ในช่วงต้นปีแบบนี้ ใครที่กำลังจะเปลี่ยนมือถืออาจจะกำลังมองหามือถือรุ่นใหม่ ๆ อยู่ ซึ่งถ้าหากคุณเป็นคนที่ติดตามข่าวคราวมือถืออยู่เป็นประจำ จะหามือที่ดี ๆ ที่สเปคคุ้มค่ากับเงินที่เราจ่ายไปก็อาจจะไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่  แต่สำหรับบางคนที่ไม่ค่อยมีความรู้ด้านมือถือ หรือไม่ได้เปลี่ยนมือถือมาเกิน 4 – 5 ปี อาจเป็นเรื่องที่ชวนปวดหัวสักหน่อย เพราะสเปคมือถือในยุคนี้พัฒนาเร็วจนตกใจ แถมทุกปีก็จะมีมาตรฐานใหม่ ๆ ที่ชวนงงอยู่เสมอ ๆ  ในวันนี้เราจึงได้รวบรวมสิ่งที่ควรรู้ และสเปคขั้นต่ำที่ควรได้ใน มือถือ 2023 (Android) มาฝากกันครับ

Play video

ชิปเซตประมวลผล

มือถือ 2023 ชิป

ชิปเซตประมวลผลถือเป็นหัวใจหลักของมือถือทุกรุ่น มือถือที่คุณกำลังคิดจะซื้อในปี 2023 จะเร็ว / ช้า หรือให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ส่วนนี้เป็นหลัก ชิปเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะมาพร้อมกับความสามารถในด้านการจัดการพลังงานแบตเตอรี่ที่ดีกว่า จัดการกับความร้อนได้ดีกว่า ซึ่งในแต่ละระดับราคาของมือถือที่มาพร้อมกับชิปที่มีประสิทธิภาพไม่เหมือนกันด้วย

ในยุคนี้ที่ 5G กำลังจะได้รับความนิยม หากจะซื้อมือถือในปี 2023 อยากให้ลองมองหาชิปอย่าง Mediatek Dimensity 800 ขึ้นไป และส่วนฝั่ง Qualcomn ก็ขอให้ดูเป็น Snapdragon 695 ขึ้นไป เพราะชิปเหล่านี้รองรับ 5G อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพที่ใช้งานได้ค่อนข้างครบถ้วน เล่นเกมได้ ใช้งานดี

Snapdragon Chip

แต่ถ้าใครไม่สน 5G แต่อยากได้ชิปประสิทธิภาพที่ดีขึ้นมาหน่อย MediaTek Helio G99 และ Snapdragon 680 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้างบจำกัดมากจริง ๆ ในระดับต่ำกว่า 5,000 บาท MediaTek Helio G35 ถือว่าดีที่สุดในช่วงราคานี้ แต่ทั้งนี้ประสิทธิภาพอาจไม่ได้รวดเร็วปรู๊ดปร๊าด แต่ก็ยังพอใช้งานพอถูไถได้

แต่ถ้าอยากใช้งานมือถือ Android ให้ได้ประสบการณ์มากที่สุด จัดเต็มมากที่สุด ขอให้ลองมองหาชิประดับท็อปของแต่ละค่ายในขณะนั้น เช่น Snapdragon 8 Gen 2 และ MediaTek Dimensity 9200 ที่พึ่งเปิดตัวเมื่อช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมา เพราะทั้ง 2 ถือเป็นชิปที่แรงที่สุดในตลาด Android ตอนนี้แล้ว สำหรับใครที่งงว่าชิปแต่ละซีรีส์แตกต่างกันยังไง เราก็เคยเขียนรวมชิปจากทั้ง Qualcomm Snapdragon และ MediaTek ไว้ด้วยนะ

