ในปัจจุบันอาจปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกยุคปัจจุบัน การทำคอนเทนต์ลงบนโลกออนไลน์ก็ถือว่าเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงอย่างมาก สังเกตง่าย ๆ จากหน้าฟีด Facebook, Instagram หรือ Tiktok ของทุกท่าน ก็คงพบเห็นคลิปวิดีโอมากมายที่มาจากผู้คนที่หลากหลาย ตั้งแต่เด็กน้อยวัยอนุบาล ลากยาวไปจนถึง ปู่-ยาย วัยเกษียณ ทำให้เรารู้ได้เลยว่ายุคนี้มันเปิดกว้างขนาดไหนสำหรับผู้ผลิตคอนเทนต์

โดยสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ในระหว่างการผลิตคอนเทนต์วิดีโอ ก็คงเป็นการตัดต่อวิดีโอ (Editing) ที่ถือเป็นจุดหนึ่งที่สำคัญของศาสตร์การเล่าเรื่องเลย หลายคนอาจจะคิดว่าการตัดต่อมันยุ่งยาก มีใช้ค่าจ่ายที่สูง ต้องใช้คอมพิวเตอร์ระดับเทพเท่านั้น จนบางคนต้องพลาดโอกาสได้ทำความรู้จักการตัดต่อไป ในบทความนี้เราจะมาเติมเต็มช่องว่างตรงนั้น พาคุณไปทำความรู้จัก 8 แอปพลิเคชันตัดต่อบนมือถือที่ถึงจะมีงบไม่เยอะ มือถือไม่แรงแพงเท่าใครเขา คุณก็มีโอกาสได้สัมผัสการตัดต่อได้


CapCut

เริ่มมาที่แอปฯ ยอดฮิตในปัจจุบันสำหรับสายทำคอนเทนต์ที่เน้นไว เน้นครบจบงานวิดีโอในแอปฯเดียว CapCut คือตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ ในยุคนี้ด้วยจุดเด่นในเรื่องความง่ายในการใช้งาน สะดวกต่อการใช้งานในหลากหลายอุปกรณ์ และเรื่องของคลัง Effect / Template / Transitions ต่าง ๆ ที่มีให้เลือกมากมายไม่ต้องยุ่งยากไปหาเอง จุดด้อยเดียวที่เห็นชัดที่สุดของ CapCut ก็คงเป็นเรื่อง Timeline เสียงที่ทำได้ซับซ้อนไม่เท่าแอปฯ อื่น ๆ

เหมาะสำหรับ : ทำคอนเทนต์ลง Tiktok, IG Reel, Youtube Shorts

ค่าใช้จ่าย : ฟรี / สมัครสมาชิก CapCut Pro เริ่มต้นในราคา150 บาท

ดาวน์โหลดได้ที่นี่ : Android, iOS


InShot

แอปฯ ต่อมาหากบอกจุดเด่นของ CapCut คือความสะดวก รวดเร็ว เครื่องมือหลากหลายมาก ๆ สำหรับงานวิดีโอ จุดเด่นของแอปฯ ต่อมาอย่าง InShot ก็คงเป็นความอเนกประสงค์ที่สามารถทั้งตัดต่อวิดีโอ ทั้งแต่งภาพได้ในที่เดียว ความง่ายดายในการใช้งาน Effect / สติ้กเกอร์ มีให้ครบสำหรับงานวิดีโอและภาพนิ่ง แต่อาจจะไม่เหมาะกับการตัดต่อคลิปแบบใส่ Inserts มากกว่า 1 ชิ้นในเฟรมเดียว เพราะ InShot แทรกรูปภาพหรือวิดีโอได้เพียง Timeline เดียวเท่านั้น

เหมาะสำหรับ : ทำคอนเทนต์ลง Tiktok, IG Reel, Youtube Shorts / แต่งรูปสวย ๆ ลง Social Media ของตัวเอง

ค่าใช้จ่าย : ฟรี / สมัครสมาชิก InShot Pro เริ่มต้นในราคา 199 บาท / ซื้อขาดในราคา 1,990 บาท

