หลังจากที่ได้เห็น Samsung US ปล่อยโฆษณา Wall Huggers ที่มีเนื้อหาแซวทางฝั่งของ iPhone ที่ต้องคอยกอดปลั๊กไฟ เสียบชาร์จตลอดเวลา เพราะแบตหมดเร็ว ซึ่งก็มีเสียงตอบรับอย่างฮือฮาจากสาวกทั้งสองฝ่าย ส่วนตัวก็ได้คลุกคลีกับมือถือ Samsung มามาก Android ที่ถือก็หลายเครื่อง รวมถึง iPhone 5s ก็ยังใช้อยู่ เลยอยากจะมาขอแชร์ความเห็นเกี่ยวกับแบตของ iPhone ว่าที่เหล่า Fanboy ของ Android ชอบแซะ หรือที่ผู้ใช้ iPhone หลายๆคนบ่นว่า iPhone ของตัวเองแบตน้อยนั้น มันแย่จริงหรือคิดไปเอง 

ก่อนอื่น มาดูปริมาณแบตเตอรี่ของ iPhone 5s เมื่อเทียบกับแบตของ Android หลายๆรุ่น

  • iPhone 5s : ขนาด 5.92 Wh (เทียบเท่า 1,560 mAh)1 ถอดเปลี่ยนไม่ได้

  • iPhone 5c : ขนาด 5.73 Wh (เทียบเท่า 1,510 mAh)1 ถอดเปลี่ยนไม่ได้

  • Samsung Galaxy S5 : 2,800 mAh ถอดเปลี่ยนได้

  • HTC One M8 : 2,600 mAh ถอดเปลี่ยนไม่ได้

  • LG G3 : 3,000 mAh ถอดเปลี่ยนได้

  • LG G2 : 3,000 mAh ถอดเปลี่ยนไม่ได้

  • Oppo Find 7a : 2,800 mAh ถอดเปลี่ยนได้

  • Sony Xperia Z2 : 3,000 mAh ถอดเปลี่ยนไม่ได้

 

จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่าแบตของ iPhone นั้นมีปริมาณน้อยกว่าของเหล่ามือถือแอนดรอยด์รุ่นท็อปอย่างเห็นได้ชัด เรียกว่าเกือบครึ่งๆทั้งนั้น ซึ่งข้อจำกัดส่วนหนึ่งที่ Apple ไม่สามารถยัดแบตเข้าไปใน iPhone ได้มากกว่ากว่านี้ก็เพราะขนาดเครื่องที่หน้าจอเล็กเพียง 4 นิ้ว นั่นเอง

แต่ในความเป็นจริง ปริมาณแบตไม่ได้สำคัญอะไรเลย แต่การใชังานในชีวิตประจำวันต่างหากที่สำคัญ เรามาลองดูการวัดค่าการใช้งานจริงของโทรศัพท์แต่ละรุ่นที่ทาง GSM Arena ทำการวัดเอาไว้กัน

Model

คุยโทรศัพท์ (ชม.)

เล่นเว็บ (ชม.)

ดูวิดีโอ (ชม.)

iPhone 5s

10:46

9:58

10:31

iPhone 5c

10:18

9:05

7:41

Samsung Galaxy S5

21:20

9:36

11:05

HTC One M8

20:01

9:06

11:14

LG G3

24:54

6:40

9:57

LG G2 (KitKat)

25:15

11:42

9:28

Oppo Find 7a

18:11

7:09

9:19

Sony Xperia Z2

22:13

11:32

12:16

*Samsung Galaxy S5 ไม่ได้ถูกเปิดโหมด Ultra Power Saving ในการเทสต์
*สีเขียวคือสูงสุด สีแดงคือต่ำสุด ในหมวดนั้นๆ

จากตารางจะเห็นได้ว่า iPhone ทั้งสองรุ่นจะทำออกมาได้แย่กว่า Android มากๆในเรื่องของการคุยโทรศัพท์ ซึ่งนั่นเป็นเพราะการคุยโทรศัพท์เป็นกิจกรรมที่ไม่ได้ใช้การประมวลผลอะไรมากมาย และหน้าจอก็ไม่ได้ติดตลอดเวลา ทำให้แบตยิ่งมีปริมาณเยอะ ยิ่งคุยได้นาน และ iPhone ก็ดันให้แบตมาน้อยกว่าชาว Android เกือบเท่าตัว จึงได้ผลออกมาเป็นแบบนี้

แต่เมื่อดูจากการเล่นเว็บ และดูวิดีโอ iPhone กลับไม่ได้มีตัวเลขที่แตกต่างอะไรจาก Android ขนาดนั้น แถมยังทำได้ดีกว่ามือถือตัวท็อปหลายๆรุ่นเสียด้วยซ้ำไป

เพราะอะไร? ทำไมแบตของ iPhone ที่น้อยกว่า Android ตัวท็อปเกือบครึ่ง ถึงใช้งานได้ยาวนานพอๆกัน?