จอแสดงผล

มือถือ 2023 120Hz Screen

สเปคจอแสดงผลขั้นต่ำ: จอ LCD ความละเอียด HD+ รีเฟรชเรท 60Hz
สเปคจอแสดงผลแนะนำ:
จอ OLED ความละเอียด Full HD ขึ้นไป รีเฟรชเรท 90 – 120Hz

เรื่องขนาดของจอภาพนั้น อาจขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน แต่ด้านสเปคจอภาพ หากใครที่มีงบค่อนข้างจำกัด สเปคจอแสดงผลขั้นต่ำในยุคนี้เช่นจอ LCD ความละเอียด HD+ 60Hz ถือว่ายังพอใช้งานได้ และเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป แต่ถ้าสังเกตจริง ๆ จะเห็นถึงความหยาบของจอภาพเป็นเส้น ๆ เลยทีเดียว

แต่หากพอมีงบสามารถขยับขยายมาได้อีกนิดหนึ่ง เราขอแนะนำให้ลองมองหาจอความละเอียด Full HD+ ที่รองรับรีเฟรชเรท 90Hz ขึ้นไปจะดีกว่า เพราะท่านจะได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหล คมชัดสวยงามเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ หากจะให้ดีกว่านี้ต้องลองมองหาจอแสดงผลแบบ OLED (AMOLED หรือ Super AMOLED) เพราะว่าชนิดจอเหล่านี้ โด่งดังในเรื่องของความสว่าง สีสันสดใส แสดงผลสีดำได้มืดสนิทสมจริง ยกระดับประสบการณ์ขึ้นไปอีกหลายระดับเลยทีเดียว

 

RAM 

มือถือ 2023 RAM

ความจุแรมขั้นต่ำ: 4GB
ความจุแรมแนะนำ: 6 – 8GB ขึ้นไป

ยุคสมัยนี้ทั้งระบบ Android รวมถึงแอปทั้งหลาย ต่างกินทรัพยากรเครื่องเยอะขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ถ้าอยากจะใช้งานตัวเครื่องได้อย่างลื่นไหล เปิดค้างหลายแอป สลับใช้งานไปมาได้อย่างรวดเร็วขอให้ลองมองหามือถือที่มี RAM ตั้งแต่ 4GB ขึ้นไปถึงจะเพียงพอต่อการใช้งาน ซึ่งถ้าอยากใช้งานแบบเหลือ ๆ ไม่รัดคอจนเกินไป 6 – 8GB หรือสูงกว่านี้ ก็ทำให้การใช้งานแบบ Multi-Tasking ลื่นไหลสมบูรณ์แบบแล้ว

หากใครที่มีงบจำกัดแล้วสมาร์ทโฟนที่สนใจดันให้แรมมาน้อย แต่ถ้าหากมีฟีเจอร์ Extended RAM ก็อาจพอถูไถไปได้บ้าง เพราะฟีเจอร์ดังกล่าวจะเป็นการดึงเอาความจุในตัวเครื่องมาเพิ่มให้กับแรม ซึ่งจะช่วยให้มือถือสามารถเปิดแอปค้างไว้เบื้องหลังได้มากขึ้น สามารถสลับแอปไปมาได้รวดเร็วเพิ่มขึ้นมาในระดับหนึ่งแต่เร็วไม่สู้ RAM จริง ๆ แต่สำหรับมือถือที่มี ROM น้อย ฟีเจอร์นี้อาจทำให้เนื้อที่ไม่เพียงพอต่อการเก็บข้อมูลได้ 

 

ROM 

มือถือ 2023 ROM

ความจุรอมขั้นต่ำ: 64GB
ความจุรอมแนะนำ: 128GB ขึ้นไป (แนะนำให้เป็น ROM UFS)

