หนึ่งในหูฟังที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงหลายปีหลังมานี้คงจะหนีไม่พ้นหูฟังไร้สายแบบ True Wireless (TWS) โดยในปี 2024 ก็มีออกมาหลายรุ่นหลายราคา และที่สำคัญแต่ละยี่ห้อล้วนมาพร้อมจุดเด่นเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแนวเสียง ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ หรือฟีเจอร์ที่ให้มาแบบเหลือล้น วันนี้ทีมงานเลยคัดหูฟังไร้สายที่เสียงดี น่าใช้ มาฝากด้วยกัน 10 ตัว ใครที่กำลังหาซื้ออยู่ต้องโดนสักตัวในนี้แล้ว

1. HUAWEI FreeBuds SE 2

สเปค

  • การตอบสนองความถี่ : ไม่ระบุ
  • ไดรเวอร์ : ไดนามิกขนาด 10 มม.
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.3
  • ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
    • หูฟัง : 33.66 x 17.83 x 18.13 มม.
    • กล่องชาร์จ : 50.4 x 50.31 x 23.40 มม.
  • น้ำหนัก
    • หูฟัง : 3.8 ก.
    • รวมกล่องชาร์จ : 33 ก.
  • การกันน้ำ : IP54
  • แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ 9 ชม. (รวมกล่องชาร์จ 40 ชม.)
  • Codec : SBC และ AAC
  • Active Noise-Cancellation (ANC) : No
  • ราคา : 1,099 บ.
  • ตามไปตำได้ที่ : Link
  • รีวิว : Link

มาเริ่มกันที่ตัวแรกกันกับ HUAWEI FreeBuds SE 2 หูฟัง True wireless ราคาเริ่มต้นที่คุณภาพเชื่อขนมกินได้ว่าของดี มีมาตรฐาน สัญญาณเสถียร งานประกอบแน่น ฟีลลิ่งของแม่เหล็กที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดี ดูดแน่นทั้งตัวฝาและหูฟัง

ดีไซน์ภายนอกจะเป็นหูฟังแนว Earbud ที่ใส่สบายกว่าหูฟังแบบ In-Ear ใส่นาน ๆ ใส่ทั้งวันแล้วไม่เจ็บ แถมน้ำหนักต่อข้างก็เบามากแค่ 3.8 กรัม เท่านั้น สามารถใช้งานได้นาน 40 ชั่วโมง

เรื่องของเสียง HUAWEI FreeBuds SE 2 ให้คุณภาพเสียงดีสมราคา โทนเสียงจะออกมาแนว Balanced ย่านแหลมไม่บาดหู ย่านเบสฟังพอมีให้ฟังสนุกไม่ล้นจนเกินไป รายละเอียดเสียงครบ เสียงร้องชัดเจน Sound Stage ไม่แคบจนเกินไป เหมาะกับสำหรับฟังเพลงมากกว่า ถ้านำไปใช้ดูหนัง ภาพรวมเป็นหูฟังไร้สายราคาเริ่มต้นที่น่าใช้ตัวหนึ่งเลย

2. SoundPEATS H1

สเปค

  • การตอบสนองความถี่ : 20 – 20000 Hz
  • ไดรเวอร์ : 2 ตัว ไดนามิกขนาด 8.6 มม. และ Balanced Armaure
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.2
  • ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
    • หูฟัง : 24.5 x 22.5 x 27 มม.
    • กล่องชาร์จ :  72 x 42 x 33 มม.
  • น้ำหนัก
    • หูฟัง : 6.5 ก.
    • รวมกล่องชาร์จ : 44 ก.
  • การกันน้ำ : IPX5
  • แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ 10 ชม. (รวมกล่องชาร์จ 30 ชม.)
  • Codec : AAC, aptX Adaptive, SBC
  • Active Noise-Cancellation (ANC) : No
  • ราคา : 2,390 บ.
  • ตามไปตำได้ที่ : Link

