Nothing Ear (2) หูฟังไร้สาย TWS ดีไซน์ล้ำเปิดตัวรุ่นใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้านดีไซน์ยังคงไม่แตกต่างจากเดิมมากสักเท่าไหร่ แต่สเปคภายในเรียกได้ว่าอัปเกรดใหม่หลายอย่าง ปรับแต่งเสียงได้อิสระมากขึ้น เปิดราคาไทยมาที่ 5,490 บาท พร้อมให้สั่งจองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

Nothing Ear (2) Earbud

Nothing Ear (2) มาพร้อมน้ำหนักตัวหูฟังที่เบาลง 0.2 กรัม มีก้านบีบที่สามารถควบคุมเพลง เปิดโหมดตัดเสียงรบกวน หรือปรับระดับเสียงได้โดยตรงจากตัวหูฟัง มีการอัปเกรดให้รองรับ LHDC 5.0 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รองรับไฟล์คุณภาพสูง Hi-Res Audio 24bit ตัวหูฟังมาพร้อมกับไดรเวอร์ขนาด 11.6 มม. มาพร้อมกับไดอะแฟรมแบบใหม่ทำจากวัสดุแกรฟีน และโพลียูรีเทน มีไมโครโฟนที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ กันเสียงลมได้ดีขึ้น

ในรุ่นนี้ได้รับการปรับปรุงการตัดเสียงรบกวน Adaptive ANC ให้ดียิ่งขึ้น สามารถตัดเสียงรบกวนได้ถึง 40 เดซิเบล มาพร้อมโหมดตัดเสียง 3 ระดับ มี Adaptive Mode สามารถจับเสียงรบกวน และตัดเสียงให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องคอยปรับระดับเสียง นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับโหมด Personalised ANC ปรับระดับการตัดเสียงรบกวนให้เข้ากับรูปหูของผู้ใช้งานได้

Ear (2) มาพร้อมกับระบบ Personalised Sound Test ปรับแต่งเสียงให้ตรงความชอบของผู้ใช้งานได้โดยอัตโนมัติโดยการวิเคราะห์การตอบสนองของคลื่นความถี่ต่าง ๆ ด้วยอัลกอริทึม เพียงเชื่อมต่อกับแอป Nothing X ตัวหูฟังก็จะปรับรูปแบบเสียงต่าง ๆ ให้เข้ากับคอนเทนต์ที่ผู้ใช้งานกำลังรับฟังอยู่ได้แบบ Real-Time หากยังไม่ถูกใจก็มี Equalizer ให้ปรับเองด้วย

Nothing Ear (2) Case

ตัวเคสชาร์จก็มีการอัปเกรดแบตเตอรี่ให้อยู่ได้นานขึ้นจาก 34 ชั่วโมง เป็น 36 ชั่วโมง เมื่อชาร์จเต็มสามารถฟังได้นานสูงสุด 6 ชั่วโมง (จากเดิม 5 ชั่วโมง) รองรับการชาร์จผ่านสาย USB-C และ ชาร์จไร้สาย 2.5W อัปเกรด Bluetooth 5.3 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด รองรับการเชื่อมต่อพร้อมกัน 2 อุปกรณ์ รวมถึงรองรับ Google Fast Pair และ Microsoft Swift Pair ด้วย

ทั้งตัวหูฟัง และเคสชาร์จรองรับมาตรฐานทนน้ำทนฝุ่นที่ดีกว่าเดิม จาก IPX4 อัปเกรดเป็น IP54 (ตัวหูฟัง) / IP55 (เคสชาร์จ) ในรุ่นนี้มีให้เลือกเพียงสีขาว โดยเปิดราคาไทยมาที่ 5,490 บาท และจะเปิดให้ Pre-Order ในวันที่ 23 มี.ค. – 27 มี.ค. 66 ผ่าน dotlife และจะเริ่มจัดส่งให้กับลูกค้าในวันที่ 28 มี.ค. 66 เป็นต้นไป ใครสนใจสามารถเข้าไปสั่งจองได้ที่ dotlife ทุกสาขา และบนเว็บไซต์ dotlife

 

ที่มา: Nothing, dotlife (Facebook)