ในปี 2023 ไม่แนะนำให้ซื้อมือถือความจุ 32GB แล้ว เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่ายุคนี้ แอปทั้งหลายล้วนกินทรัพยากรเครื่องเยอะขึ้น (โดยเฉพาะ LINE) ซึ่งถึงแม้ว่ามือถือรุ่นนั้น ๆ จะใส่เมมโมรี่การ์ดเพิ่มความจุได้ แต่ก็เก็บได้แค่เพียงข้อมูลรูปถ่าย หรือวิดีโอ แต่ไม่สามารถติดตั้งแอปในนั้นได้ ดังนั้นหากต้องซื้อมือถือใหม่ ก็ควรมองหารุ่นที่มีความจุเยอะเข้าไว้จะดีกว่า จะได้โหลดแอป เก็บข้อมูลได้เยอะ ๆ ไม่ต้องคอยมานั่งลบให้เสียเวลา

ทั้งนี้เราจะดูแค่เพียงตัวเลขความจุไม่ได้เช่นกัน เพราะ ROM ในสมาร์ทโฟนยุคนี้มีหลายชนิดมาก ๆ หากต้องการให้โหลดเข้าแอป ถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วทันใจ อยากให้ลองมองหาหน่วยความจำแบบ UFS 2.0 ขึ้นไปจะดีมาก ๆ เวอร์ชันยิ่งใหม่ ยิ่งเร็วกว่ารุ่นเดิม แต่ไม่แนะนำให้เลือกรุ่นที่มี ROM แบบ eMMC เพราะเป็นเทคโนโลยีเก่า และช้ากว่า ROM แบบ UFS 2.0 ถึง 2 เท่า

กล้องถ่ายภาพ

มือถือ 2023 กล้อง

แนะนำให้ดูรีวิวก่อนซื้อ

กล้องถ่ายภาพในสมาร์ทโฟนยุคนี้ชอบนำจำนวนกล้อง รวมถึงตัวเลขความละเอียดพิกเซล มาหลอกล่อทำให้ผู้ซื้อรู้สึกว่า กล้องยิ่งเยอะ/ตัวเลขพิกเซลยิ่งสูงเท่าไหร่คุณภาพรูปถ่ายยิ่งดี แต่ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันมานานมาก คุณภาพของภาพถ่ายจริง ๆ แล้วขึ้นอยู่กับคุณภาพของเซนเซอร์ที่มือถือรุ่นนั้นเลือกใช้ รวมถึงคุณภาพของซอฟต์แวร์ที่จะช่วยรีดประสิทธิภาพของกล้องให้ดูดีขึ้น

มากไปกว่านั้น มือถือแต่ละแบรนด์/แต่ละรุ่นก็มีสไตล์ และสีสันของภาพถ่ายที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นก่อนจะซื้อมือถือเครื่องใหม่อยากให้ลองเล่นที่ร้านค้าก่อน เพื่อดูว่าสไตล์ภาพถ่ายของรุ่นนั้นตรงกับความชอบของเราหรือไม่ หรือจะดูรีวิวจาก DroidSans เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อก็ได้นะ

แบตเตอรี่ใน มือถือ 2023

มือถือ 2023 แบต

 

ความจุแบตเตอรี่ขั้นต่ำ: 4,000 mAh
ความจุแบตเตอรี่แนะนำ: 5,000 mAh ขึ้นไป ควรมีเทคโนโลยีชาร์จไว

หากใช้งานทั่วไป และอยากให้เครื่องอยู่กับเราได้ตลอดทั้งวันควรเลือกซื้อสมาร์ทโฟนที่มีแบตเตอรี่ความจุประมาณ 4,000 mAh ขึ้นไป หากใครที่เป็นสายเกมเมอร์จ๋า ๆ เล่นเกมติดต่อกันเป็นเวลานานควรเลือกมือถือที่มีแบตเตอรี่ 5,000 mAh ขึ้นไป จะได้ไม่ต้องคอยชาร์จบ่อย ๆ ให้ขัดจังหวะ