จากที่ได้ค้นหาข้อมูลและคุยกับหลายๆคนมาได้คำตอบคร่าวๆตามนี้ (มีแก้ไขเพิ่มเติมเรื่องหน้าจอ)

  • iPhone มีการจัดการพลังงานที่ดีมาก แบตน้อยแต่ก็ใช้งานได้นาน

  • ซอฟท์แวร์มีการปรับแต่งให้กินพลังงานแต่พอดี ไม่ค่อยมีปัญหาแบตไหล

  • หน้าจอกินพลังงานต่ำ รวมถึงขนาดที่เล็กกว่ามาก

สำหรับคนที่ใช้ iPhone แล้วเจอปัญหาแบตไหล สัญลักษณ์ GPS ติดตลอดเวลา ลองไปอ่าน Blog เก่าที่เคยแนะนำวิธีแก้ปัญหาเอาไว้ให้แล้วนะครับ [iPhone] สัญลักษณ์อันตราย สูบแบตฮวบถ้าติดตลอด

แบตน้อยแต่กินพลังงานต่ำของ iPhone ไม่ใช่ไม่มีข้อดี (มีการแก้ไข)

หลายๆคนอาจจะเซ็งที่ Apple ไม่ยอมเพิ่มแบตของ iPhone มาให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อขยายเวลาใช้งานให้มากขึ้น แต่ว่าในทางกลับกันจริงๆแล้วมันก็มีข้อดีของมันอยู่คือ

  1. ขนาดของเครื่องที่จะเล็กและจับถนัดมือมากกว่า(สำหรับบางคน) ผู้ใช้หลายๆคนก็เหมือนจะเข้าใจปัญหานี้แล้วก็เลือกซื้อ Battery Pack ไปใช้แทน

  2. การใช้ Battery Pack ของผู้ใช้ iPhone ก็ดีกว่าคนใช้ Android เพราะว่าต้องการปริมาณความจุที่ต่ำกว่ามาก เช่น iPhone ต้องการ Battery Pack ขนาดเพียง 5,000 mAh ก็ชาร์จไฟได้ 2-3 ครั้ง แต่ว่า Android จะชาร์จได้เพียงครั้งนิดๆเท่านั้น

  3. การชาร์จไฟของ iPhone ทั้งจาก Wall Charger และ Battery Pack ใช้เวลาน้อยกว่า Android มาก

ฉะนั้นอาการ Wall Hugger โรคติดปลั๊กของเหล่าผู้ใช้ iPhone จริงๆมันก็แก้ไม่ได้ยากแค่พก Battery Pack ส่วนสาวก Android หลายๆคนที่แม้จะบอกว่าเครื่องตนแบตอึด ก็ยังเห็นว่าต้องพกที่ชาร์จหรือ Battery Pack กัน…จริงมะ แต่ว่ามันก็ต้องแลกกับความไม่สบายที่ต้องพกอุปกรณ์อีกหนึ่งชิ้น ซึ่งท่านชายหลายๆคนก็คงไม่อยากพกกระเป๋าอีกใบเพื่อ power bank กันแน่นอน ส่วนเรื่องขนาดของเครื่องและหน้าจอที่ผู้ใช้ iPhone ชอบกัน แต่ผู้ใช้ Android อีกหลายๆคนก็ยังมองว่ามันเล็กไป ใช้งานไม่สะดวกอีกมากเช่นกันครับ

 

ปัญหาของแบตใหญ่ๆบน Android

Battery ปริมาณมากๆบน Android มันก็ไม่ได้มีแต่ข้อดีเท่านั้น จริงๆมันก็มีปัญหาในตัวของมันเองอยู่ เช่น

  • ชาร์จนาน 2-3 ชม. หากใช้ Wall Charger ทั่วไป (5V1A)

