HyperOS ไม่ได้มีเพียงแค่มือถือรุ่นใหม่จาก Xiaomi เท่านั้นที่ได้ใช้งาน เพราะงานเปิดตัวมือถือเรือธงรุ่นใหม่ที่ผ่านมา Xiaomi Watch S3 ก็ได้เปิดตัวมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ HyperOS เป็นรุ่นแรก แถมยังมาในดีไซน์สุดเท่เหมาะกับสายคัสตอม เพราะนอกจากจะเปลี่ยนตัวสายได้แล้ว วงแหวนบนตัวเรือนยังสามารถถอดเปลี่ยนได้ด้วย ทำให้ครีเอตลุคได้ไม่ซ้ำกัน แม้จะมีนาฬิกาเพียงเรือนเดียว
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/10/Xiaomi-Watch-S3-2.webp)
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/10/Xiaomi-Watch-S3-3.webp)
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/10/Xiaomi-Watch-S3-4-1024x271.webp)
Xiaomi Watch S3 มาพร้อมดีไซน์ตัวเรือนแบบวงกลมดูหรูหรา มีขนาดหน้าปัดอยู่ที่ 47 มม. ตัวเรือนใช้วัสดุ Aluminiom Alloy น้ำหนักเบาเพียง 44 กรัม มาพร้อมขอบหน้าปัดวงแหวนวัสดุ Stainless Steel ทนทานต่อรอยขีดข่วน และการสึกหรอ และรองรับมาตรฐานทนน้ำ ATM5
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/10/Xiaomi-Watch-S3-1024x502.webp)
ความพิเศษของรุ่นนี้อยู่ที่ขอบเฟรมวงแหวนหน้าปัด ที่สามารถเปลี่ยนตัววงแหวนได้โดยใช้กลไกแม่เหล็กในการยึดติดกับตัวเรือน และเมื่อเปลี่ยนวงแหวนแล้ว ตัวธีมของหน้าปัดก็จะเปลี่ยนดีไซน์ ตามวงแหวนที่เราเลือกใส่ รวมถึงยังมีเสียง Sound Effect ที่มาพร้อมกับหน้าปัดชนิดนั้น ๆ ด้วย
- Xiaomi เปิดตัว HyperOS แทนที่ MIUI ชูจุดเด่น กินทรัพยากรน้อย เร็ว ฉลาด ยืดหยุ่น และประหยัดแบตกว่า เชื่อม Ecosystem เป็นหนึ่งเดียว
- เปิดตัว Xiaomi 14 และ Xiaomi 14 Pro มือถือชิป SD 8 Gen 3 รุ่นแรกของโลก พร้อมกล้อง LEICA ฉบับอัปเกรด ดีกว่าเดิม
- เปิดตัว Xiaomi Watch 2 Pro ดีไซน์คลาสสิก ฟังก์ชันแน่น อัปเกรดชิป SD W5+ Gen 1 ระบบ Wear OS ลงแอปจาก Play Store ได้
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/10/Xiaomi-Watch-S3-Screen-1024x387.png)
ด้านหน้าจอแสดงผล รุ่นนี้ให้มาที่ขนาด 1.43 นิ้ว พาเนล AMOLED ความละเอียด 466×466 พิกเซล รองรับความสว่างสูงสุด 600 nits รองรับการปรับแสงสว่างอัตโนมัติ 256 ระดับ รองรับรีเฟรชเรต 60Hz โดยตัวกระจกเมื่อถอดกรอบวงแหวนออกมาแล้ว กระจกที่ครอบจอจะเป็นกระจกทนรอยขีดข่วนที่ยื่นออกมาเป็นชั้น ทำให้เวลาใส่วงแหวนแล้วจะดูเป็นชิ้นเดียวกัน
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/10/Xiaomi-Watch-S3-1024x417.png)
ตัวเซนเซอร์สุขภาพในรุ่นนี้ให้ เซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบ 12 Channel ทำให้สามารถเก็บค่าสุขภาพได้ดีกว่าเดิมถึง 20% และแม่นยำถึง 97.95% รองรับการตรวจจับค่าออกซิเจนในเลือด ตรวจจับความเครียด ตรวจจับและช่วยฝึกฝนการหายใจ รวมถึงสามารถติดตามรอบเดือนของคุณผู้หญิงได้ รวมถึงยังพัฒนาอัลกอรึทึมให้ตรวจจับการนอนได้แม่นยำกว่าเดิมถึง 15%
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/10/Xiaomi-Watch-S3-6-1024x346.webp)
ด้านฟีเจอร์ออกกำลังกายในรุ่นนี้มีให้เลือกกว่า 150 โหมด พร้อมรองรับระบบติดตามตำแหน่ง GNSS 5 มาตรฐานชั้นนำของโลก นอกจากนี้ยังมีการออกแบบตัวรับสัญญาณ Antenna ทำให้เก็บแผนที่ และติดตามตำแหน่งในขณะออกกำลังกายได้แม่นยำ และรวดเร็วกว่าเดิม 50% พร้อมรองรับ NFC แตะเพื่อจ่ายเงินได้ด้วย
