Xiaomi 14 Ultra เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อย พร้อมอัปเกรดสเปคครั้งใหญ่ทั้งเซนเซอร์หลัก 1 นิ้ว เจเนอเรชั่นใหม่อย่าง LTY-900 อัปเกรดเลนส์ชั้นพรีเมียม LEICA Summilux Optical พร้อมกระจกจอแบบใหม่กึ่งโค้ง กึ่งตรง พร้อมชิปสุดแรงระดับ Snapdragon 8 Gen 3 ในราคาเริ่มต้นราว ๆ 33,000 บาท และมีลุ้นมาวางจำหน่ายในไทยด้วย

เปิดตัว Xiaomi 14 Ultra

Xiaomi 14 Ultra มีการปรับดีไซน์ฝาหลังเป็นแบบเรียบตรงทั้งแผ่น ไม่เป็นทรงสโลปลาดลงไปจากฐานกล้องเหมือนในรุ่นก่อน ตัวเฟรมใช้วัสดุอะลูมิเนียมคุณภาพแกร่งทนกว่าเดิม 1.38 เท่า และใช้ฝาหลังวัสดุหนัง Nano-Tech Vegan Leather ที่บาง และเบากว่าเก่า และทนทานต่อรอยขีดข่วนถึง 6 เท่า และทนน้ำ ทนฝุ่นมาตรฐาน IP68

ส่วนกระจกจอแสดงผลในรุ่นนี้ มากับกระจกแบบ Liquid Display ที่มีลักษณะคล้ายหยดน้ำ ลดความโค้งลงจนเกือบเป็นจอตรง แถมยังได้อัปเกรดกระจกจอไปใช้วัสดุพิเศษ Xiaomi Shield Glass ที่พัฒนาขึ้นเอง สามารถทนต่อการตกกระแทกโดยเฉพาะตรงมุมจอได้ดีกว่ารุ่นก่อนถึง 10 เท่า

ในรุ่นนี้มากับจอขนาด 6.73 นิ้ว ความละเอียดสูง WQHD+ (3200 x 1440 พิกเซล) ใช้พาเนล LTPO AMOLED C8 รองรับการปรับรีเฟรชเรตแบบ Adaptive 1 – 120Hz สว่างสูงสุดถึง 3,000 nits รองรับการแสดงผลทั้ง HDR10, HDR10+, Dolby Vision และ HLG มาตรฐานสีเที่ยงตรงระดับโปรดักชั่น

อีกทั้งยังได้มาตรฐานถนอมสายตาจาก TUV Rheinland ครบทั้ง 3 ด้าน ทั้งแสดงสีฟ้าต่ำ, ไร้การกระพริบ และเป็นมิตรต่อการใช้งานตลอดทั้งวัน (Circadian Friendly) พร้อมลำโพงคู่สเตอริโอ ระบบเสียง Dolby Atmos พร้อมไมโครโฟนถึง 4 ตัว

กล้อง Xiaomi 14 Ultra ดีขึ้นยังไง?

ไฮไลต์หลักของรุ่นนี้อยู่ที่กล้องถ่ายภาพที่ให้มาแบบจัดเต็ม อัดแน่นเท่าที่จะทำได้ ให้ฟีเจอร์แบบจัดเต็มทั้งงานภาพและวีดีโอ โดยมากับกล้องหลัง LEICA VARIO-SUMMILUX ถึง 4 ตัว พร้อมโหมดโทนสีทั้ง LEICA Authentic และ LEICA Vibrant พร้อมโหมด Portrait 4 ระยะ อีกทั้งยังมีฟีลเตอร์ที่ออกแบบมาให้เฉพาะมือถือ Xiaomi มีกล้อง LEICA เหมือนเดิม

โดยกล้องหลักระยะ 23มม. ในรุ่นนี้เปลี่ยนอัปเกรดมาใช้เซนเซอร์ขนาด 1 นิ้วรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Sony LYT-900 ความละเอียด 50MP + OIS ที่สามารถปรับม่านรับแสงได้ในระดับฮาร์ดแวร์ ซึ่งจะเป็นการปรับแบบ Stepless Variable Aperture ปรับได้ 4 ระดับตั้งแต่ f/1.63 / 2.0 / 2.8 / 4.0 และในโหมด Pro ยังสามารถปรับ Exposure ได้ด้วยค่า 0.01-Stop increment