  • ที่ชาร์จ 5V2A หาได้ยาก USB เครื่องคอมปกติก็จ่ายไฟไม่ถึง 1A ด้วยซ้ำ

  • Battery Pack ที่ขายตามท้องตลาดส่วนมากเป็น 1A ทำให้ชาร์จนาน หรือจ่ายไฟไม่พอสำหรับเล่นไปชาร์จไป (เจอมากับตัว ยิ่งชาร์จแต่แบตยิ่งลด และมันทำร้ายอายุการใช้งานแบตมาก)

  • แบตเตอรี่ยิ่งก้อนใหญ่ระเบิดยิ่งแรง…ของปลอม ของเทียมทั้งหลาย โปรดพึงระวัง

 

ปัญหานี้เพิ่งจะมีทาง Oppo ที่แก้ได้โดยยัดเอาเทคโนโลยี VOOC ยัดใส่เข้าไปในตัว Find 7 และ Find 7a ทำให้ชาร์จไวขึ้นมาก 0-75% แค่ครึ่งชม. (รายละเอียดเพิ่มเติมไปอ่านที่ เปิดตัว Oppo Find 7 กล้อง 50 ล้าน ชาร์จแบตไว และจอ QHD (2K) ) แต่ต้องใช้ที่ชาร์จเฉพาะของ Oppo เท่านั้น ถ้าเราไม่ได้เอาไปด้วยก็ชาร์จนานรากงอกกันเลยทีเดียว

Android แบตอึดกว่า iPhone?

จริง แต่ไม่เสมอไป ขึ้นกับโทรศัพท์แต่ละรุ่นไป และปริมาณแบตเตอรี่ไม่ได้บ่งบอกถึงความยาวนานที่สามารถใช้งานได้ แต่เป็นคุณภาพของ Software และ Hardware ในเครื่องนั้นๆ ซึ่งต้องทำการทดสอบ

Android ในบางรุ่นที่แบตเยอะ หรือถูกขนาดนามว่าแบตอึด แต่ถ้าเจอปัญหา wake lock (เครื่องไม่ยอมหยุดทำงาน) หรือ Google Play Service (เรียกขอตำแหน่งเราตลอดเวลา) จากอึดก็กลายเป็นอ่วม อยู่ไม่ครบวันได้เหมือนกัน

(เคยเขียนวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้ไว้แล้วของเข้าไปอ่านต่อกันได้)

แบตไหลเป็นน้ำ มาหาสาเหตุกัน // เมื่อ Google Play Services สูบแบต!! และวิธีแก้ปัญหา

 

ปัญหาเรื่องแบตเตอรี่มีทั้งบน Android และ iPhone

หลายๆรุ่นของ Android สามารถใช้งานได้ข้ามวัน และแบตอึดกว่า iPhone แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า Android จะไม่มีปัญหาเรื่องนี้เสียทีเดียว เรายังเห็นคนใช้ Android อีกมากที่ยังเป็นผีเฝ้าเสาเฝ้ากำแพงรอชาร์จแบต มีคนที่ย้ายจาก iPhone มา Android แล้วบ่นว่าแบตไม่ได้อึดอย่างที่คิดก็เยอะ แต่เราอาจจะได้ยินข่าวดีเร็วๆนี้เมื่อฝั่ง Android ได้มีการเริ่ม Project Volta ที่ตั้งมาเพื่อการแก้ปัญหาและยืดอายุการใช้งานโดยเฉพาะ ส่วนทางฟาก iPhone เชื่อว่าถ้าเกิดรุ่นใหม่ที่กำลังจะออกมาในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นจริง น่าจะบรรเทาปัญหาแบตหมดเร็วไปได้มากเลยทีเดียว

ปลายปีนี้เรา“น่าจะ”ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเรื่องแบตเตอรี่และการใช้งานที่ยาวนานขึ้นครับ 🙂

 