สำหรับหูฟังตัวถัดมา อย่าง SoundPEATS H1 บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ให้สเปคมาค่อนข้างจัดเต็ม ทั้งไดรเวอร์คู่ แบตอึดใช้ได้ 10 ชม. มี Game Mode มาให้เล่นเกมแล้วไม่ดีเลย์ เรียกว่าให้สเปคมาคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปมาก ๆ

หนึ่งในจุดเด่นที่สุดของรุ่นนี้คงจะหนีไม่พ้น Game Mode ที่ช่วยให้เราเล่นเกมแล้วไม่ดีเลย์ คือตามปกติแล้วหูฟังประเภทนี้เป็นหูฟังที่มีดีเลย์ในระบบสูงกว่าหูฟังไร้สายประเภทอื่นอยู่พอสมควร เอาไปดูหนังเสียงไม่ตรงกับปากอะไรประมาณนั้น

แต่หูฟังรุ่นนี้มี Game Mode ที่จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้มาให้ใครที่กำลังหาหูฟังไร้สายไว้เล่นเกมในราคาที่ไม่สูงมาก รุ่นนี้บอกเลยตอบโจทย์แน่นอน

เรื่องของเสียงบอกเลยว่าไม่ผิดหวัง เบสหนักจัดเต็ม ลูกใหญ่ แน่น ไม่บวม ถูกใจคนชอบเสียงกระหึ่ม ๆ แน่นอน เสียงกลางจะออกหม่นนิดหน่อย มีความหนา ติดหวานเล็กน้อย เสียงแหลมใสเคลียร์ ฟังแล้วไม่รู้สึกบาดหู รายละเอียดมาครบ ภาพรวมแล้วเป็นหูฟังที่ครบเครื่องใช้งานได้หลากหลายตัวหนึ่งเลยในระดับราคานี้

3. Redmi Buds 5 Pro

สเปค

  • การตอบสนองความถี่ : 20 – 20000 Hz
  • ไดรเวอร์ : ไดนามิกขนาด 10 มม.
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.3
  • ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
    • หูฟัง : 6.5 × 6.5 × 29.7 มม.
    • กล่องชาร์จ : 61 x 46.8 x 25 มม.
  • น้ำหนัก
    • หูฟัง : 5.1 ก.
    • รวมกล่องชาร์จ : 42.8 ก.
  • การกันน้ำ : IP54
  • แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ 10 ชม. (รวมกล่องชาร์จ 38 ชม.)
  • Codec : LDAC / LDHC 5.0 / AAC / SBC
  • Active Noise-Cancellation (ANC) : Yes
  • ราคา : 2,690 บ.
  • ตามไปตำได้ที่ : Link
  • รีวิว : Link

Redmi Buds 5 Pro ถือเป็นอีกหูฟัง True Wireless อีก 1 รุ่น ที่ราคาคุ้มค่ามาก ๆ กับสเปคที่ได้ ทั้งในเรื่องการตัดเสียงรบกวน และไมโครโฟนสนทนาที่ทำได้ค่อนข้างดี งานประกอบแน่น สัญญาณเสถียร แถมตัวหูฟังยังทนน้ำทนฝุ่น IP54 ด้วย

รองรับ Fast Pair แค่เปิดฝาก็ขึ้นเมนูเชื่อมต่อให้กดปุ่มทันที ทั้งในมือถือ Android และ Windows PC รองรับ LDAC หนึ่งใน Codec ที่เทพที่สุดสำหรับสายฟังเพลงแบบไร้สาย เพราะสามารถรองรับเสียงแบบ Hi-Res Audio ที่มี Bitrate สูง ๆ ได้

ส่วนเสียงมาในโทนกลาง ๆ ไม่ได้โดดเด่นกว่าหูฟังรุ่นอื่นที่มีราคาใกล้เคียงกัน เบสชัดเป็นลูก ๆ ไม่บวมกลบย่านอื่น เสียงร้องชัด ฟังสนุก แต่เวทีเสียงไม่ค่อยกว้างสักเท่าไหร่

