เขียนข่าวไปเหงื่อตกไป สถาบันการเงินใหญ่ของโลก Goldman Sachs ออกโรงเตือนผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หลังมีกระแสการพัฒนา AI ที่ก้าวกระโดดอย่างไม่หยุดยั้ง อย่างกระแสฮิต ChatGPT ของ OpenAI และตัวอื่น ๆ อีกมากมายทั่วโลก เพราะตำแหน่งงานหลายอย่างที่มีอยู่ในขณะนี้นั้น สามารถถูกทดแทนด้วยปัญญาประดิษฐ์
งานที่จะถูกแทนด้วย AI
โดยประเภทงานที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คาดว่าจะเป็นพวกงานออฟฟิศ (White Collar) โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชีพทนายความ และงานธุรการ ที่ขึ้นอันดับต้นเสี่ยงถูกแทนด้วย AI มากที่สุด
ในทางกลับกัน การประเภทใช้แรงงาน (ฺBlue Collar) นั้น แทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากกระแส AI เลย เนื่องจากเป็นงานที่ต้องใช้แรงกาย และทักษะในการทำงาน ยังไม่มีคอมพิวเตอร์มาทดแทนได้
ประเมินสถานการณ์ทางฝั่งอเมริกาและยุโรป คาดว่าตำแหน่งงานราว 2 ใน 3 ที่มีอยู่นั้น สุ่มเสี่ยงต่อการถูก AI ทำหน้าที่บางส่วนแทน และงานอีก 25% อาจถูกแทนด้วย AI แบบเต็มรูปแบบ ไม่ต้องใช้คนเลย
AI อาจสร้างงานเพิ่มขึ้นเช่นกัน
แม้อาจมีงานจำนวนมาก ที่จะถูก AI ยึดครองไป แต่ Goldman Sachs ก็ชี้ว่าเท่าที่ผ่านมา เทคโนโลยีใหม่ก็จำเป็นต้องมีคนมาควบคุมอีกที ก่อให้เกิดตำแหน่งงานด้านอื่น ๆ แทนเช่นกัน
โดย AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการทำงานให้สูงมากขึ้น อาจส่งผลให้ GDP พุ่งสูงขึ้นราว 7% ต่อเนื่องเป็นเวลา 10 ปี
ดังนั้นปัญญาประดิษฐ์ อาจไม่ได้เป็นเพียงแค่ศัตรูต่อการทำงาน แต่จะมาช่วยลดภาระในการทำงานลงไป ให้คนเอาเวลาไปสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมา และเทคโนโลยีนี้ก็จะมีความสำคัญเปลี่ยนแปลงโลก เหมือนกับการที่มนุษย์คิดค้นรถยนต์เป็นครั้งแรก หรือตอนที่เริ่มผลิตคอมพิวเตอร์ PC ได้เลยทีเดียว
เปิดตัว GPT-4 เอไอเจนใหม่ล่าสุดจาก OpenAI ฉลาดกว่าเดิมมาก ดูภาพเป็นแล้ว
เปิดตัว Google Bard แชตบอต AI อัจฉริยะตัวใหม่ ผู้ที่จะมาฆ่า ChatGPT
ที่มา : cnn
Comment