ได้ฤกษ์เปิดตัวออกมาแล้ว กับมือถือเรือธงระดับไฮเอนด์รุ่นล่าสุดอย่าง Xiaomi Mi 8 ที่คราวนี้ไม่ได้มาแค่รุ่นเดียวแต่ยังพาเรือธงรุ่นเล็ก Mi8 SE มาเปิดตัวพร้อมๆ กันเลยด้วย โดยมือถือเรือธงรุ่นล่าสุดนี้จริงๆ ก็คือมือถือภาคต่อจาก Xiaomi Mi6 ของปีที่แล้วนั่นแหละ แต่ Xiaomi ได้ข้ามจากรุ่น Mi7 เป็น Mi8 เพราะต้องการให้เป็นรุ่นฉลองครบรอบ 8 ปี ของแบรนด์ Xiaomi นั่นเอง 

มาเริ่มกันที่เรือธงระดับท็อปกันก่อนเลย กับ Xiaomi Mi 8 ที่แน่นอนว่าต้องมีสเปคระดับไฮเอนด์อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นชิปตัวแรงอย่าง Snapdragon 845, กล้องคู่ 12MP + 12MP ที่ใช้ระบบ AI ในการช่วยตั้งค่ากล้อง ฯลฯ ส่วนสเปคเต็มๆ ก็มีตามนี้เลย

สเปค Xiaomi Mi 8

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.21 นิ้ว ความละเอียด FullHD+ อัตราส่วน 18.7:9
  • CPU : Snapdragon 845 AIE
  • GPU : Adreno 630
  • RAM : 6GB / 8GB
  • ความจุ : 64GB / 128GB / 256GB
  • กล้องหลังคู่ : 12MP + 12MP
  • กล้องหน้า : 20MP (f/2.0)
  • แบตเตอรี่ : 3300 mAh รองรับการชาร์จไร้สาย
  • ระบบ Android 8.1 ครอบด้วย MIUI 10

น่าจะถือเป็นมาตรฐานของมือถือเรือธงในยุคนี้ไปซะแล้ว สำหรับการใช้ AI เพื่อช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องมือถือ เพราะใน Xiaomi Mi8 / Mi8 SE ก็มีการใช้ AI เพื่อช่วยในการประมวลผลภาพถ่ายต่างๆ ให้ออกมามีสีสันสวยงามตรงกับตาเห็นที่สุด

โดยกล้องของ Xiaomi Mi8 สามารถแยก Scene ได้มากถึง 25 Scene และในแต่ละ Scene ก็ยังมีการตั้งค่าแยกย่อยออกมาอีกถึง 206 Scene

และทั้งหมดนั่นเองที่ทำให้ Xiaomi Mi 8 สามารถทำคะแนนการถ่ายภาพนิ่งจากเว็บไซท์ DxOMark ไปได้ถึง 105 คะแนน (คะแนนกล้องรวม 99 คะแนน)

ส่วนกล้องหน้าก็ไม่น้อยหน้า เพราะใส่ AI เข้ามาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายเซลฟี่ ไม่ว่าจะเป็นโหมด AI Beauty ที่เราสามารถปรับความวิ้งวับ รวมถึงรูปร่างใบหน้าให้สวยได้อย่างเป็นธรรมชาติ

หรือจะเป็นโหมดหน้าชัดหลังเบลอที่ใช้ AI มาช่วยในการคำนวณความตื้นลึก และตัดขอบของวัตถุให้เนียนเป็นธรรมชาติ

Xiaomi Mi 8 ยังมาพร้อมกับระบบสแกนหน้าเพื่อปลดล็อคที่มีความแม่นยำมากอีกด้วย เพราะ Mi8 ไม่ได้ใช้แค่กล้องหน้าในการตรวจจับใบหน้าเท่านั้น แต่ยังมีเซ็นเซอร์อินฟราเรด+กล้องสำหรับรับแสงอินฟราเรด ในการสแกนใบหน้าแบบ 3 มิติ ทำให้ระบบสแกนหน้าของ Mi8 สามารถใช้งานได้ในที่มืด และไม่สามารถใช้ภาพถ่าย, วิดีโอ หรือคนหน้าคล้ายมาปลดล็อคเครื่องได้อีกด้วย

