เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา Xiaomi ได้เปิดตัว Buds 4 Pro หูฟังไร้สายแบบ TWS รุ่นใหม่ออกมา ซึ่งมันมีสเปคน่าสนใจด้วยไดรเวอร์ขนาด 11 มม. พร้อมฟีเจอร์ครบครัน อย่างระบบตัดเสียงรบกวนและตัดเสียงลมที่ดีกว่าเดิม และแบตเตอรี่อึด ๆ ใช้ฟังได้ยาวนานถึง 9 ชั่วโมง ส่วนราคาเริ่มต้นที่วางขายในจีนอยู่ที่ราว ๆ 5,700 บาท

มาดูดีไซน์กันก่อน จะเห็นว่าตัวเคสเป็นทรงคล้ายแคปซูลยานอวกาศเลยครับ จากความโค้งมนที่มีมากกว่าเดิมในหูฟังรุ่นที่แล้ว ส่วนตัวหูฟังเองมีผิวสัมผัสแบบ glossy สีแวววาว มีมาให้เลือก 2 สี มีสีทองสุดหรูหรา หรือจะเป็นสีดำสุดเนี้ยบก็สวยเข้มไปอีกแบบ โดยชิ้นส่วนประกอบหูฟังตัวนี้เค้าเชื่อมต่อกันอย่างเรียบเนียน ดูคลีนสบายตาครับ

และเมื่อเปิดฝามาข้างใน ก็จะเห็นได้ว่ามีช่องเปิดให้หยิบหูฟังออกจากตัวเคสได้ง่าย ๆ เลย เพราะตรงขอบด้านข้างเค้าเปิดช่องเอาไว้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าโล่งอย่างนี้ จะทำหูฟังหลุดร่วงไปไหนนะครับ เพราะเค้ายืนยันว่าตัวแม่เหล็กที่ยึดหูฟังเอาไว้มีแรงมากเพียงพอที่จะยึดเอาไว้

โดย Xiaomi Buds 4 Pro มีระบบตรวจจับย่านความถี่เสียงรบกวนได้ถึง 4000Hz พร้อมตัดเสียงรบกวนภายนอกได้สูงสุดถึง 48dB รองรับการตรวจสภาพแวดล้อมและปรับระดับการตัดเสียงรบกวนอัตโนมัติ หรือเราจะกดเลือกปรับโหมดการตัดเสียงเองก็ได้เช่นกันครับ

Buds 4 Pro รุ่นนี้ยังมีระบบป้องกันเสียงลมที่ดียิ่งขึ้นไปอีก จากรูปแบบดีไซน์กันลมแบบใหม่พร้อมตัวระบบตรวจจับเสียงลมอัจฉริยะ ไม่ว่าจะไปปั่นจักรยาน เล่นกีฬา ไปเที่ยวทะเลหรือที่ไหน ๆ ก็ไม่ต้องหวั่นว่าเสียงลมจะตีจนพูดและฟังไม่รู้เรื่อง และถ้าไม่ได้อยู่ในที่ ๆ มีลม ตัวหูฟังก็จะปิดตัวตัดเสียงลมออกไปอัตโนมัติเพื่อลดการใช้พลังงานครับ

มาในเรื่องคุณภาพเสียงไมค์ ตัวนี้เค้าให้มา 3 ตัวพร้อมระบบตัดเสียงก้องจากเสียงสะท้อนในหัว ทำให้จับเสียงคนได้คมชัดมากขึ้นกว่าเดิมครับ ส่วนคุณภาพเสียงฟังตัวนี้ก็จัดมาให้กระหึ่ม ด้วยไดรเวอร์ขนาด 11 มม. เทคโนโลยีเสียง Hi-Res SBC/AAC/LHDC 4.0 รองรับถอดรหัสเสียง 96kHz  มีระบบ Spatial Sound เสียงรอบทิศทางสมจริง 360 องศา

ส่วนแบตเตอรี่ก็อืดไม่ใช่เล่น ชาร์จครั้งหนึ่งใช้ฟังต่อเนื่องได้นานสูงสุดถึง 9 ชั่วโมง และหากรวมการชาร์จจากในเคสด้วยจะใช้ได้ยาวนานถึง 38 ชั่วโมงครับ นอกจากนี้ยังชาร์จได้ไวด้วย เพราะแค่ชาร์จหูฟังในกล่อง 30 นาทีเท่านั้นก็เต็ม 100% แล้ว

ตอนนี้หูฟัง Xiaomi Buds 4 Pro ออกวางขายแล้วในประเทศจีนที่ราคา 1099 หยวน หรือราว 5,700 บาท ครับ ส่วนจะวางขายประเทศอื่น ๆ เมื่อไหร่ ต้องรอติดตามกันต่อไปครับ

 

ที่มา: Xiaomi (จีน)