[เพิ่มเติม] iPhone เปิดแสตนด์บาย 3G แล้วแบตลดฮวบๆ

มีเพื่อนๆมาให้ความเห็นว่า iPhone ที่เคยใช้งานมีปัญหาแบตหมดเร็วมากโดยเฉพาะตอนต่อ 3G ตรงนี้ขอทำความเข้าใจกันก่อนนะว่า อาการนี้จริงๆแล้วเป็นทั้ง Android และ iPhone นั่นแหละ โดยมักจะเป็นกันตอนที่มีการตั้งเสาสัญญาณใหม่ๆหรือว่าสัญญาณยังไม่ครอบคลุมเท่านั้น เพราะโทรศัพท์ของเราจะต้องออกแรงในการรับติดต่อกับเสาสัญญาณมากกว่าปกติ แต่ว่า Android จะออกอาการน้อยกว่า iPhone เพราะแบตที่มีขนาดใหญ่กว่าเป็นเท่าตัวนั่นเอง (สาเหตุเดียวกับเรื่องเวลาในการโทรออก iPhone น้อยกว่า Android เท่าตัว)

ปัจจุบันนี้เมื่อทั้ง AIS DTAC และ Truemove H ได้ทำการวางเครือข่าย 3G ได้ครอบคลุมในพื้นที่ใดๆแล้ว อาการกินแบตเหล่านี้ก็จะลดน้อยลงเรื่อยๆ (แต่ก็จะยังมากกว่า 2G) ถ้าเกิดใครใช้งานในกรุงเทพฯก็จะพบว่ามันดีขึ้นกว่าตอนที่ออกมาใหม่ๆมากจริงๆ ใครที่เคยใช้งาน iPhone หรือ Android ตั้งแต่เมื่อต้นปีที่แล้วหรือสมัยที่ Truemove ขึ้นเสา 3G ใหม่ๆ ลองกลับไปใช้งานดูอีกรอบก็จะพบว่ามันดีขึ้นกว่าเดิมครับ 🙂

[เพิ่มเติม] อุปกรณ์ส่วนใดที่กินพลังงานสูงสุด?

อุปกรณ์ส่วนที่กินพลังงานของ Smartphone ทั้ง Android และ iOS หลักๆจะประกอบไปด้วย 3 ส่วนคือ CPU, หน้าจอ, และภาคสัญญาณ โดยสิ่งที่ทำให้แบตลดฮวบๆก็มักจะไปเปิดสวิตช์ให้ส่วนใดส่วนนึงหรือทั้งสามส่วนใช้งานแบบไม่หยุดหย่อน เช่น เครือข่าย 3G ไม่ดีต้องออกแรงเยอะ ไปกระตุ้นให้ภาครับสัญญาณทำงานหนัก, มี process ใช้งานด้านหลังแบบไม่หยุดตลอดเวลา CPU ก็ประมวลผลเรื่อย, หรือเปิดหน้าจอดูหนัง ดู YouTube ก็จะกินแบตไปตามสภาพครับ

คำถามที่อาจจะสงสัย

ทำไมมี LG G2 มันเก่าแล้วหนิ? เพราะเป็น Android ตัวที่เคยจับเองและประทับใจกับแบตมัน และทำสกอร์ได้ดีฝุดๆ

ทำไมใช้ Find 7a ไม่ใช่ Find 7? เพราะ GSM Arena ลองเทสต์แต่กับตัวนี้ ยังไม่สามารถลองทดสอบเองได้ และแบตของ Find 7a ก็ไม่ต่างจาก Find 7 มากนัก (2800/3000 mAh)

ทำไมหลายๆคนถึงอยากให้สามารถเปลี่ยนแบตได้?

  1. แบตหมด เปลี่ยนใหม่อีกก้อนได้เลย ไม่ต้องเสียบสายชาร์จระเกะระกะ
  2. แบตเสื่อมก็เปลี่ยนก้อนใหม่ได้เลย ยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้นอีก
  3. ฝาหลังเปิดได้ สามารถช่วยลดแรงกระแทกต่อเครื่องได้เล็กน้อยเมื่อทำเครื่องตก
Ultra Power Saving Mode มันดีจริงมั้ย?

มันทำให้เครื่องสามารถใช้งานได้ยาวนานเพิ่มขึ้นได้จริง แต่ว่ามันก็มีข้อจำกัดอยู่เช่นกัน ไม่ใช่ว่ามันเปิดแล้วจะสามารถใช้งานได้เหมือนเดิม ลองเข้าไปดูในรีวิวของ Galaxy S5 ที่ได้เคยเขียนเรื่องนี้เอาไว้แล้วได้ครับ

references

1GSM Arena : iPhone 5s, iPhone 5c 

2Battery Tests : GSM Arena blog

โฆษณา Wall Huggers ของซัมซุง