วิกฤตหน่วยความจำครั้งนี้เรียกได้ว่าสำหรับตลาดผู้ใช้งานทั่วไปนั้นเดือดร้อนกันแบบถ้วนหน้า ตั้งแต่ราคาแรมสำหรับพีซีที่พุ่งขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ไปจนถึงตลาดสมาร์ตโฟนที่ผู้ผลิตอาจให้ RAM มาแค่ 4GB ในรุ่นเริ่มต้น และความจุตัวเครื่องมาไม่มากเหมือนเดิม พร้อมเปิดทางให้ผู้ใช้เพิ่มพื้นที่จัดเก็บเองผ่าน microSD Card แทน แนวโน้มดังกล่าวสะท้อนชัดว่าหน่วยความจำกำลังกลายเป็นต้นทุนที่ผู้ผลิตควบคุมได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ
และล่าสุด ผลกระทบจากปัญหานี้ก็เริ่มลามมาถึงฝั่งโน้ตบุ๊กอย่างจริงจัง หลังมีสัญญาณว่าเราอาจได้เห็นโน้ตบุ๊กที่มาพร้อม RAM 8GB กลายเป็นสเปกเริ่มต้นไปจนถึงระดับกลางอีกครั้ง จากเดิมที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดเริ่มขยับ RAM 16GB ให้เป็นมาตรฐานใหม่แล้ว

รายงานจาก TrendForce ระบุว่า ปัญหาการขาดแคลน DRAM กำลังทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากกำลังการผลิตจำนวนมากถูกดึงไปใช้ในตลาด AI ดาต้าเซ็นเตอร์ และเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กร ส่งผลให้หน่วยความจำสำหรับอุปกรณ์ผู้บริโภคมีต้นทุนสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กจึงเริ่มปรับโครงสร้างสเปกสินค้าเพื่อคุมต้นทุนและรักษาระดับราคาได้
แนวทางที่เห็นชัดคือ การผลักดันให้แรม 8GB กลับมาเป็นสเปกพื้นฐานในวงกว้าง ขณะที่รุ่นที่มาพร้อมกับแรม 16GB หรือ 32GB ถูกตั้งราคาให้สูงขึ้นมาก บางรุ่นคิดค่าอัปเกรดจาก 16GB เป็น 32GB เพิ่มสูงถึง $550 หรือเกือบ 20,000 บาท ทำให้ผู้ใช้จำนวนไม่น้อยเริ่มชะลอการซื้อใหม่ในช่วงนี้

TrendForce มองว่าการกลับมาของโน้ตบุ๊กแรม 8GB ไม่ได้เกิดจากการถอยหลังด้านเทคโนโลยี แต่เป็นการปรับตัวของผู้ผลิตต่อซัพพลายเชนยุค AI ซึ่งให้ความสำคัญกับความมั่นคงของการจัดหาหน่วยความจำมากกว่าการอัดสเปกเพิ่มตามรอบเทคโนโลยี
หากสถานการณ์นี้ยังยืดเยื้อไปถึงช่วงปี 2026 ผู้ใช้ในตลาดระดับกลางอาจต้องคุ้นชินกับโน้ตบุ๊กแรมน้อยในราคาที่สูงขึ้น และต้องเลือกให้รอบคอบมากกว่าเดิมว่า จะยอมจ่ายเพิ่มเพื่อความลื่นไหลในระยะยาว หรือยอมรับลดสเปกเพื่อควบคุมงบประมาณของตัวเอง
ที่มา : wccftech

Comment