สิ่งที่เด่นจริง ๆ คือเรื่องของไมโครโฟน ที่ให้เสียงที่ฟังแล้วดูดีเลย คุยรู้เรื่อง ใช้งานริมถนนก็ยังตัดเสียงสภาพแวดล้อมได้ดี แต่เสียงจะมีความเบาลงไประดับหนึ่ง และเสียงจะดูสังเคราะห์มากกว่าปกติ ภาพรวมเป็นหูฟังที่ไว้ใจได้ ใช้งานได้ดี ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป

4. Jabra Elite 4 Active 

สเปค

  • การตอบสนองความถี่ : 20 – 20000 Hz
  • ไดรเวอร์ : ไดนามิกขนาด 6 มม.
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.2
  • ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
    • หูฟัง : 20.85 x 20.49 x 27.3 มม.
    • กล่องชาร์จ : 28.4 x 38.9 x 64 มม.
  • น้ำหนัก
    • หูฟัง : 5 ก.
    • รวมกล่องชาร์จ : 37.5 ก.
  • การกันน้ำ : IP57
  • แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ 7 ชม. (รวมกล่องชาร์จ 28 ชม.)
  • Codec : aptX, SBC
  • Active Noise-Cancellation (ANC) : Yes
  • ราคา : 3,790 บ.
  • ตามไปตำได้ที่ : Link

ตัวถัดไป เอาใจสายออกกำลังกายกันบ้างกับ Jabra Elite 4 Active ที่มาพร้อมกับมาตรฐานการกันน้ำระดับ IP57 เอาไปใส่ออกกำลังกาย เหงื่อฉ่ำ ๆ ได้ไม่มีปัญหา แถมตัววัสดุก็เคลือบสารพิเศษ ShakeGrip เพื่อเพิ่มความแน่นหนาความกระชับเมื่อเราออกกำลังกายด้วย

ส่วนการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันก็ทำได้ดี สวมใส่สบาย แถมมีระบบตัดเสียงรบกวนแบบ ANC มาให้ด้วย แต่ไม่แนะนำให้เปิดตอนออกกำลังกายในสภาพแวดล้อมเปิดนะ และโหมดเปิดรับเสียงจากสภาพแวดล้อมรอบข้าง

ไมโครโฟนให้มาเยอะถึง 4 ตัว ใช้คุยโทรศัพท์ได้ชัดเจน เสียงพูดฟังชัดเจน จัดการเสียงรบกวนได้ดีแม้จะใช้งานริมถนนก็ตาม

เรื่องของเสียงมาในสไตล์ฟังสนุก เสียงเบสกระหึ่ม สะใจ แต่ก็กระชับ เก็บตัวไว เสียงกลาง หนานุ่ม มีน้ำมีนวล ชุ่มฉ่ำ มาในโทน Flat เสียงแหลมให้รายละเอียดได้ดีมาก มีความใสและโปร่งกำลังดี ภาพรวมเป็นหูฟังที่มาในแนวอึดถึกทน พร้อมลุยไปกับเราในทุกที่ ไม่ว่าจะออกกำลังกาย หรือใช้งานตอนอยู่บนเครื่องบิน

5. Edifier Neobuds Pro 2

สเปค

  • การตอบสนองความถี่ : 20 – 40000 Hz
  • ไดรเวอร์ : ไดนามิกขนาด 10 มม. และ Balanced Armaure
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.3
  • ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
    • หูฟัง : 22 x 26 x 32 มม.
    • กล่องชาร์จ : 55 x 68 x 30 มม.
  • น้ำหนัก
    • หูฟัง : 5.6 ก.
    • รวมกล่องชาร์จ : 49.2 ก.
  • การกันน้ำ : IP54
  • แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ 5.5 ชม. (รวมกล่องชาร์จ 22 ชม.)
  • Codec : LDAC, LHDC, SBC, AAC
  • Active Noise-Cancellation (ANC) : Yes
  • ราคา : 4,990 บ.
  • ตามไปตำได้ที่ : Link