และเทคโนโลยี Pixel Bining ในเซนเซอร์ใหม่ เมื่อรวมพลังกับระบบ Dual Native ISO Fusion Max และระบบประมวลผลภาพ AISP ของ Xiaomi ทำให้รีด Dynamic Range ในภาพได้ถึง 14EV ช่วยให้ภาพสว่าง และเก็บดีเทลแสงเงาต่าง ๆ ได้ละเอียดมากขึ้น รองรับการถ่ายภาพ Ultra RAW 16-bit

ส่วนกล้อง Telephoto 3.2x ระยะ 75 มม. ใช้เซนเซอร์ IMX858 ความละเอียด 50MP f/1.8 มีกันสั่น OIS และยังใช้เลนส์แบบ Floating ที่สามารถเลื่อนปรับโฟกัสในตัวอย่างรวดเร็ว และโฟกัสได้ระยะใกล้สุดถึง 10 ซม. ทำให้ถ่ายภาพ close-up macro และถ่ายในโหมด Portraits ได้สวยกว่าเดิม

กล้อง Periscope Telephoto 5x 120 มม. ก็ใช้เซนเซอร์ IMX858 ความละเอียด 50MP f/2.5 และมีกันสั่น OIS เช่นกัน ซึ่งในรุ่นนี้สามารถเก็บแสงได้ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 44% ทำให้ยังซูมคมชัด สว่างแม้อยู่ไกลวัตถุ อีกทั้งยังรองรับการถ่ายในโหมด Macro ที่ระยะใกล้สุด 30 ซม. ด้วย

ท้ายสุดอย่างกล้อง Ultrawide 0.5x 12 มม. เป็นอีกกล้องที่ใช้เซนเซอร์ IMX858 ความละเอียด 50MP f/1.8 ให้มุมกว้างเก็บภาพวิวได้ครบ 122 องศา อีกทั้งยังรองรับการถ่ายภาพมาโครแบบ wide-angle ในระยะโฟกัสที่ใกล้สุด ๆ ถึง 5 ซม.

สำหรับโหมดการซูมนั้น Xiaomi 14 Ultra สามารถซูมแบบ Optical ที่ได้ 2 ระยะจากกล้อง Telephoto 75 มม. และกล้อง Periscope 120 มม. นอกจากนี้ยังรองรับการซูมแบบ In Sensor Zoom ที่ 2 ระยะคือ 46 มม. (2x) และ 240 มม. (10x)

นอกจากนี้ Xiaomi ยังเสริมฟีเจอร์พัฒนาความสามารถฟีเจอร์ซูมไกลไปอีกขึ้นด้วย Ultra Zoom ซึ่งจะนำ AI มาช่วย Generate เติมรายละเอียดภาพในระยะซูมไกลได้ถึง 30x ซึ่งในช่วงแรกตัวฟีเจอร์นี้จะยังเป็นเพียงแค่เวอร์ชั่น Beta เท่านั้น

กล้องเซลฟี่ในรุ่นนี้ให้ความละเอียดมาที่ 32 ล้านพิกเซล f/2.0 รองรับการถ่ายที่ 2 ระยะ Dynamic Framing ได้แก่ระยะมุมกว้าง 0.8x และ 1.0x รองรับการปรับระยะ Depth และ Bokeh ได้ในโหมด Portrait ด้วย

ฟีเจอร์งานวิดีโอเพียบ

Xiaomi 14 Ultra รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K@60FPS ถ่ายพร้อมซูมเปลี่ยนเลนส์ได้ทุกระยะ รองรับการถ่ายแบบ Dolby Vision สำหรับสาย Insert หรือเก็บภาพกีฬามันส์ ๆ รุ่นนี้รองรับการถ่ายในโหมดเฟรมเรตสูงสูงสุดถึง 4K@120FPS อีกทั้งยังรองรับการถ่ายวิดีโอ 8K@30FPS ทุกเลนส์

รอบนี้ Xiaomi ยังได้อัปเกรดระบบ MasterCinema สามารถถ่ายวิดีโอ HDR ใน Codec แบบ 10-bit Log ได้ ทำให้สามารถเก็บรายละเอียด แสงเงา ให้ภาพที่ดีกว่าโหมด HDR มาตรฐาน 8-bit BT.709 เมื่อดูในจอทีวีที่รองรับการแสดงผลในโหมด HDR จริง ๆ