ดาวน์โหลดได้ที่นี่ : Android, iOS


Videoleap by Lightricks

หากต้องการความเท่ ความเจ๋ง และความสะดวก Videoleap by Lightricks คงจะเหมาะกับคุณ เพราะแอปฯ มี Effect / Transition ที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์อย่างเช่น Lens Flares และ Glitches ที่ใน CapCut ต้องทำเองแบบแมนนวล และอีกหนึ่งจุดเด่นของ Videoleap คือสามารถเอาวิดีโอสต็อกกับฟุตเทจจาก Pixabay มาใช้ได้เลยภายในตัวแอปฯ ซึ่งเหมาะมาก ๆ สำหรับคอนเทนต์แนว Storytelling มาก ๆ เพียงแต่ถ้าต้องการใช้ฟีเจอร์เหล่าได้เต็มประสิทธิภาพก็จำเป็นต้องสมัครสมาชิกรายเดือน

เหมาะสำหรับ : ทำคอนเทนต์ลง Tiktok, IG Reel, Youtube Shorts

ค่าใช้จ่าย : ฟรี / สมัครสมาชิกเริ่มต้นในราคา 119 บาท

ดาวน์โหลดได้ที่นี่ : Android, iOS


VN Video Editor

VN Video Editor ถือว่าเป็นแอปฯ ในมือถือที่จริงจังขึ้นมาในอีกระดับหนึ่ง คล้ายกับได้ตัดต่อในโปรแกรมของ PC เลย หากผู้ที่ต้องการเรียนวิธีตัดต่อขั้นพื้นฐาน แอปฯ นี้ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีมาก ๆ เพราะเครื่องมือต่าง ๆ ที่จะได้ใช้ใน VN Video Editor เป็นเครื่องมือขั้นสูงทั้งสิ้น (Color Grading รองรับ LUTs, Speed Curve และ Keyframe Animation) แต่จะติดปัญหาตรงที่ถ้าหากมือถือที่ใช้ไม่แรงพอ แอปฯ จะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จากอาการกระตุก และ ทำงานช้า

เหมาะสำหรับ : ช่างตัดต่อมืออาชีพ / เริ่มศึกษาการตัดต่อพื้นฐานไปจนถึงขั้นสูง / ทำคอนเทนต์คลิปยาวลง Social Media ต่าง ๆ

ค่าใช้จ่าย : ฟรี / สมัครสมาชิก VN Pro เริ่มต้นในราคา 119 บาท

ดาวน์โหลดได้ที่นี่ : Android, iOS


Splice

ถ้า VN Video Editor แอปฯ ตัดต่อที่จริงจังพอ ๆ กับใช้งานบน PC Splice ก็ขึ้นชื่อเรื่องหน้าตา Interface ได้สวยงาม เรียบง่ายที่สุดแอปฯ หนึ่งเลย ทำให้เป็นมิตรต่อผู้ใช้ง่ายใหม่ไม่แพ้แอปพลิเคชันที่กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้ รวมถึงเรื่องคลังซาวน์ประกอบกับเพลงที่มีให้ได้เลือกใช้หลากหลาย แถมประหยัดพื้นที่จัดเก็บน้อยกว่าแอปอื่น ๆ แต่หากใช้เวอร์ชันฟรี จำเป็นต้องติดลายนํ้าของแอปฯ ตอน Export Video