หูฟังตัวถัดไปมาจากแบรนด์เครื่องเสียงอย่าง Edifier กันบ้าง ซึ่งบอกเลยว่าตอนที่ได้ลองครั้งแรกรู้สึกถึงความพรีเมียมของหูฟังตัวนี้ ทั้งงานประกอบ ฟีเจอร์ที่ได้ และเสียงก็ทำออกมาได้น่าประทับใจ

ดีไซน์ภายนอกเห็นแล้วนึกถึงประตูปีกนกของรถซูเปอร์คาร์เลยทีเดียว ด้านฟีเจอร์ก็ให้มาทั้ง ANC และรองรับ Codec แบบ LDAC ที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดสำหรับสายฟังเพลงไร้สาย และมี Game Mode ลดอาการดีเลย์มาให้ด้วย

เรื่องของเสียงก็ทำออกได้ดีไม่ผิดหวัง เสียงเบสอิ่ม ลูกใหญ่ ลงได้ลึก อิมแพ็คแรงปะทะหนักฟังสนุก เสียงกลางกระจ่างชัด เนื้อเนียน ฟังดูสะอาด เสียงแหลมรายละเอียดดีมาก ฟรุ๊งฟริ๊งคมใส โทนสว่าง ในส่วนของไมโครโฟนทำออกมาได้ดี เป็นธรรมชาติ ตัดเสียงรบกวนได้ดีมากใช้งานริมถนนก็ยังคุยรู้เรื่องอยู่

หากใครกำลังมองหาหูฟังไร้สายคุณภาพดี ๆ ได้ทั้งสเปค และฟีเจอร์ที่ดี งานประกอบพรีเมียม ในค่าตัวที่ไม่เวอร์จนเกินไป Edifier NeoBuds Pro 2 เป็นหูฟังไร้สายที่น่าสนใจไม่น้อยเลย

6. Beats Studio Buds +

สเปค

  • การตอบสนองความถี่ : ไม่ระบุ
  • ไดรเวอร์ : ไม่ระบุ
  • การเชื่อมต่อ : Class 1 Bluetooth
  • ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
    • หูฟัง : 15 x 20.56 x 18.5 มม.
    • กล่องชาร์จ : 25.5 x 72 x 51 มม.
  • น้ำหนัก
    • หูฟัง : 5 ก.
    • รวมกล่องชาร์จ : 49 ก.
  • การกันน้ำ : IPX4
  • แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ 9 ชม. (รวมกล่องชาร์จ 36 ชม.)
  • Codec : SBC, AAC
  • Active Noise-Cancellation (ANC) : No
  • ราคา : 5,700 บ.
  • ตามไปตำได้ที่ : Link

Beats Studio Buds หูฟัง True Wireless โดดเด่นในเรื่องของดีไซน์แนวแฟชั่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ จากแบรนด์ Beats มีสีมาให้เลือกเยอะ มาพร้อมกับระบบเสียงรอบทิศทาง Spatial Audio หากนำไปใช้กับอุปกรณ์ค่าย Apple มาพร้อมกับฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนแบบ ANC

ผ่านมาตรฐานการกันน้ำ IPX4 เอาใจสายสปอร์ต หรือใช้งานในชีวิตประจำวันก็ได้ สามารถใช้งานได้นานถึง 8 ชั่วโมง เรื่องของการสวมใส่ทำออกมาได้น่าประทับใจเหมือนเดิม ใส่สบาย น้ำหนักสองข้างเบาเพียง 5 กรัม เท่านั้น

