้วก็กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม โดยการวัดประสิทธิภาพด้วย App สำหรับ benchmark ต่างๆก็พบว่าได้คะแนนตามมาตรฐานของมือถือสเปกระดับนี้อยู่แล้วดังนี้

Fever-review-performance01.jpg

Antutu Benchmark

 

Fever-review-performance02.jpg

Geekbench 3

 

Fever-review-performance03.jpg

3DMark : Ice Storm Extreme

 

ในส่วนของแบตเตอรี่ขนาด 2900mAh ที่ให้มานั้นสามารถใช้งานได้เต็มวันแบบปริ่มๆ จากการใช้งานทั่วไปของผม ซึ่งเป็นการเล่น Facebook, Messenger, Line และอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงฟังเพลงบ้างเป็นบางครั้ง พบว่า ใช้งานได้ประมาณ 13-14 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง แต่สิ่งที่ Wiko Fever ยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่คือ การชาร์จทำได้ช้ามาก โดยชาร์จจาก 10% ถึง 100% นั้นต้องใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง ถ้าชาร์จทิ้งว้กลางคืนคงไม่มีปัญหา แต่ถ้าเวลาเร่งรีบนี่ใจจะขาดเหมือนกัน

Fever-review-performance04.jpg

 

 

กล้องถ่ายรูปและตัวอย่างภาพถ่าย

Wiko Fever มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ Autofocus และ LED Flash โดยตัวแอพกล้องนั้นทำมาให้ใช้งานได้ไม่ยาก มีโหมดการถ่ายรูปให้เล่นหลากหลาย เช่น Panorama, Face Beauty, HDR, Night, Sports, DualView และ Professional นอกจากนั้นยังสามารถปรับค่า option ได้เพิ่มเติม เช่น Touch Shutter, Smile Shutter หรือตั้งเวลาถ่ายรูป เป็นต้น

Fever-review-camera01.jpg

 

สำหรับโหมด Professional นั้นเราสามารถเลือกจุดโฟกัสและจุดวัดแสงแยกจากกันได้ ส่วนค่าที่ให้ปรับได้ก็มี ISO, WB, Saturation, Sharpness และ EV ไม่มี Shutter speed เน้อ

Fever-review-camera02.jpg

 

การถ่ายภาพนั้นพบว่า Shutter speed ของกล้องค่อนข้างช้า โดยในหน้าจอตอนที่กดถ่าย จะมีการกระพริบให้ว่าลั่นชัตเตอร์ไปแล้ว แต่ที่จริงยังไม่ได้ถ้ายในขณะนั้น ต้องรออีกสักนิดถึงจะถ่ายจริงและมีรูป preview โผล่ขึ้นมาด้านข้าง ตรงนี้ถ้าคนไม่รู้กดถ่ายไปแล้วถอนกล้องจากวัตถุเมื่อไหร่ จะเห็นว่าภาพเบลอทันที ส่วนคุณภาพของภาพถ่ายถือว่าไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีมาก ตามตัวอย่างด้านล่าง

สภาพแสงปกติ

 

 

สภาพแสงน้อย

 

อัลบั้มเต็ม

 

ส่วนการถ่ายวิดีโอนั้นถ่ายได้ความละเอียดสูงสุดที่ 1080p@30fps แต่เสียงที่อัดมายังไม่ดีสักเท่าไหร่

Play video

Play video

Play video

 

สำหรับกล้องหน้าของ Wiko Fever มีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มาพร้อม Selfie flash สำหรับกล้องหน้าโดยเฉพาะ ซึ่งเอาไว้ใช้ถ่ายตอนแสงน้อยหรือมืดได้ แต่ขอบอกว่า ไม่ต้องใช้ตอนมืดดีกว่าเพราะยิงแฟลชที ตาแทบบอด และแน่นอนว่ากล้องหน้านั้นมีโหมด Face beauty มาให้ทำหน้าเนียนใสกิ๊งเลยล่ะ แต่การถ่ายยังคงพบปัญหาชัตเตอร์ช้าในบางครั้ง กดถ่ายไปแล้วรอเกือบวินาทีถึงจะถ่ายจริง ตรงนี้ก็ระวังสักนิดอย่ารีบถอนมือออกก่อน

 

โดยรวมคุณภาพของภาพถ่ายจากกล้องของ Wiko Fever ไม่ได้เด่นมาก แต่ก็ไม่ถึงกับแย่สักเท่าไหร่ อาจจะติดปัญหาเรื่องชัตเตอร์ช้าไปสักนิด ต้องระวังอย่าปล่อยมือเร็วจนเกินไป กดถ่ายแล้วต้องถือค้างไว้สักหน่อยนะครับ

 

บทสรุป

Wiko Fever เป็นมือถือที่จัดว่าคุ้มค่ารุ่นหนึ่งของตลาดมือถือระดับกลางค่อนไปทางล่าง ด้วยราคาเพียง 6,990 บาท แต่ได้งานออกแบบที่หรูหราเกินราคา และสเปกเครื่องที่ค่อนข้างดี โดยเฉพาะหน้าจอที่สวยงามและ RAM 3GB นั้นถือเป็นจุดเด่นของมือถือรุ่นนี้เลย ส่วนกล้องของมือถือรุ่นนี้อาจจะไม่ได้ดีมากแต่ก็ถือว่าพอใช้ได้ แต่คุณสมบัตืเรืองแสงที่เอาโฆษณานั้นทำไม่ได้จริง อาจจะเป็นเพราะรุ่นสีดำด้วย สีขาวและทองอาจจะทำได้ดีกว่านี้ เราพอจะสรุปได้ดังนี้

จุดเด่น

  • หน้าจอสวยงาม

  • RAM 3GB

  • งานออกแบบหรูเกินราคา

  • ประสิทธิภาพการใช้งานลื่นไหลดีมาก

จุดที่ควรปรับปรุง

  • ถ่ายภาพได้ช้า

  • ชาร์จแบตช้า

  • ขอบไม่เรืองแสงดังที่โฆษณา

Wiko Fever มีวางจำหน่ายตามร้านมือถือชั้นนำทั่วไปแล้ววันนี้ในราคา 6,990 บาท ลองไปเล่นและใช้งานดูก่อนตัดสินใจซื้อกันได้เลย

Fever-review-end.jpg