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/10/Xiaomi-Watch-S3-7-edited.webp)
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/10/Xiaomi-Watch-S3-6-1-edited.webp)
สำหรับใครที่ชอบเล่นกีฬาสกี Xiaomi Watch S3 ก็มาพร้อมโหมดที่เจาะไปในกีฬาด้านนี้โดยเฉพาะ โดยตัวนาฬิกาสามารถตรวจจับ และรวบรวมสถิติการเล่น เช่นระยะเวลาการเล่น, ระยะทางในระหว่างการสกี และความเร็วในขณะที่เราสกีได้แบบครบ ๆ แถมยังสามารถแชร์ข้อมูลสถิติการเล่นสกีของเราให้เพื่อนดูได้ด้วย
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/10/Xiaomi-Watch-S3-9-1024x806.webp)
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/10/Xiaomi-Watch-S3-8-1024x806.webp)
Xiaomi Watch S3 ยังมาพร้อมกับรุ่นที่มี eSIM ให้เลือก ซึ่งตัวนาฬิกาจะสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ไม่ว่าจะอยู่ไหนก็ตาม อีกทั้งยังสามารถคุยโทรศัพท์ได้กับนาฬิกาโดยตรง ไม่ต้องหยิบมือถือออกมาโทร และสามารถฟังเพลงได้ผ่านแอปสตรีมมิ่งโดยตรง ไม่ต้องใช้มือถือเป็นตัวกลาง
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/10/image-56-1024x447.png)
สำหรับฟีเจอร์ฉุกเฉินต่าง ๆ ในรุ่นนี้ก็รองรับทั้งการต่อสายเพื่อขอความฉุกเฉินได้ (รุ่นที่ไม่มี eSIM ต้องเชื่อมต่อกับมือถือก่อน) และตัวเรือนยังสามารถตรวจจับการล้ม ซึ่งถ้าล้มจริงก็สามารถกดปุ่มเพื่อต่อสายกับเบอร์ฉุกเฉินได้เลย อีกทั้งยังสามารถเพิ่ม Medical emergency card เข้าไปในตัวนาฬิกาเพื่อใช้ง่ายต่อการติดต่อหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/10/Xiaomi-Watch-S3-10-1024x425.webp)
ด้านแบตเตอรี่ในรุ่นนี้ให้แบตเตอรี่มาที่ 486 mAh ใช้งานได้นานสูงสุด 15 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้ง / 5 วันเมื่อเปิดโหมด AOD และ 3 – 7 วันเมื่อใช้งานร่วมกับ eSIM แถมยังมีโหมดชาร์จเร็ว ชาร์จ 5 นาที ใช้งานได้นานสูงสุดถึง 2 วันเต็ม ๆ
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/10/Xiaomi-Watch-S3-11-1024x347.webp)
Xiaomi Watch S3 ติดตั้งมาพร้อมกับ HyperOS เป็นรุ่นแรก ทำให้ตัวนาฬิกามาพร้อมกับหน้าตา UI ที่ดูสบายตา ไอคอนแอปเหมือนกับมือถือทุกอย่าง มาพร้อมระบบการแจ้งเตือนที่แสดงผลเหมือนกับบนมือถือ แถมยังรองรับ Hand Gesture ในรูปแบบต่าง ๆ สามารถสั่งการได้ทั้งในรูปแบบการพลิกข้อมือ และเขย่าข้อมือ และสามารถปรับแต่งคำสั่งได้ด้วยตนเองอย่างอิสระ
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/10/Xiaomi-Watch-S3-12.webp)
ราคา และการวางจำหน่าย
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/10/image-57-1024x549.png)
Xiaomi Watch S3 เปิดให้สั่งจองแล้วที่ประเทศจีน โดยมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่รุ่น BT-WiFi Only และรุ่นรองรับ eSIM มาพร้อมตัวเรือนให้เลือก 3 สี โดยราคาวางจำหน่ายเปิดมาดังนี้
- Xiaomi Watch S3 รุ่น Bluetooth / Wi-Fi ราคา 799 หยวน หรือราว ๆ 3,955 บาท โดยมีให้เลือก 2 สี
- สีเงิน + สายยาง Fluoroelastomer สีเทา
- สีดำ + สายยาง Fluoroelastomer สีดำ
- Xiaomi Watch S3 รุ่น eSIM ราคา 999 หยวน หรือราว ๆ 4,945 บาท มีเพียงสีเดียวคือสีน้ำตาล พร้อมสายหนังแท้สีเดียวกัน
ที่มา: Xiaomi
Hyper OS มันคือ Wear OS Custom แบบที่ SS ทำใน Galaxy Watch … 😁