เรื่องของเสียงยังคงมาในแนวทางของหูฟังจาก Apple รุ่นใหม่ คือมีความคล้ายตระกูล Airpods แต่มีความจัดจ้าน ฟังสนุกกว่า เสียงเบสมาในสไตล์นุ่ม ลูกโต เสียงนักร้องชัดเจนกำลังดี ให้รายละเอียดครบถ้วน ฟังสนุก เสียงแหลมติดคมเล็กน้อย โปร่ง ฟังง่าย มิติเสียงแยกรายละเอียดได้ชัดเจน เรียกได้ว่าเป็นหูฟัง True Wireless หน้าตาดีฟีเจอร์แน่นตัวหนึ่งที่น่าสนใจมาก

7. HUAWEI FreeBuds Pro 3

สเปค

  • การตอบสนองความถี่ : 14 – 48000 Hz
  • ไดรเวอร์ : ไดนามิกขนาด 11 มม. และ Balanced Armaure
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.2
  • ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
    • หูฟัง : 29.1 x 21.8 x 23.7 มม.
    • กล่องชาร์จ : 46.9 x 65.9 x 24.5 มม.
  • น้ำหนัก
    • หูฟัง : 5.8 ก.
    • รวมกล่องชาร์จ : 45.5 ก.
  • การกันน้ำ : IP54
  • แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ 6.5 ชม. (รวมกล่องชาร์จ 31 ชม.)
  • Codec : SBC, AAC, LDAC, L2HC 2.0
  • Active Noise-Cancellation (ANC) : Yes
  • ราคา : 6,990 บ.
  • ตามไปตำได้ที่ : Link
  • รีวิว : Link

HUAWEI FreeBuds Pro 3 หูฟังไร้สาย TWS รุ่นเรือธงของค่าย ที่ให้ฟีเจอร์ และคุณภาพระดับตัวท็อป มาพร้อมกับดีไซน์ และงานประกอบระดับพรีเมียม ที่รู้สึกได้ตั้งแต่ตอนเปิดฝา รองรับระบบเสียงรบกวนแบบ ANC ที่ปรับระดับได้ละเอียดกว่าค่ายอื่นด้วยเทคโนโลยี Intelligent Dynamic ANC 3.0

รองรับ Codec แบบ LDAC Hi-Res Audio ที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดสำหรับสายฟังเพลงไร้สาย หรือจะนำไปใช้ออกกำลังกายที่สมบุกสมบันหน่อยก็ทำได้ เพราะมาพร้อมกับมาตรฐานการกันน้ำระดับ IP57 เจออากาศร้อน ๆ เหงื่อท่วม ๆ ได้สบาย

แนวเสียงของ HUAWEI FreeBuds Pro 3 ออกไปทาง Flat ไม่โดดเด่นไปที่ด้านใดด้านหนึ่งมากเป็นพิเศษ ไม่ค่อยปรุงแต่ง เสียงร้องและเสียงเบสมีความคมชัด เวทีเสียงไม่กว้างมากนัก ตามธรรมชาติของหูฟังประเภทนี้ ใช้ฟังเพลงได้หลากหลายแนว ภาพรวมเป็นหูฟังระดับท็อปที่เสียงดี ฟีเจอร์ครบครัน เทียบกับรุ่นราคาหลักหมื่นได้

8. Apple Airpods Pro (รุ่นที่ 2)

สเปค

  • การตอบสนองความถี่ : ไม่ระบุ
  • ไดรเวอร์ : ไม่ระบุ
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.3
  • ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
    • หูฟัง : 21.8 x 24 x 30.9 มม.
    • กล่องชาร์จ : 60.6 x 45.2 x 21.7 มม.
  • น้ำหนัก
    • หูฟัง : 5.3 ก.
    • รวมกล่องชาร์จ : 50.8 ก.
  • การกันน้ำ : IPX4
  • แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ 6 ชม. (รวมกล่องชาร์จ 30 ชม.)
  • Codec : SBC, AAC
  • Active Noise-Cancellation (ANC) : Yes
  • ราคา : 8,990 บ.
  • ตามไปตำได้ที่ : Link