Accessories กล้องระดับ Pro

Xiaomi ยังเปิดตัวมากับ Photography Kit เป็นเคสที่เสริมในส่วน Grip ช่วยแปลงมือถือธรรมดาให้กลายเป็นกล้อง Digital Point & Shoot โดยตัว Grip มีแบตเตอรี่เสริม 1,500 mAh ชาร์จที่ความเร็ว 90W ผ่านพอร์ต USB-C ให้ถ่ายได้นานกว่าเดิม

นอกจากนี้ตัว Photography Kit ยังมากับปุ่ม Dial ปรับค่าชดเชยแสง EV พร้อมปุ่มชัตเตอร์แบบ 2 สเต็ป และสามารถหมุนเพื่อควบการซูมได้ แถมยังมีปุ่มเสริมใช้สำหรับกดถ่ายวิดีโอได้ แถมยังมีวงแหวนอแดปเตอร์สำหรับใส่ Filter Adapter 67 มม. หากใครสนใจเซ็ตนี้มีขายในราคา 999 หยวน หรือประมาณ 5,000 บาท แต่ถ้าซื้อพร้อมเครื่องจะได้ราคาพิเศษ 699 หยวน หรือราว ๆ 3,500 บาท

สำหรับใครที่ไม่อยากให้กล้องเป็นรอย Xiaomi 14 Ultra ยังเปิดตัวอุปกรณ์เสริมที่ช่วยขยายการจับสัญญาณดาวเทียม Satelite โดยตำแหน่งที่ใส่นั้นจะอยู่ที่เลนส์ จึงทำให้อุปกรณ์เสริมชิ้นนี้ทำงานได้แบบ 3 in 1 ทั้งช่วยเพิ่มอัตราการจำสัญญาณดาวเทียมได้เร็วขึ้น 129%, เป็นฝาปิดปกป้องเลนส์ และสามารถใช้เป็นขาตั้งเครื่องได้ แต่ต้องซื้อเพิ่มในราคา 199 หยวน หรือราว ๆ 1,000 บาท

ชิปแรง Snapdragon 8 Gen 3

Xiaomi 14 Ultra มากับชิปเซ็ตประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุด Snapdragon 8 Gen 3 ที่ CPU แรงกว่าเดิม 32% และประหยัดพลังงานกว่าเดิม 34% ส่วน GPU ก็แรงขึ้นถึง 34% และลดการใช้พลังงานได้ถึง 38%

มีระบบระบายความร้อนแบบ Dual Channel Ice Loop ที่ทำงานได้ดีกว่าระบบ Vapor Chamber ธรรมดาถึง 3 เท่า ช่วยลดทั้งความร้อนจากทั้งชิป และมีส่วน Therma Loop พิเศษเพื่อระบายความร้อนจากโมดูลตัวกล้องโดยเฉพาะด้วย

ส่วนความจุมากับ RAM LPDDR5x + ROM UFS 4.0 โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 ความจุ ได้แก่ 12GB + 256GB / 16GB + 512GB / 16GB + 1TB ให้แบตเตอรี่มาที่ 5,300 mAh และเมื่อรวมพลังกับ Grip แล้วสามารถเพิ่มแบตเตอรี่ได้เป็น 6,800 mAh รองรับชาร์จไว 90W ผ่านพอร์ต USB-C 3.2 และรองรับชาร์จไวไร้สาย 80W นอกจากนี้ยังรองรับฟีเจอร์เชื่อมต่อดาวเทียมที่รวดเร็วมาก ๆ ด้วย

Xiaomi 14 Ultra ไม่พลาดรวมเทรนด์ Titanium

Xiaomi 14 Ultra ยังมีตัวเครื่องรุ่นพิเศษที่มากับสีเทาอ่อน โดยตัวเฟรมจะใช้โลหะผสมวัสดุ Titanium Alloy เกรด TC-4 ที่ใช้อุตสาหกรรรมยานอวกาศ และแข็งแกร่งเป็นพิเศษระดับ 900MPa เหนียวกว่าเฟรมรุ่นปกติกว่า 259% และทนต่อการกระแทกดีกว่าปกติถึง 214% เลยทีเดียว