ทั้งนี้อีก 1 สิ่งที่น่าพิจารณาสำหรับด้านแบตเตอรี่คือ เทคโนโลยีชาร์จไว เพราะแบตเตอรี่ที่มีความจุสูง ๆ จะต้องใช้เวลาชาร์จที่นานกว่าเพื่อน หากรุ่นไหนที่รองรับฟีเจอร์ Fast Charge ก็ควรเก็บเป็นตัวเลือกไว้พิจารณาเช่นกัน เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการชาร์จนานเกิน

พอร์ตเชื่อมต่อใน มือถือ 2023

มือถือ 2023 พอร์ตชาร์จ

ไม่ควรมีในมือถือปี 2023: micro-USB
ควรมีในมือถือปี 2023: USB Type-C

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ไม่ควรซื้อมือถือที่ใช้พอร์ตชาร์จแบบ micro-USB เพราะเป็นเทคโนโลยีที่เรียกได้ว่าเก่าและถึงทางตัน ถ่ายโอนข้อมูลได้ช้า ชาร์จได้ช้า แถมยังถูกดีไซน์มาให้เสียบได้แค่ด้านเดียว ในปี 2023 นี้ USB Type-C ได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่เป็นที่เรียบร้อย เพราะมันทั้งชาร์จได้เร็วกว่า ถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วกว่า ใช้งานได้กับหลากหลายอุปกรณ์

ดังนั้นไม่ว่ามือถือที่คุณกำลังจะซื้อจะถูก หรือจะแพงให้มองหา USB Type-C เอาไว้ อย่าให้ microUSB มาทำให้คุณรู้สึกหงุดหงิดกับเทคโนโลยีที่ล้าหลังนะ

สเปคอื่น ๆ ที่ควรพิจารณา

หากเจอมือถือที่สเปค และราคาใกล้เคียงกัน แล้วตัดสินใจไม่ถูกอยากให้ลองดูสเปคย่อย ๆ อ่าน/รับชมรีวิวบนอินเทอร์เน็ต หรือจะเข้าไปลองเล่นตัวเครื่องที่ร้านค้าก่อนก็ได้ พร้อมพิจารณาว่ามือถือที่คุณสนใจมีสเปค 5 สิ่งเหล่านี้ต่างกันอย่างไร เพราะ 5 สิ่งเหล่านี้ก็ส่งผลต่อประสบการณ์การใช้งานของเราด้วยเช่นกัน

  • ทนน้ำ ทนฝุ่นไหม?
  • ลำโพงเดี่ยว หรือลำโพงคู่ Stereo รวมถึงคุณภาพเสียง
  • มาตรฐานจอเป็นอย่างไร สีเที่ยงตรงไหม รองรับ HDR 10 และสว่างสู้แสงรึเปล่า
  • ดู Netflix HD ได้หรือไม่ (Widevine DRM L1)
  • ดีไซน์ / วัสดุตัวเครื่อง / ชนิดกระจกนิรภัย ถูกใจไหม

Play video

นี่คือทั้งหมดสำหรับสิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อสมาร์ทโฟนในปี 2023 แต่ถ้าหากใครยังเลือกไม่ถูกว่าควรจะซื้อรุ่นไหนดี เมื่อช่วงสิ้นปี 2022 ที่ผ่านมาเราก็ได้จัดทำบทความรวมมือถือแนะนำในช่วงระดับราคาต่าง ๆ มาไว้เพื่อช่วยทุก ๆ ท่านในการเลือกซื้อมือถือใหม่ในช่วงต้นปี 2023 นี้ด้วย หากใครสนใจสามารถคลิกที่ช่วงระดับราคา และเข้าไปอ่านต่อได้เลย

Sub 5000 THB Smartphone

10 มือถือน่าซื้อปี 2023 ราคาไม่เกิน 5,000 บาท

 10 มือถือน่าซื้อปี 2023 ราคาไม่เกิน 10,000 บาท

10 มือถือน่าซื้อปี 2023 ราคาไม่เกิน 15,000 บาท

10 มือถือน่าซื้อปี 2023 ราคาไม่เกิน 20,000 บาท