มาถึงหูฟัง TWS ยอดนิยมที่ขายดีอีกรุ่น อย่าง Apple Airpods Pro กันบ้าง โดยปัจจุบันก็เดินทางมาจนถึงรุ่นที่สองแล้ว รอบนี้มีการปรับปรุงหลายอย่างให้ดีขึ้น เช่น การตัดเสียงรบกวนแบบ ANC ที่ Apple เคลมว่าดีขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า ไดรเวอร์ใหม่ให้เสียงที่แจ่มกว่ารุ่นเดิม และที่สำคัญรองรับช่องชาร์จแบบ USB-C แล้วสักที

ด้านฟีเจอร์เรียกว่าเกิดมาเพื่อใช้คู่กับอุปกรณ์ของ Apple ทั้งระบบเสียงรอบทิศทาง Spatial Audio ระบบติดตามการเคลื่อนไหว และการตรวจจับอุปกรณ์เมื่อเปิดฝา ที่เป็นต้นตำรับของหูฟัง TWS หลายรุ่น งานประกอบทำออกมาได้ไร้ที่ติ ตามสไตล์ Apple เหมือนเดิม จับแล้วรู้สึกได้เลยว่าใช้ของแพง

เรื่องของเสียงอาจจะไม่ใช่จุดเด่นที่สุดของหูฟังรุ่นนี้เพราะมาในสไตล์กลาง ๆ ไม่ได้โดดเด่นด้านในด้านหนึ่งเป็นพิเศษ เน้นฟังง่าย ๆ ฟังสบาย ฟังได้ทั้งวัน ไม่ล้าหู แต่ก็รู้สึกได้ว่าเบสลงได้ลึกกว่ารุ่นก่อนอยู่พอสมควร

ภาพรวมเป็นหูฟังที่เกิดมาเพื่อคนใช้อุปกรณ์ Apple โดยเฉพาะ ใช้งานง่าย ลูกเล่นแพรวพราว แต่เรื่องเสียงอาจจะไม่ได้โดดเด่นไปกว่าหูฟังราคาพันต้น ๆ เท่าไหร่

9. Sony WF-1000XM5

สเปค

  • การตอบสนองความถี่ : 20 – 20000 Hz
  • ไดรเวอร์ : ไดนามิกขนาด 8.4 มม.
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.3
  • ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
    • หูฟัง : 6.46 x 4.0 x 2.65 มม.
    • กล่องชาร์จ : 64.6 x 40 x 26.5 มม.
  • น้ำหนัก
    • หูฟัง : 5.9 ก.
    • รวมกล่องชาร์จ : 39 ก.
  • การกันน้ำ : IP54
  • แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ 12 ชม. (รวมกล่องชาร์จ 31 ชม.)
  • Codec : SBC, AAC, LDAC, LC3
  • Active Noise-Cancellation (ANC) : Yes
  • ราคา : 10,990 บ.
  • ตามไปตำได้ที่ : Link

สำหรับหูฟังตัวถัดไปที่เราเอามาฝากนี้ คิดว่าเป็นหูฟังตัวจบสำหรับใครหลายคน เพราะเรื่องเสียงก็ดีระดับหัวตาราง เรื่องการตัดเสียงรบกวนก็ทำได้ดีที่สุดในตลาด แถมได้แบรนด์ที่ทำเครื่องเสียงมาอย่างยาวนานการันตี ในที่นี้ถ้าจ่ายไหว ข้อดีทั้งหมดนี้ก็พร้อมจะเป็นของเพื่อน ๆ

โดยหูฟังซีรีส์นี้ก็ได้ผ่านการอัปเกรดมาจนถึงรุ่นที่ 5 แล้ว สิ่งที่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด คือดีไซน์ภายนอกที่มีขนาดเล็กลง และน้ำหนักเบาลง 20% ช่วยให้เราสวมใส่ได้สบายมากยิ่งขึ้น แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานถึง 12 ชม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