Xiaomi Mi 8 ยังมาพร้อมกับระบบนำทางที่แม่นยำกว่าเดิมด้วย Dual GPS ที่ใช้ความสัญญาณแบบ L1 ที่ใช้ในมือถือทั่วๆ ไป และที่พิเศษคือการใช้สัญญาณแบบ L5 ที่ใช้ในวงการอากาศยานควบคู่ไปด้วย ทำให้แน่ใจได้เลยว่าการใช้งาน GPS ของ Mi 8 จะแม่นยำมากกว่าระบบ GPS เดิมๆ แน่นอน

และนอกจากนี้ Xiaomi Mi 8 ยังมีรุ่นพิเศษ Explorer Edition (8GB / 128GB) ที่จะเพิ่มความล้ำด้วยระบบปลดล็อคเครื่องด้วยการสแกนลายนิ้วมือใต้กระจกหน้าจอ แถมยังมาพร้อมกับฝาหลังแบบใสให้เห็นเครื่องในกันอีกด้วย โดยรุ่นนี้จะมีวางจำหน่าย 2 สี คือสีดำใส และสีม่วงใส

สำหรับรุ่นเล็กอย่าง Mi 8 SE ก็จะมีการลดสเปคลงเล็กน้อยโดยเปลี่ยนจากชิปตัวท็อป Snapdragon 845 ไปใช้ชิประดับรองท็อปที่พึ่งเปิดตัวอย่าง Snapdragon 710 (Xiaomi Mi 8 SE เป็นมือถือรุ่นแรกที่วางจำหน่ายพร้อมชิปตัวนี้) ซึ่งมีความแรงและรองรับการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ไม่แพ้ชิประดับท็อปเลยล่ะ ทำให้ไม่ต้องห่วงว่าถ้าซื้อรุ่นเล็กมาแล้วเครื่องจะแรงสู้รุ่นท็อปไม่ได้

สเปค Xiaomi Mi 8 SE

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 5.88 นิ้ว ความละเอียด FullHD+ อัตราส่วน 18.7:9
  • CPU : Snapdragon 710
  • GPU Adreno 616
  • RAM : 4GB / 6GB
  • ความจุ : 64GB
  • กล้องหลังคู่ : 12MP + 5MP
  • กล้องหน้า : 20MP (f/2.0)
  • สแกนนิ้วมือด้านหลัง
  • แบตเตอรี่ : 3120 mAh รองรับการชาร์จไร้สาย
  • ระบบ Android 8.1 ครอบด้วย MIUI 10

ส่วนราคาของ Xiaomi Mi8 แยกได้เป็น 6 รุ่นด้วยกัน

  • Mi8 6GB / 64GB : ราคา 2,699 หยวน (ประมาณ 13,507 บาท)
  • Mi8 6GB / 128GB : ราคา 2,999 หยวน (ประมาณ 15,009 บาท)
  • Mi8 6GB / 256GB : ราคา 3,299 หยวน (ประมาณ 16,510 บาท)
  • Mi8 Explorer Edition : ราคา 3,699 หยวน (ประมาณ 18,512 บาท)
  • Mi8 SE 4GB / 64GB : ราคา 1,799 หยวน (ประมาณ 9,003 บาท)
  • Mi8 SE 6GB / 64GB : ราคา 1,999 หยวน (ประมาณ 10,004 บาท)

Xiaomi Mi 8 จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน และรุ่น Mi8 SE จะวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายนเป็นต้นไป ส่วน Mi 8 Explorer Edition จะวางจำหน่ายหลังจากนั้นออกไปอีก ส่วนในบ้านเราถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมทั้งราคา รุ่น และวันวางจำหน่ายจะเอามาอัพเดทให้ทันทีครับ