เรือธงตระกูล Xiaomi 13 และ Xiaomi 13 Pro ตอนนี้มีภาพดีไซน์เครื่อง เห็นได้ชัดทั้งขนาด วัสดุ สีสันต่าง ๆ ครบแล้ว ปล่อยออกมาโดย Official เอง ซึ่งก็จะทำให้เราได้รู้กันว่าตกลงแล้วมือถือรุ่นไหนใช้จอยังไง ดีไซน์ต่างกันยังไงกันแน่ ก่อนที่จะได้เจอกันในงานเปิดตัววันอาทิตย์นี้ หลังจากที่เลื่อนงานออกไปเพื่อไว้อาลัยอดีตผู้นำจีนครับ

ภาพพวกนี้ก็มาจากแอคเคาท์ Xiaomi บนเว็บ Weibo ของจีน แสดงให้เห็นถึงวัสดุประกอบเครื่อง ตัวเลือกสี และสินค้าไอทีอีกหลาย ๆ อย่างจากค่ายเสียวหมี่

ดีไซน์ Xiaomi 13

มาดูมือถือรุ่นเริ่มต้น Xiaomi 13 กันก่อน จากภาพเผยให้เห็นสีเด่นของรุ่นนี้ เป็นสีฟ้า “Distant Mountain Blue” และแม้เค้าไม่ได้ระบุชี้ชัดว่าใช้วัสดุอะไร แต่ดูก็รู้ว่าเป็นผิวหนังคลุมทั้งฝาหลังของมือถือ ตามข้อมูลที่ได้ไปก่อนหน้านี้

พอขยับเครื่องไปดูขอบข้าง ๆ บ้าง ก็จะเห็นว่าเป็นขอบแบนเรียบทำมาจากเหล็ก ดีไซน์ย้อนยุคที่ผู้ผลิตหลายค่ายรับแรงบันดาลใจมาประยุกต์ใช้กันบ่อยในช่วงนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามพวกข่าวลือและภาพหลุดที่เห็นกันไป

ส่วนตรงกล้องของเค้าก็ได้โลโก้ Leica ประทับเด่นหราอยู่บนโมดูล ยืนยันว่ายังคงได้จับมือกันกับไลก้า ให้ช่วยกันพัฒนาระบบกล้องอยู่ เหมือนกับรุ่น Xiaomi 12S Ultra ที่จะทำให้เวลาถ่ายมาแล้วได้โปรไฟล์สีแบบเฉพาะของเค้า ตามที่เราได้รีวิวไปกัน

ดีไซน์ Xiaomi 13 Pro

ลองมาดูรุ่นท็อปกันบ้าง Xiaomi 13 Pro ตัวนี้ใช้คนละดีไซน์กับ Xiaomi 13 ธรรมดาแล้ว เพราะว่าขอบเครื่องของเค้ามีความโค้งมน เข้ากันกับดีไซน์จอที่ใช้เป็นแบบขอบโค้งเหมือนกัน ทำให้เครื่องดูมีความเพรียวบาง เป็นสไตล์มือถือแอนดรอยด์เรือธงยอดฮิตที่เราคุ้นเคยกันดี

ตรงฝาหลังของเครื่องก็เห็นว่าไม่ได้ใช้หนังปกคลุมเหมือนรุ่นแรกแล้ว แต่จะดูเป็นเงาวาวสะท้อนแสงได้ ซึ่งจากในโพสต์ของเสียวหมี่มีการพูดถึงวัสดุ nano-microcrystalline ceramic ที่เป็นเซรามิกชนิดพิเศษที่มีคุณสมบัติคงทนต่อการใช้งาน ทำความสะอาดได้ง่าย ซึ่งก็คงใช้เป็นวัสดุนี้แหละประกอบฝาหลัง

ส่วนหน้าตากล้องของทั้งสองรุ่นดูเหมือนกันเป๊ะเลย คงต้องรอตอนเปิดตัวว่าจะมีคุณสมบัติอะไรแตกต่างกันบ้าง

สุดท้ายเค้ายังเผยภาพ Supreme set รวมทุกแก็ดเจ็ตใหม่ที่จะเปิดตัว มาในธีมสีเขียวนวลทุกอย่าง อันนี้ก็คาดว่าจะเป็นเซ็ตพิเศษที่วางขายในจีน ประกอบไปด้วย Xiaomi 13 Pro, Xiaomi Watch S2, Xiaomi Buds 4, กับเคสกันกระแทกอันนึงครับ

ตามข้อมูลงาน Xiaomi จะจัดขึ้นในวันที่ 11 ธันวาคม 2022 ตอนเวลา 1 ทุ่มที่จีน เทียบเท่ากับตอน 6 โมงเย็นที่ไทย รอติดตามอัปเดตกันได้เลยครับ

 

ที่มา : phonearena, weibo