เหมาะสำหรับ : เริ่มศึกษาการตัดต่อพื้นฐานไปจนถึงขั้นสูง

ค่าใช้จ่าย : ฟรี / สมัครสมาชิกเริ่มต้นในราคา 349 บาท

ดาวน์โหลดได้ที่นี่ : Android, iOS


PowerDirector

ถ้าจะให้จำกัดความแอปพลิเคชัน PowerDirector สั้น ๆ ก็คงจะเป็นคำว่า สุดยอดลูกผสม เหตุว่าแอปฯ ตัวนี้ สามารถผสมผสานความละเอียดซับซ้อนของโปรแกรมบน PC กับ ความสะดวก เรียบง่ายแบบ CapCut ได้อย่างลงตัว เพราะนอกจากฟีเจอร์ AI ที่แอปฯ ก่อนหน้านิยมมีเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน Powerdirector ยังมีเครื่องมือขั้นสูงสุดเจ๋งมาให้อีกด้วย (Video Stabilization, Blending Modes, Keyframe Controls) แต่ความแรงและความเจ๋งก็ต้องมาพร้อมการกินทรัพยากรสูงมาก ๆ และแน่นอนไม่ว่าเวอร์ชันฟรีอาจไม่ได้ประสบการณ์ที่ดีขนาดที่กล่าวมา

เหมาะสำหรับ : เริ่มศึกษาการตัดต่อพื้นฐานไปจนถึงขั้นสูง / ทำคอนเทนต์คลิปยาวลง Social Media ต่าง ๆ

ค่าใช้จ่าย : ฟรี / สมัครสมาชิกเริ่มต้นในราคา 189 บาท

ดาวน์โหลดได้ที่นี่ : Android, iOS


KineMaster

หากใครติดตามคอนเทนต์บน YouTube อยู่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คงจะพบเห็นวิดีโอสอนตัตต่อเบื้องต้นมักเลือก KineMaster มาเป็นแอปฯ หลักในการสอน ซึ่งเหตุผลก็มาจาก KineMaster เป็นแอปฯ ตัดต่อเจ้าแรก ๆ ที่มีให้ใช้ในมือถือ แถมยังสามารถใช้งานได้ซับซ้อนแบบโปรแกรมตัดต่อบน PC ได้ ทำให้ KineMaster ถึงได้กลายเป็นแอปพลิเคชันตัดต่อขวัญใจคนใช้มือถือหลาย ๆ คน แต่อาจไม่เหมาะกับสายตัดต่องานวิดีโอจริงจังมากนัก (ตัดต่อภาพยนตร์ / งานระดับวงการทีวี) เพราะเครื่องมือส่วนใหญ่เน้นไปทางคอนเทนต์สบาย ๆ มากกว่า

เหมาะสำหรับ : เริ่มศึกษาการตัดต่อพื้นฐาน / ทำคอนเทนต์คลิปยาวลง Social Media ต่าง ๆ

ค่าใช้จ่าย : ฟรี / สมัครสมาชิกเริ่มต้นในราคา 199 บาท

ดาวน์โหลดได้ที่นี่ : Android, iOS


LumaFusion

LumaFusion นับเป็นเพียงแอปฯ เดียวในบทความนี้ ที่ต้องซื้อก่อนถึงจะใช้งานได้ ซึ่งการจ่ายเงินให้กับแอปพลิเคชันตัดต่อราคาหลักพันตัวนี้ คงเป็นตัวเลือกที่ดีไม่ใช่น้อย เพราะนอกจากเรื่องฟีเจอร์ AI ที่ช่วยอำนวยความสะดวกอัตโนมัติที่ไม่มีให้ ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ 9 แอปฯ ก่อนหน้าทำได้ LumaFusion ทำได้ทั้้งหมด แล้วทำได้ครบเครื่องเทียบเท่าโปรแกรมใน PC เลยทีเดียว

เหมาะสมมาก ๆ สำหรับใครที่ไม่ชอบจ่ายเป็นรายเดือน แต่หากใครที่ใช้แอปฯ ตัดต่ออื่น ๆ เป็นประจำอาจงงได้ เพราะทุกอย่างใน LumaFusion ผู้ใช้ต้องเรียนรู้แล้วทำด้วยตัวเองเป็นหลัก

เหมาะสำหรับ : ช่างตัดต่อมืออาชีพ / ทำคอนเทนต์คลิปยาวลง Social Media ต่าง ๆ

ค่าใช้จ่าย : ซื้อครั้งเดียวจบ 1,000 บาท

ดาวน์โหลดได้ที่นี่ : Android, iOS