สเปค Xiaomi 14 Ultra

  • จอภาพ : LTPO AMOLED C8 ขนาด 6.8 นิ้ว
    • ความละเอียด WQHD+ (1440 x 3200 พิกเซล)
    • สว่างสูงสุด 3000 นิต
    • อัตรารีเฟรช 1 – 120Hz
    • รองรับ HDR10+, Dolby Vision, HLG
    • รองรับ Pro HDR Display
  • ชิปเซต : Snapdragon 8 Gen 3
  • RAM LPDDR5x : 12GB / 16GB
  • ROM UFS 4.0 : 256GB / 512GB / 1TB
  • กล้องหลัง 4 ตัว เลนส์ LEICA SUMMILUX:
    • กล้องหลัก LYT-900 ขนาด 1 นิ้ว 50MP (𝑓/1.63 – 4.0), ระบบกันสั่น OIS
    • กล้องอัลตราไวด์ IMX858 50MP (𝑓/1.8), มุมกว้าง 122 องศา
    • กล้องเทเลโฟโต IMX858 50MP (𝑓/1.8), ซูมออปติคัล 3.2 เท่า, ระบบกันสั่น OIS
    • กล้อง Periscope IMX858 50MP (𝑓/2.5), ซูมออปติคัล 5 เท่า, ระบบกันสั่น OIS
    • Ultra Zoom AI สูงสุด 30 เท่า
  • กล้องหน้า : 32MP (𝑓/2.0)
  • เสียง : ลำโพงสเตอรีโอ
    • รองรับ Dolby Atmos
  • แบตเตอรี่ : 5300mAh
    • รองรับชาร์จไว 90W
    • รองรับชาร์จไร้สาย 80W
  • เครือข่าย : 5G
  • การเชื่อมต่อ :
    • Wi-Fi 7
    • Bluetooth 5.4
    • NFC
    • USB-C 3.2
  • เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือ (ใต้หน้าจอ) / Accelerometer / Gyro / Proximity / Compass / Barometer
  • ความทนทาน : IP68
  • ระบบปฏิบัติการ : HyperOS บนพื้นฐาน Android 14
  • ขนาด : 161.4 x 75.3 x 9.2 มม.
  • น้ำหนัก :
    • รุ่นหนัง Vegan: 224.4 กรัม
    • รุ่นกระจก: 229.5 กรัม
    • รุ่น Titanium: 229.6 กรัม

ราคา และการวางจำหน่าย

Xiaomi 14 Ultra เปิดตัวมากับตัวเครื่อง 3 สี 2 วัสดุ ได้แก่ สีขาว สีดำวัสดุหนัง Vegan และมีรุ่นฝาหลังกระจกที่มาในสีน้ำเงิน Ceramic Blue โดยวางจำหน่ายที่ประเทศจีนด้วยกันถึง 3 รุ่นความจุ และจะเปิดให้สั่งจองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่วนราคาเปิดมาดังนี้

  • 12GB + 256GB ราคา 6,499 หยวน หรือประมาณ 33,000 บาท
  • 16GB + 512GB ราคา 6,999 หยวน หรือประมาณ 35,000 บาท
  • 16GB + 1TB ราคา 7,799 หยวน หรือประมาณ 39,000 บาท

สำหรับรุ่นพิเศษ Xiaomi 14 Ultra Titanium Edition จะมีวางจำหน่ายเพียงรุ่นความจุเดียวคือ 16GB + 1TB และจะวางจำหน่ายในราคา 8,799 หยวน หรือราว ๆ 44,400 บาท

Xiaomi 14 Ultra จะขายในไทยมั้ย?

Xiaomi 14 Ultra มีลุ้นวางจำหน่ายในประเทศไทย พร้อม Xiaomi 14 รุ่นธรรมดา หลังหน้าร้านค้า Xiaomi Official บน Lazada ได้ขึ้นข้อมูลวางจำหน่ายรุ่นดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย และคาดว่าน่าจะมีการเปิดราคาหลังงานเปิดตัวระดับ Global ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2024 เวลาไทย 3 ทุ่มตรง เอาเป็นว่าถ้าใครรออยู่ เตรียมตัวรอลุ้นกันให้ดี

ที่มา: Xiaomi