เรื่องของเสียงยังคงกลิ่นอายของความเป็น Sony เอาไว้ได้อย่าครบถ้วน เสียงเบสมาเป็นลูก ออกไปในทางนุ่ม แต่ก็ยังฟังได้สนุก เสียงกลางทำออกมาได้สว่าง ชัดถ้อยชัดคำไม่อู้อี้ เสียงแหลมใสสะอาดเป็นประกาย มีรายละเอียดที่ดีมาก ๆ

ภาพรวมเป็นหูฟังเจ็บแต่จบ คุณภาพเสียงที่ให้มาดีสมราคา ตัดเสียงรบกวนได้เฉียบขาดที่สุดในบรรดาหูฟัง TWS และคุณภาพงานประกอบทำออกมาได้เนี้ยบไร้ที่ติ จึงเป็นหูฟังตัวจบที่พร้อมกับทุกสถานการณ์

10. Bose QuietComfort Ultra Earbuds

สเปค

  • การตอบสนองความถี่ : ไม่ระบุ
  • ไดรเวอร์ : ไดนามิกขนาด 9.3 มม.
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.3
  • ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)
    • หูฟัง : 31.24 x 20.06 x 24.38 มม.
    • กล่องชาร์จ : 66.29 x 59.43 x 26.67 มม.
  • น้ำหนัก
    • หูฟัง : 7.7 ก.
    • รวมกล่องชาร์จ : 59.87 ก.
  • การกันน้ำ : IPX4
  • แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ 6 ชม. (รวมกล่องชาร์จ 24 ชม.)
  • Codec : SBC, AAC, AD2P, LC3
  • Active Noise-Cancellation (ANC) : Yes
  • ราคา : 11,490 บ.
  • ตามไปตำได้ที่ : Link

ปิดท้ายด้วยหูฟังที่ขึ้นชื่อว่าเสียงเพราะ มีความเป็นผู้ดีที่สุดกัน กับ Bose QuietComfort Ultra Earbuds ที่ให้เสียงออกมาได้นุ่มละมุนหู ฟังสบายสไตล์ Bose เสียงเบสทำได้นุ่มลึก มีอิมแพ็คที่ดี เสียงกลางโปร่งและกว้าง รายละเอียดชัด เสียงแหลมทอดได้ไกลพอประมาณ เนื้อเสียงมีความชุ่มฉ่ำไม่แห้ง

ต้องบอกว่าเดิม ๆ มิติเสียงก็ทำได้สมจริงอยู่ในระดับที่ดีมากแล้ว แต่ถ้าเปิดโหมดเสียงรอบทิศทาง Spatial Audio ก็จะยิ่งยกระดับความ Surround ขึ้นไปอีกขั้น วัสดุงานประกอบทำออกมาได้พรีเมียมสมราคา สวมใส่ที่สบาย และกระชับหู ใส่ได้ทั้งวันไม่มีล้าหู

ส่วนฟีเจอร์ด้านการตัดเสียงรบกวน ANC ที่ให้มาก็อยู่ในระดับท็อป ตัดได้เงียบสนิทเป็นเบอร์ต้น ๆ ของวงการหูฟัง ทำได้สงัด สบายหู ไม่เวียนหัว ภาพรวมเป็นหูฟังที่เสียงดี ตัดเสียงรบกวนเยี่ยมสมเป็นหูฟังเบอร์ต้นของวงการ TWS เลย

และนี่ก็คือหูฟัง TWS ที่เราคัดมาให้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจเลือกซื้อหูฟังไร้สาย และใครที่ชอบความบันเทิงด้านเสียง เรายังเคยแนะนำลำโพงไร้สาย ลำโพงคอมพิวเตอร์ไว้ด้วยนะ ไปอ่านกันได้ตามลิงก์ข้างล่างเลย